สังคมไทยพัฒนายาก เมื่ออำนาจมืดยังหลงเหลืออยู่ในสังคม

จุดเริ่มต้นของปัญหานี้เกิดจากปัญหาเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ลากผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มนี้อยู่ในแผนแม่บทฯ ตั้งแต่ปี 2547
ประชาชนในพื้นที่ก็ควรจะทราบกันดีและวางแผนในเรื่องที่อยู่อาศัยกันได้พอสมควร เพราะถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 10 ปีแล้ว

สำหรับสายสีส้มนี้ทางรฟม.เองก็ได้มีการแจ้งข่าวสาร รวมถึงเชิญเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนอยู่เรื่อยๆ
ซึ่งทางรฟม.ได้ทำเว็บ http://www.mrta-orangeline.net/ เพื่อใช้ประชาชนติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลได้

ครั้งแรกที่ทำให้ผมหันมาสนใจปัญหานี้คือข่าว รถไฟฟ้าสายสีส้ม ชัยชนะของประชาชน ความพ่ายแพ้ของชาติ!
http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement834.htm
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย https://www.facebook.com/dr.sopon4
ซึ่งสรุปโดยย่อคือ ความเห็นแก่ตัวของประชาชนในพื้นที่แค่บางกลุ่มในปัจจุบัน อาจทำให้คนในชาติเสียประโยชน์ในอนาคต

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนและมีการปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม
ซึ่งการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 57
และผลสรุปของบอร์ดรฟม.หลังจากประชุมในครั้งนั้นคือรถไฟฟ้าสายสีส้มยังต้องผ่านทางชุมชนประชาสงเคราะห์อยู่

แต่ในที่สุดก็มีคนในชุมชนเรียกร้องเพิ่มเติม โดยเป็นการประชุมนอกรอบในวันที่ 18 ม.ค. 58
ซึ่งอยู่นอกเหนือจากที่ประกาศไว้ให้เว็บทางการ
การประชุมจัดขึ้นโดยกลุ่ม https://www.facebook.com/orangelineproblem แล้วเชิญคนจากรฟม.มารับฟัง
ซึ่งทางกลุ่มอ้างว่าทุกคนมาร่วมเสนอความเห็นได้ แต่จากที่ผมเห็นและกำหนดการก็มีแต่คนที่คัดค้านการสร้างรถไฟฟ้าเป็นคนพูดทั้งนั้น
(ก็นัดกันเฉพาะกลุ่มนี่นะ) และเหตุผลหลักๆที่ชุมชนเสนอคือ
1.เรื่องการอยู่อาศัย (ซึ่งจุดนี้ก็มีการชดเชย และจะสร้างคอนโดติดรถไฟฟ้าให้อยู่ด้วย)
2.เส้นทางที่ผ่านประชาสงเคราะห์มีการเอื้ออำนวยให้กลุ่มนายทุน
ทางชุมชนประชาสงเคราะห์จึงเสนอให้ไปผ่านทางพระรามเก้า 9 แทน
(แถมได้ข่าวมาว่าในเพจก็มีการบิดเบือนข้อมูล และคอยลบข้อความที่ขัดหูขัดตาทางกลุ่มอยู่ตลอด)

ผลสุดท้ายบอร์ด รฟม.ยอมตามคนในชุมชนประชาสงเคราะห์ ทั้งๆที่เป็นการประชุมนอกรอบแท้ๆ
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdNVEUxTVRFMU53PT0=

ในเนื้อข่าวได้ลงชื่อผู้นำชุมชนเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ คุณธนา ชีรวินิจ ผู้นำของชาวดินแดงแห่งพรรคปชป.

หลังจากวันนั้น ก็มีเพื่อนๆในนี้มาแจ้งข่าวที่ http://pantip.com/topic/33127122
ซึ่งในกระทู้นั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และได้ขึ้นหน้า Pantip Trend ด้วย

ความเห็นส่วนใหญ่คืออยากให้ใช้เส้นทางผ่านประชาสงเคราะห์มากกว่า เพราะประชาชนได้ประโยชน์มากกว่า
ซึ่งผมมองว่าความเห็นในนี้เป็นความเห็นจากประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าการประชุมนอกรอบที่มีแต่คนในชุมชนเสียอีก
ในกระทู้ที่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นอยู่ดีๆ เจ้าของกระทู้ก็ถูกอุ้มไปซะอย่างงั้น
โดยเข้ามาลบข้อมูลทั้งหมด และไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
และในกระทู้นี้ก็มีคนพูดถึงเรื่องความไม่ปลอดภัยของเจ้าของกระทู้เนื่องจากถูกข่มขู่
ซึ่งผมก็เข้าใจเจ้าของกระทู้นั้นว่าคงไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยง

แล้วเมื่อวันก่อนก็มีเพื่อนๆมาเสนอการแก้ปัญหาของรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้อีกครั้ง http://pantip.com/topic/33145625
ซึ่งในครั้งนี้เจ้าของกระทู้ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามพูดถึงเรื่องปัญหาในการเวนคืนหรือพื้นที่ประชาสงเคราะห์ เพราะว่ากลัวกระทู้ถูกปิด
รวมถึงเพื่อนๆในกระทู้นี้ก็พูดถึงทางแก้ไขโดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ เพราะพูดไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเสียหาย

นอกจากนี้ก็มีข่าวว่ากลุ่มนายทุนได้ผลประโยชน์จากการเปลี่ยนเส้นทางในครั้งนี้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1422024303
แล้วที่ชุมชนบอกว่าให้เปลี่ยนมาทางพระราม 9 จะได้ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนคืออะไร!?

