ทริปนี้ เดินทางกัน 21 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2557
กระทู้แรกใน Pantip อาจจะมีข้อผิดพลาดไปบ้าง ขออภัยไว้ก่อนล่ะกันนะคะ เป็นการรีวิวตามใจฉันมาก เหมือนการเดินทางในครั้งนี้ที่เดินทางไปแบบตามใจฉัน ทำการบ้านเตรียมตัวก่อนมาค่อนข้างน้อย คือวางมาน้อยมากจริงๆ ส่วนใหญ่มาอาศัยทำแพลนกันแบบสด (อันนี้ไม่ควรทำตามนะคะ แต่จริงๆ ก็ไม่มีใครมาวางแผนการเดินทางในแต่ละวันตอนถึงญี่ปุ่นแบบนี้อยู่แล้วใช่มั้ย ??? 555) การเดินทางด้วยตัวเองครั้งแรกที่ญี่ปุ่น โดยมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นน้อยนิด อย่าเรียกว่ามีเลยดีกว่า ...Ohaya , Sumimasan, Arigato…กับนับเลขได้ ichi ni san บลาๆๆ แค่นั้น ส่วนภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ ไปเรื่อยๆ
Day 1 : 21 Nov, 2014 (BKK-Narita
- ถึงสนามบิน Narita เวลา 15.oo น. (เวลาญี่ปุ่น)
(ตั๋ว TG ราคา Promotion ไปกลับ ราคา 17,560 บาท)
- ไปแลก JR Pass ที่ JR EAST Travel Service Center โดยตัดสินใจซื้อแบบ 7 วันเนื่องจากลองคำนวณดูแล้วบางวันอาจไม่จำเป็นต้องใช้ Pass ก็ได้ (ตอนนั้นซื้อไปราคา 8,000 บาท /7วัน และ 13,000 บาท/ 14วัน )
- นั่งรถไฟ Limited Express แบบธรรมดาเช้า Tokyo (1240 Yen) ลงที่สถานี Ueno
- เข้าที่พักแถวสถานี Hakosan (อาศัยนอนกับเพื่อน เนื่องจากมีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่น ประหยัดที่พักไปได้เยอะเลย)
- จากที่พัก ออกไปเดินเล่นที่ Ueno
- ไปเดินเล่นดูไฟ X'mas Illumination ที่ Roppongi
Day 2 : 22 Nov, 2014
- นั่งรถไฟไปสถานี Asakusa เพื่อไปสาย Tobu Nikko line
- ซื้อ Pass ที่ Tobu Sightseeing Service Center ภายในสถานี Tubu –Asakusa โดยซื้อแบบ 2 Day Nikko Pass (คนละ 2670 เยน) เนื่องจากเวลามีค่อนข้างจำกัดเจ้าหน้าที่จึงเลือกแนะนำให้เที่ยวเฉพาะวัดและศาลเจ้าบริเวณ Central Nikko จึงจะคุ้มกว่า
- เที่ยววัดและศาลเจ้าบริเวณ Central Nikko
- กลับจาก Nikko แวะ shopping ซักหน่อย ...Unique สาขา Shinjuku ฉลองครบรอบ30 ปีพอดี ลดครั้งยิ่งใหญ่เลยได้ติดมือมานิดหน่อย เพราะว่าไม่ค่อยได้เอาเสื้อผ้ามาพอดี 555 (แวะช้อปแป๊ป)
Day 3 : 23 Nov, 2014
- ไปซื้อ Hakone Free Pass แบบ 2 วัน (คนละ 7400 เยน) ที่ Odakyu Sightseeing Service Center ภายในสถานี Shinjuku บริเวณ West exit
- นั่งรถ Chuo Highway Bus จากสถานี Shinjuku ไปสถานี Kawaguchiko (1.45 นาที) วันที่ไปเป็นอาทิตย์รถค่อยข้างติด เลยใช้เวลาประมาณ 2.15 นาที
