ทฤษฎีล้มกระดาน ทฤษฎีการทำละคร..ของ ′แอน ทองประสม′

ถ้าพูดถึงโปรแกรมแชตยอดฮิตของวัยรุ่นไทยเมื่อสัก10 ปีก่อนคงหนีไม่พ้น "เอ็มเอสเอ็น" ที่หากใครไม่เล่นถือว่าเชยระเบิดระเบ้อมากๆ แถมยังคุยกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของนิยาย "แอบรักออนไลน์" ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ชิ้นแรกของนักเขียนดังอย่าง ร่มแก้ว

เวลายาวนานที่ผ่านไปเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีเยี่ยมว่าตัวหนังสือไม่เคยเก่า หากแต่ดิ้นได้ตามสถานการณ์ จากหมึกพิมพ์จึงโลดแล่นสู่หน้าจอในชื่อเรื่องเดียวกัน ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3

"แอบรักออนไลน์" ว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริษัทหลักทรัพย์นารากร เมื่อ อวัศยา (แอน ทองประสม) ตกหลุมรัก ปราณณต์ (หมาก-ปริญ สุภารัตน์) หนุ่มรุ่นน้องที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เพราะอุปสรรคทางอายุทำให้เธอเลือกจะพูดคุยกับเขาผ่านโปรแกรมแชตด้วยนามแฝง "แอบรัก" โดยหารู้ไม่ว่าบอส ลิปดา (ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล) ก็กำลังแอบรักเธออยู่ ขณะที่ พริบพราว (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ) ก็เข้ามาเป็นคู่แข่งหัวใจคนสำคัญ

วุ่นดีใช่ไหมล่ะ!

"เริ่มแรกอ่านนิยายก็คิดก่อนว่าจะใช้เทคนิคไหนดี เพราะในเรื่องเป็นเอ็มเอสเอ็น" แอนที่ควบตำแหน่งผู้จัดและนักแสดงเริ่มเล่า

แน่นอนว่า "ไลน์" คือตัวเลือกแรกแบบไร้ข้อกังขา เนื่องด้วยระดับความฮอตและสติ๊กเกอร์ต่างๆ ที่เอามาเพิ่มสีสันได้ จึงทำเรื่องขออนุญาตด้านลิขสิทธิ์จากไลน์ทันที

"แอนมองว่าคนในสังคมขี้เหงากันมากขึ้น ทุกคนติดแชตติดเพื่อนในไลน์จนรู้สึกผูกพัน พอวันนึงมาเจอตัวตนกัน เฮ้ย! เรากินข้าวคนละรสชาติ เราเดินคนละจังหวะ เราพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วเราก็โคตรเกลียดขี้หน้ากันเลย ทำไมมันไม่สวยงามเหมือนตอนคุยกันในแชต"

"คนเราจะรักกันในโลกที่แตะต้องไม่ได้ได้ยังไงคุณกำลังเอารักมาล้อเล่นในขณะที่อีกคนรู้สึกดีกับคุณในโลกออนไลน์ไปแล้วหรือเปล่า"

"เอาตรงนี้มาสื่อสารแต่อาจไม่ได้ละเอียดเท่าที่พูด ถ้าใครสามารถจับประเด็นก็จะได้อะไรเหล่านี้ไปบางๆ"

แม้ไม่รู้ว่า "ประเด็น" ที่ว่านั้นจะมีคนจับต้องได้สักเท่าไร แต่ที่เห็นชัดๆ คือกระแสตอบรับเชิงบวกที่ท่วมท้นจนเกินคาด

"อย่าง "สามีตีตรา" เหมือนเราขายน้ำพริกปลาทูยังไงคนก็กิน แต่เรื่องนี้เดาใจคนลำบาก จะรอดูไหม จะเข้าใจไหม จะสื่อสารกันรู้เรื่องหรือเปล่า คนแก่รักเด็กจะแปลกไปไหม"

"กังวลหลายอย่าง เพราะเป็นของใหม่ที่แอนไม่เคยลอง เลยคาดหวังไม่สูงมาก แต่พยายามปิดรูโหว่เหล่านี้ให้ดีที่สุด"

รวมถึงรูโหว่ยิบย่อยที่เข้ามาทดสอบฝีมือตลอด 9 เดือนที่ถ่ายทำ

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำของจริงอย่างบริษัทหลักทรัพย์ในอาคารธนาคารกสิกรไทย สาขาพหลโยธิน ซึ่งเต็มไปด้วยไทยมุงล้านแปด บางจังหวะก็ต้องรอตลาดหุ้นปิดก่อนถึงจะเริ่มงานได้ เนื่องด้วยเป็นอาชีพที่ "ฟังก์ชั่น" ในออฟฟิศเยอะ มีทั้งหน้าจอดูหุ้นดูข่าว

"ถ้าเซตคงหลาย 10 ล้าน" แอนว่าพลางหัวเราะ

ไหนจะต้องปรับจังหวะรับ-ส่งกับปีเตอร์ที่เส้นการแสดงต่างกัน รวมถึงฝึกสมาธิขั้นสูงไว้เผชิญหน้าขาฮาอย่าง ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง ที่ทำให้ใครต่อใครลืมบทได้อย่างสนิท โดยเฉพาะหมาก

อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลย ขนาดมือเก๋าอย่างแอนเองยังต้องจิกเท้าทุกครั้งที่เข้าฉากด้วยกันเล้ยยย

ขณะที่บท "พริบพราว" ซึ่งดัดแปลงจากของเดิมไปเยอะก็ทำให้งานนี้หนักเข้าไปอีก

"ในนิยายเขาเป็นบทร้ายที่ต้องโดนไล่ออก แต่บังเอิญเราเห็นเส้นความสนุกบางอย่างเลยคิดว่ามันน่าจะอยู่คู่กันจนจบได้เลยปรับตรงนี้"

"ไม่ว่าใครจะเล่นจะคิมหรือเปล่า ยังไงบทนี้ก็ต้องเป็นนางเอกอีกคนที่จะมาตีคู่ใหญ่"

ฉะนั้น ใครบอกว่าคิมเป็นคู่รองถือว่าผิด!

"นี่คือนางเอกอีกคนเลย แต่เป็นนางเอกในรสชาติที่เราไม่ค่อยเห็น มีทั้งด้านมืด ด้านสว่าง และด้านที่ต้องเรียนรู้ชีวิต"

"ถือเป็นตัวแทนเด็กรุ่นใหม่"

"แต่มันก็สร้างปัญหาให้เราพอสมควร เหมือนเราขืนธรรมชาติของนิยาย บิดไม้ตรงให้งอซ้ายขวา แล้วสุดท้ายก็ต้องเอาไปฟาดใครต่อได้"

"พอเราบิดก็จะเหนื่อยเอง แต่พูดว่าจะทำแล้วก็ต้องทำให้ได้"

นี่จึงเป็นอีกบทที่อยากให้ดูจนจบ แล้วจะเข้าใจว่าทำไม "พริบพราว" จึงถูกสร้างมาแบบนี้ ขณะที่ "อวัศยา" เองก็จะเผยด้านมืดของตัวเองออกมาทีละน้อย

ด้านมืด...ที่เริ่มมาจากการแอบรัก

"แอนมองว่า ถ้าเราแอบรักเพื่ออยากจะจบที่คนนี้ก็ต้องลุย ต้องสู้ เอาเขามาเติมเต็มความฝันของเราให้ได้"

"เหมือนเราเจอกระเป๋าที่สวยถูกใจก็อยากซื้อ อาหารอร่อยก็อยากกิน บ้านสวยอยู่แล้วอบอุ่นก็อยากซื้อ เจอผู้ชายดีๆ สักคนก็คว้าไว้ อย่าปล่อยไป"

แต่ทั้งหมดนั้นต้องอยู่ในกรอบศีลธรรม ไม่ใช่ล้ำเส้นหรือแย่งชิงใครมา

"อวัศยา" ก็คงคิดเช่นเดียวกัน ในมุมหนึ่งเธอก็เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ทำงานหนักและต้องการน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ เมื่อเจอความสดใสของเด็ก จึงไม่แปลกที่จะเกิดความรักต่างวัย ต่างฐานะ

หากแต่เป็น "รักที่คล้ายระเบิดเวลา ซึ่งต้องไปวัดใจกันวันข้างหน้า"

"ถ้าเรารักปราณณต์ในวันนี้อาจจะสุขไปอีก 3 ปี แต่วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ในเมื่อเราแก่ลงทุกวันแต่เขายังหนุ่ม อาจจะมีชะนีมาแย่งชิงก็ได้"

"เราจะยอมรับความต่างตรงนั้นได้ไหม"

เป็นคำถามที่ทิ้งท้ายไว้ให้คิด

ขณะที่ "แอบรักออนไลน์" เพิ่งจะเริ่มต้น

ผู้จัดมือใหม่เลี่ยมทองก็เริ่มทำละครชิ้นใหม่ในชื่อ "เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ซึ่งใครต่อใครคงคาดหวังไม่แพ้เรื่องก่อนๆ

"ไม่ได้คิดว่าประสบความสำเร็จ 3 เรื่อง

แล้วเรื่องต่อไปจะยิ่งประสบความสำเร็จขึ้นไป" เธอเล่าอย่างจริงจัง

"เหมือนเราขายข้าวแกงหมดไปหม้อนึง เราก็ต้องต้มน้ำ ขูดมะพร้าวใหม่ ใส่น้ำปลา ใส่ซอสลงไปใหม่ วันนึงซอสเปลี่ยนยี่ห้อเป็นรสชาติใหม่ที่คนอาจจะรู้สึกปุเลี่ยนๆ ไม่ชอบ หรือโคตรชอบเลยก็ได้"

"อยู่ที่เราจะปั้นมันยังไง"

ฉะนั้น เมื่อปั้นละครแต่ละเรื่องเสร็จต้อง "ล้มกระดาน"

"ล้างแล้วเซตใหม่"

"ไม่คิดว่าความสำเร็จเรื่องนี้จะช่วยต่อยอดเรื่องหน้า"

เพราะไม่มีความสำเร็จใดจีรังยั่งยืนได้ตลอดกาล

(ที่มา:มติชนรายวัน 22 มกราคม 2558)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่