ซึ่งในจุดที่ผมสังเกตก็คือ ใครอยู่เบื้องหลังการเรียกร้องในครั้งนี้กันแน่ ระหว่างกลุ่มการเมืองของคุณธนา หรือกลุ่มนายทุนของห้างต่างๆ (หรือทั้ง 2 กลุ่ม)
แต่ที่แน่ๆคือต้องมีอำนาจมืดที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางเดินรถไฟฟ้าได้โดยไม่ผ่านความเห็นประชาชนโดยแท้จริง แม้แต่บอร์ดรฟม.ก็ต้องยอมก้มหัวให้

ผมอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันแสดงความคิดเห็น และอยากนำเสนอให้สื่อเข้ามาจับประเด็นนี้
ทั้งเรื่องการเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าจากการประชุมนอกรอบ
และการใช้อำนาจมืดในการข่มขู่ประชาชนที่นำเสนอความเห็นของตัวเอง

ปล.คนตั้งกระทู้อื่นๆที่ผมอ้างอิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทู้นี้

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
เรื่องบางเรื่องคนตัวเล็กอย่างเราๆก็คงได้แต่ให้ข้อมูลที่เป็นกลาง และไม่ส่อเสียดกันไปมา

แต่ความจริงจากอย่าง อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะทุกอย่างมีข้อดีและเสียในตัวมันเองเสมอ

เรื่องเวนคืน ใครๆก็ไม่อยากโดนหรอก แต่ถ้าต้องโดนจริงๆ ทางออกที่แฟร์ๆคือค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ เพื่อให้ส่วนรวมเดินต่อไปได้ แต่ผลเสียสละก็ควรได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมเช่นกัน

แต่ค่าตอบแทนต่างๆก็อิงบนหลักความเป็นจริง ในกรรมสิทธิ์ที่ถือครอง ซึ่งจุดนี้คนไทยหลายคน ยังไม่รอบคอบและไม่มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การเช่าหรือเซ้งที่อยู่อาศัยร้านค้าต่อจากคนอื่น กรรมสิทธิ์ที่แท้จริงอยู่ที่ใครก็ไม่ชัดเจน ซึ่งเมื่อมีการเวนคืน เค้าอีกตามเอกสาร คนอยู่จริงแต่ไม่ถือครองก็อาจไม่ได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม เป็นต้น (คร่าวๆไม่ลงรายละเอียดนะครับ เพราะแต่ละเคสก็ต่างกันออกไป)

ส่วนผลประโยชน์จากการขนส่งสาธารณะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่ต่างคนมีมุมมองของตนเอง นักลงทุนมองว่ามาเลยๆๆ จะได้เป็นข้อดี แต่ถ้าชาวบ้านอาจมองว่าไม่เอาๆ เพราะอาจโดนเวนคืน สิ่งแวดล้อมในชุมชนอาจเปลี่ยนไป ฯลฯ

ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหม คงตอบยาก แต่ถ้าตามว่าควรทำยังไง ก็แค่ให้ความจริงตามตรง ไม่ใช่ความจริงแค่ฝั่งเดียว หรือความจริงที่มีแต่ข้อดี



อย่างเคสสีส้ม พื้นที่ชุมชนประชาสงเคราะห์ แม้ไม่สร้างสายสีส้มผ่าน ก็ยังมีถนนง.13 ซึ่งขนาดเขตทางกว้างกว่า (16 เมตร VS 30 เมตร) แต่บางส่วนอิงกับถนนเดิม เช่นถนนมิตรไมตรี ถนนประชาสงเคราะห์ 14 แต่บางส่วนก็ต้องตัดใหม่ ซึ่งต้องเวนคืนตามแนวอยู่ดี

จริงๆก็เคยสงสัยนะ ถ้าสีส้มไม่ยอมให้เวนคืน แล้วถนนง.13 จะยอมไหม เพราะผลกระทบมากน้อยไม่ต่างกันอย่างแน่นอน


แต่สายสีส้ม อย่างน้อยถ้าสร้างผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ พื้นที่ด้านบนอุโมงค์ก็ยังทำเป็นถนน 4 เลน เขตทาง 16 เมตร ซึ่งจุดนี้ถ้ากทม.เห็นว่าเพียงพอแล้ว ถนนง.13 อาจไม่ต้องสร้างก็ได้ ซึ่งแปลว่าเวนคืนทีเดียวใช้ประโยชน์ได้ทั้งรถไฟฟ้าและถนน จริงๆงานนี้น่าจะวินวินนะ

แต่เพราะอะไรชุมชนถึงต่อต้านไม่เอาสายสีส้มก็ไม่รู้ ถ้าเพราะเรื่องเวนคืนเท่านั้น ก็แปลว่าคุณรักชุมชนแค่ส่วนที่คุณอยู่ ไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด (รึเปล่า) เพราะแม้สายสีส้มไม่โดนเวนคืน แต่ง.13 ก็คงโดนเวนคืน หรือไม่ใช่

เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะครับ ว่าเพราะอะไร และทำไม ถึงคัดค้านแค่สายสีส้ม แต่ไม่คัดค้านง.13 ???
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่