- การเดินทางท่องเที่ยวภายใน Kawaguchiko ส่วนใหญ่ใช้รถบัส จึงซื้อ Free Coupon สาย Kawaguchiko ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายใน 2 วัน (1030 เยน)
- นั่งรถไฟไป Chureito Pagoda (ไปกลับ 600 เยน) เป็นเจดีย์ที่อยู่บนเนินเขาหลังสถานีรถไฟ Shimoyashida จากสถานี Kawaguchiko ลงสถานี Shiyomoshida เดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาที (ส่วนตัวคิดว่าเหมือนเดินขึ้นดอยสุเทพ แต่ชันกว่า) เนื่องจากไปถึงช้าและฟ้ามืดเร็วมากประมาณ 5 โยงเย็นก็มืดแล้ว วิวที่ได้จึงเห็นแบบในรูปข้างล่างนี้
- กลับมานอน Kawaguchiko พักที่ Resort Inn Fujihashi (คืนละ 2,592 บาทรวมอาหารเช้า 1 มื้อ) เป็นโรงแรมที่มองเห็นฟูจิซังหน้าโรงแรม สะดวก สบาย ใกล้ป้ายรถเมล์และร้านสะดวกซื้อ
Day 4 : 24 Nov, 2014
- เดินเล่น Kawaguchiko Lake นั่งรถบัสเที่ยวรอบๆ
- กลับมาขึ้นรถบัสที่สถานี Kawaguchiko เพื่อไป Hakone โดยสามารถใช้ Hakone Pass ที่ซื้อไว้ได้ โดยรถบัสจะไปจอดที่ Gotemba แล้วเปลี่ยนรถบัสอีกคันที่จุดรอรถ ซึ่งที่จุดนี้จะมีไป 2 สาย คือรถสายที่จะไป Gotemba Outlet กับสาย Hakone โดยจะแบ่งเป็น 2แถวมีเส้นแบ่งชัดเจน แต่อ่านไม่ออก 555 ถ้าไม่รู้ก็ถามคนแถวนั้นเลยจ้า เพราะเราก็อาศัยถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นเหมือนกัน ^^”
- คืนนี้นอนที่ Hakone ชื่อโรงแรม Fujimien เลือกห้องสไตล์ญี่ปุ่นนอนฟูก มีออนเซนแบบรวม ราคาคืนละ 18,300 เยน รวมอาหารเช้า 1มื้อ
- ออกไปเดินเล่นที่ทุ่งหน้าซูซุกิ ด้วยรถบัสที่วิ่งผ่านบริเวณหน้าโรงแรม ฟ้าเริ่มมืดก็กลับมาโรงแรม แช่ออนเซน แก้ปวดเมื่อยได้ดีมากๆ ลืมบอกไปมื้อเย็นเราไม่ได้ให้โรงแรมจัดให้ อยากหากินเองจ้า
Day 5 : 25 Nov, 2014
- นั่งรถบัสไปสถานี Togendai เพื่อขึ้นกระเช้าไปลงสถานี Owakudani วันนี้ทำใจมาล่วงหน้าจากพยากรณ์อากาศแล้วว่าฝนจะตก ลมแรงมาก ทั้งหนาวลมหนาวฝน สุดๆ ค่ะ
- ต่อด้วยล่องเรือโจรสลัด
- นั่งรถบัส Hakona Tozan Bus ไปลง Odawara จริงๆ แล้ว Hakone Pass จะรวมตั๋วรถไฟจาก Odawara กลับ Shinjuku ด้วย แต่เรายอมทิ้งตั๋วนั้น เพื่อไป Kamakura
- จาก Odawara นั่งรถไฟไป Kamakura (ค่ารถไฟ 760 เยน)
- เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงวัด Kotoku-in (วัดพระไดบุสซึ) จริงๆ ควรนั่งรสบัสไป แต่เราอยากเดินเล่นเพราะที่ Kamakura มีร้านเล็กๆ น่ารักๆ เยอะเลยทีเดียว เดินเล่นไปต่อเจอ วัด Hasedera เป็นวัดที่มีจุดชมวิวเป็นวิวทะเล
- นั่งรถไฟจาก Kamakura กลับ Shinjuku ( 920 เยน)
- ไปเดินเล่นแถว Tokyo Dome เนื่องจากห้องเพื่อนที่ Tokyo อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Dome สามารถเดินไปได้
Day 6 : 26 Nov, 2014
- ไปเมือง Shizuoka จาก Tokyo นั่งรถไฟมาประมาณ 2 ชั่วโมง , เที่ยวในตัวเมือง Shizuoka
Day 7 : 27 Nov, 2014
- นั่งรถบัสไป Kunozan
- นั่ง Ropeway ข้ามไปฝั่ง Nihondaira (จุดชมวิวมองเห็นฟูจิซังชัดมาก เลยใช้เวลาดื่มด่ำกับวิวฟูจิซังอย่างคุ้มค่า)
- นั่ง Ropeway กลับมาฝั่ง Kunazan , เดินดูฟาร์มสตรอเบอรี่ แล้วก็ กลับไปตัวเมือง Shizuoka
Day 8 : 28 Nov, 2014
- เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ JR PASS เราก็ประเดิมกันด้วย Shinkanzen (เพื่อความคุ้ม 555) ออกจาก Shizuoka แต่เช้าเพื่อไป Kyoto ก่อนเพราะเช็คพยากรณ์อากาศแล้ววันนี้ฝนจะไม่ตก เลยเลือกไป Kyoto ก่อน ฝากกระเป๋าไว้ใน Locker ที่สถานี Kyoto (กลับมานอนที่Osaka) เที่ยว Arashiyama, วัด Kinkakuji, ปราสาท Nijojo โดยซื้อ Kyoto one day pass คนละ 500 เยน
- กลับมา Osaka นอนโรงแรม Tokoyo Inn Umeda (4คืน ราคา 29,916 เยน ) เพื่อความสะดวกก็เลยไม่ได้ย้ายโรงแรมเลยนอนที่เดียวกันหมด
Day 9 : 29 Nov, 2014
- ไป Nara วันฝนตกแกวันชุ่มช้ำมากค่ะ น้องกวางคุ้นเคยกับคนมาก ขอขนมกินตลอดทางเดิน ซึ่งการเดินทางใน Nara ส่วนใหญ่นั่งรถบัสเลยซื้อ Pass Bus Nara คนละ 500 เยน
- กลับมา Osaka เที่ยวปราสาท Osaka
- เที่ยว Dotonbori, Shinsaibashi
Day 10 : 30 Nov, 2014
- ไป Kyoto อีกวัน เที่ยว Tofukuji, วัดน้ำใส, วัดเงิน
- ดูนิทรรศการศิลปะตู้ปลาทอง ที่บริเวณปราสาท Nijojo เนื่องจากตอนมาเที่ยวปราสาท Nijojo วันก่อนแล้วเห็นคนมาต่อแถวเยอะมาก น่าจะต่อกันตั้งแต่ 4 โมงเย็น ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหลงมาแบบเราเลยเข้าไปถาม พนักงานเลยเอารูปมาให้ดูเหมือนเป็นงานแสดงโชว์ตู้ปลาโดยตู้ปลาและถังถูกปลาประดับด้วยแสงสี เสียง ที่ออกแบบมาล้ำสมัยแต่ยังคงมีกลิ่นอายวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอยู่ เช่น ลวดลายกิโมโน และโคมไฟญี่ปุ่นประดับ เราเลยคิดไว้ถ้ามีเวลาน่ามาลองดูสักครั้ง พอมา Kyoto อีกวันเราจึงมาต่อแถวดูบ้าง ค่าบัตรเข้าชมคนละ 1500 เยน ยืนต่อแถวไปประมาณ 1 ชม.กว่าๆ แถวคดไปคดมาเป็น 10 ตลบ แล้วฝนก็มาตกอีก แต่เราก็สู้ ค่ะ ไหนๆ ก็มาเที่ยวล่ะ ...ขอนับถือคนญี่ปุ่นเรื่องระเบียบวินัยและการอดทนในการต่อแถวจริงๆ ค่ะ
Day 11 : 1 Dec, 2014
- เที่ยว Universal Studio Japan โดย Highlight อยู่ที่ Harry Potter ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ อยู่ที่ USJ (ค่าตั๋วเข้า USJ คนละ 6,980 เยน)
...เด๋วมาต่อวันที่ 12 นะคะ (พื้นที่เต็มล่ะค่ะ)
[CR] Review...ครั้งเดียวครบทุกฤดู Japan 15 วัน 10 เมือง
กระทู้แรกใน Pantip อาจจะมีข้อผิดพลาดไปบ้าง ขออภัยไว้ก่อนล่ะกันนะคะ เป็นการรีวิวตามใจฉันมาก เหมือนการเดินทางในครั้งนี้ที่เดินทางไปแบบตามใจฉัน ทำการบ้านเตรียมตัวก่อนมาค่อนข้างน้อย คือวางมาน้อยมากจริงๆ ส่วนใหญ่มาอาศัยทำแพลนกันแบบสด (อันนี้ไม่ควรทำตามนะคะ แต่จริงๆ ก็ไม่มีใครมาวางแผนการเดินทางในแต่ละวันตอนถึงญี่ปุ่นแบบนี้อยู่แล้วใช่มั้ย ??? 555) การเดินทางด้วยตัวเองครั้งแรกที่ญี่ปุ่น โดยมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นน้อยนิด อย่าเรียกว่ามีเลยดีกว่า ...Ohaya , Sumimasan, Arigato…กับนับเลขได้ ichi ni san บลาๆๆ แค่นั้น ส่วนภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ ไปเรื่อยๆ
Day 1 : 21 Nov, 2014 (BKK-Narita
- ถึงสนามบิน Narita เวลา 15.oo น. (เวลาญี่ปุ่น)
(ตั๋ว TG ราคา Promotion ไปกลับ ราคา 17,560 บาท)
- ไปแลก JR Pass ที่ JR EAST Travel Service Center โดยตัดสินใจซื้อแบบ 7 วันเนื่องจากลองคำนวณดูแล้วบางวันอาจไม่จำเป็นต้องใช้ Pass ก็ได้ (ตอนนั้นซื้อไปราคา 8,000 บาท /7วัน และ 13,000 บาท/ 14วัน )
- นั่งรถไฟ Limited Express แบบธรรมดาเช้า Tokyo (1240 Yen) ลงที่สถานี Ueno
- เข้าที่พักแถวสถานี Hakosan (อาศัยนอนกับเพื่อน เนื่องจากมีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่น ประหยัดที่พักไปได้เยอะเลย)
- จากที่พัก ออกไปเดินเล่นที่ Ueno
- ไปเดินเล่นดูไฟ X'mas Illumination ที่ Roppongi
Day 2 : 22 Nov, 2014
- นั่งรถไฟไปสถานี Asakusa เพื่อไปสาย Tobu Nikko line
- ซื้อ Pass ที่ Tobu Sightseeing Service Center ภายในสถานี Tubu –Asakusa โดยซื้อแบบ 2 Day Nikko Pass (คนละ 2670 เยน) เนื่องจากเวลามีค่อนข้างจำกัดเจ้าหน้าที่จึงเลือกแนะนำให้เที่ยวเฉพาะวัดและศาลเจ้าบริเวณ Central Nikko จึงจะคุ้มกว่า
- เที่ยววัดและศาลเจ้าบริเวณ Central Nikko
- กลับจาก Nikko แวะ shopping ซักหน่อย ...Unique สาขา Shinjuku ฉลองครบรอบ30 ปีพอดี ลดครั้งยิ่งใหญ่เลยได้ติดมือมานิดหน่อย เพราะว่าไม่ค่อยได้เอาเสื้อผ้ามาพอดี 555 (แวะช้อปแป๊ป)
Day 3 : 23 Nov, 2014
- ไปซื้อ Hakone Free Pass แบบ 2 วัน (คนละ 7400 เยน) ที่ Odakyu Sightseeing Service Center ภายในสถานี Shinjuku บริเวณ West exit
- นั่งรถ Chuo Highway Bus จากสถานี Shinjuku ไปสถานี Kawaguchiko (1.45 นาที) วันที่ไปเป็นอาทิตย์รถค่อยข้างติด เลยใช้เวลาประมาณ 2.15 นาที
- การเดินทางท่องเที่ยวภายใน Kawaguchiko ส่วนใหญ่ใช้รถบัส จึงซื้อ Free Coupon สาย Kawaguchiko ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายใน 2 วัน (1030 เยน)
- นั่งรถไฟไป Chureito Pagoda (ไปกลับ 600 เยน) เป็นเจดีย์ที่อยู่บนเนินเขาหลังสถานีรถไฟ Shimoyashida จากสถานี Kawaguchiko ลงสถานี Shiyomoshida เดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาที (ส่วนตัวคิดว่าเหมือนเดินขึ้นดอยสุเทพ แต่ชันกว่า) เนื่องจากไปถึงช้าและฟ้ามืดเร็วมากประมาณ 5 โยงเย็นก็มืดแล้ว วิวที่ได้จึงเห็นแบบในรูปข้างล่างนี้
- กลับมานอน Kawaguchiko พักที่ Resort Inn Fujihashi (คืนละ 2,592 บาทรวมอาหารเช้า 1 มื้อ) เป็นโรงแรมที่มองเห็นฟูจิซังหน้าโรงแรม สะดวก สบาย ใกล้ป้ายรถเมล์และร้านสะดวกซื้อ
Day 4 : 24 Nov, 2014
- เดินเล่น Kawaguchiko Lake นั่งรถบัสเที่ยวรอบๆ
- กลับมาขึ้นรถบัสที่สถานี Kawaguchiko เพื่อไป Hakone โดยสามารถใช้ Hakone Pass ที่ซื้อไว้ได้ โดยรถบัสจะไปจอดที่ Gotemba แล้วเปลี่ยนรถบัสอีกคันที่จุดรอรถ ซึ่งที่จุดนี้จะมีไป 2 สาย คือรถสายที่จะไป Gotemba Outlet กับสาย Hakone โดยจะแบ่งเป็น 2แถวมีเส้นแบ่งชัดเจน แต่อ่านไม่ออก 555 ถ้าไม่รู้ก็ถามคนแถวนั้นเลยจ้า เพราะเราก็อาศัยถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นเหมือนกัน ^^”
- คืนนี้นอนที่ Hakone ชื่อโรงแรม Fujimien เลือกห้องสไตล์ญี่ปุ่นนอนฟูก มีออนเซนแบบรวม ราคาคืนละ 18,300 เยน รวมอาหารเช้า 1มื้อ
- ออกไปเดินเล่นที่ทุ่งหน้าซูซุกิ ด้วยรถบัสที่วิ่งผ่านบริเวณหน้าโรงแรม ฟ้าเริ่มมืดก็กลับมาโรงแรม แช่ออนเซน แก้ปวดเมื่อยได้ดีมากๆ ลืมบอกไปมื้อเย็นเราไม่ได้ให้โรงแรมจัดให้ อยากหากินเองจ้า
Day 5 : 25 Nov, 2014
- นั่งรถบัสไปสถานี Togendai เพื่อขึ้นกระเช้าไปลงสถานี Owakudani วันนี้ทำใจมาล่วงหน้าจากพยากรณ์อากาศแล้วว่าฝนจะตก ลมแรงมาก ทั้งหนาวลมหนาวฝน สุดๆ ค่ะ
- ต่อด้วยล่องเรือโจรสลัด
- นั่งรถบัส Hakona Tozan Bus ไปลง Odawara จริงๆ แล้ว Hakone Pass จะรวมตั๋วรถไฟจาก Odawara กลับ Shinjuku ด้วย แต่เรายอมทิ้งตั๋วนั้น เพื่อไป Kamakura
- จาก Odawara นั่งรถไฟไป Kamakura (ค่ารถไฟ 760 เยน)
- เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงวัด Kotoku-in (วัดพระไดบุสซึ) จริงๆ ควรนั่งรสบัสไป แต่เราอยากเดินเล่นเพราะที่ Kamakura มีร้านเล็กๆ น่ารักๆ เยอะเลยทีเดียว เดินเล่นไปต่อเจอ วัด Hasedera เป็นวัดที่มีจุดชมวิวเป็นวิวทะเล
- นั่งรถไฟจาก Kamakura กลับ Shinjuku ( 920 เยน)
- ไปเดินเล่นแถว Tokyo Dome เนื่องจากห้องเพื่อนที่ Tokyo อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Dome สามารถเดินไปได้
Day 6 : 26 Nov, 2014
- ไปเมือง Shizuoka จาก Tokyo นั่งรถไฟมาประมาณ 2 ชั่วโมง , เที่ยวในตัวเมือง Shizuoka
Day 7 : 27 Nov, 2014
- นั่งรถบัสไป Kunozan
- นั่ง Ropeway ข้ามไปฝั่ง Nihondaira (จุดชมวิวมองเห็นฟูจิซังชัดมาก เลยใช้เวลาดื่มด่ำกับวิวฟูจิซังอย่างคุ้มค่า)
- นั่ง Ropeway กลับมาฝั่ง Kunazan , เดินดูฟาร์มสตรอเบอรี่ แล้วก็ กลับไปตัวเมือง Shizuoka
Day 8 : 28 Nov, 2014
- เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ JR PASS เราก็ประเดิมกันด้วย Shinkanzen (เพื่อความคุ้ม 555) ออกจาก Shizuoka แต่เช้าเพื่อไป Kyoto ก่อนเพราะเช็คพยากรณ์อากาศแล้ววันนี้ฝนจะไม่ตก เลยเลือกไป Kyoto ก่อน ฝากกระเป๋าไว้ใน Locker ที่สถานี Kyoto (กลับมานอนที่Osaka) เที่ยว Arashiyama, วัด Kinkakuji, ปราสาท Nijojo โดยซื้อ Kyoto one day pass คนละ 500 เยน
- กลับมา Osaka นอนโรงแรม Tokoyo Inn Umeda (4คืน ราคา 29,916 เยน ) เพื่อความสะดวกก็เลยไม่ได้ย้ายโรงแรมเลยนอนที่เดียวกันหมด
Day 9 : 29 Nov, 2014
- ไป Nara วันฝนตกแกวันชุ่มช้ำมากค่ะ น้องกวางคุ้นเคยกับคนมาก ขอขนมกินตลอดทางเดิน ซึ่งการเดินทางใน Nara ส่วนใหญ่นั่งรถบัสเลยซื้อ Pass Bus Nara คนละ 500 เยน
- กลับมา Osaka เที่ยวปราสาท Osaka
- เที่ยว Dotonbori, Shinsaibashi
Day 10 : 30 Nov, 2014
- ไป Kyoto อีกวัน เที่ยว Tofukuji, วัดน้ำใส, วัดเงิน
- ดูนิทรรศการศิลปะตู้ปลาทอง ที่บริเวณปราสาท Nijojo เนื่องจากตอนมาเที่ยวปราสาท Nijojo วันก่อนแล้วเห็นคนมาต่อแถวเยอะมาก น่าจะต่อกันตั้งแต่ 4 โมงเย็น ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหลงมาแบบเราเลยเข้าไปถาม พนักงานเลยเอารูปมาให้ดูเหมือนเป็นงานแสดงโชว์ตู้ปลาโดยตู้ปลาและถังถูกปลาประดับด้วยแสงสี เสียง ที่ออกแบบมาล้ำสมัยแต่ยังคงมีกลิ่นอายวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอยู่ เช่น ลวดลายกิโมโน และโคมไฟญี่ปุ่นประดับ เราเลยคิดไว้ถ้ามีเวลาน่ามาลองดูสักครั้ง พอมา Kyoto อีกวันเราจึงมาต่อแถวดูบ้าง ค่าบัตรเข้าชมคนละ 1500 เยน ยืนต่อแถวไปประมาณ 1 ชม.กว่าๆ แถวคดไปคดมาเป็น 10 ตลบ แล้วฝนก็มาตกอีก แต่เราก็สู้ ค่ะ ไหนๆ ก็มาเที่ยวล่ะ ...ขอนับถือคนญี่ปุ่นเรื่องระเบียบวินัยและการอดทนในการต่อแถวจริงๆ ค่ะ
Day 11 : 1 Dec, 2014
- เที่ยว Universal Studio Japan โดย Highlight อยู่ที่ Harry Potter ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ อยู่ที่ USJ (ค่าตั๋วเข้า USJ คนละ 6,980 เยน)
...เด๋วมาต่อวันที่ 12 นะคะ (พื้นที่เต็มล่ะค่ะ)