แชร์ประสบการณ์ เรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี เริ่มตรงไหนดี ?

หัวข้อนี้เป็นคำถามที่ชอบมีคนมาถามเรื่อยๆ อาจจะเพราะข้อมูลการศึกษาต่อ วีซ่า รายละเอียดต่างๆ ของเยอรมันค่อนข้างหายากถ้าเทียบกับประเทศที่เป็นที่นิยม อย่างทางอังกฤษ ออสเตรเลีย ที่มีเอเจนท์คอยดูแลให้  เราเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ ขั้นตอนก่อนที่เราจะมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ

ข้อมูลเบื้องต้น ประสบการณ์เราเป็นขั้นตอนจากการสมัครเรียนปริญญาโท หลักสูตรภาษาอังกฤษ ก่อนมามีความรู้ภาษาเยอรมันระดับ A1 (และยังคงอยู่ที่ระดับเดิม..ฮา) เนื้อหาดัดแปลงเล็กน้อยจากบล็อกส่วนตัว https://piinkc.wordpress.com/ ดังนั้นที่เขียนคล้ายกันนี่ไม่ได้ลอกใครมานะคะ ^ ^'
  
ข้อดีของการมาเรียนต่อที่นี่ ที่เราคิดเองหลักๆ คือ

1) ค่าเทอมถูก มีโอกาสได้เรียนภาษาเยอรมัน

2) Cost of living ถูก เทียบกับประเทศในแถบยุโรปด้วยกัน

3) หลังเรียนจบ จะได้วีซ่าที่มีโอกาสหางานที่นี่ทำได้ 18 เดือน ก่อนกลับไทย

สิ่งแรกที่เราอยากบอกคือ มาอยู่ที่นี่ ต้องรู้จักพึ่งตนเองค่ะ (เพราะท่านต้องใช้สกิลนี้อีกเยอะ ฮ่าๆๆ) การหาข้อมูลศึกษาต่อ สามารถหาได้ใน website
โดยเราดู http://www.study-in.de  เป็นเวบแรกค่ะ นอกจากเวบนี้ ข้อมูลศึกษาต่อก็หาได้จากอีกหลายเวบ เช่น
http://www.dw.de/study-in-germany
http://www.studienwahl.de
http://www.daad.de/admission

อย่างเวบแรก จะเป็นไอเดียในการหาข้อมูลว่าเราอยากเรียนต่อสายไหน ภาษาเยอรมัน หรือภาษาอังกฤษ มีมหาลัยไหนเปิดหลักสูตรบ้าง ค่าเทอมเท่าไหร่ อันนี้สามารถ add filter ดูได้ในเวบเลยจาก Advanced search  จากนั้นก็เข้าไปอ่านข้อมูลหลักสูตรในเวบของมหาลัยอีกทีว่าตรงกับความต้องการของเรามั้ย เอกสารที่มหาลัย required แต่ละที่ก็ต่างกัน ตอนที่เรามาภาษาอังกฤษเราใช้ IELTS ยื่น แต่อันนี้ก็แล้วแต่ข้อกำหนดของหลักสูตรนั้นๆ บางที่อาจจะขอ Toefl หรืออาจใช้ยื่นได้ทั้งสองอย่างค่ะ

เนื่องจากข้อมูลของแต่ละมหาลัยต่างกัน ดังนั้น คนที่อยากจะเรียนอย่างเราๆเนี่ย ต้องพยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด โอกาสน้อยค่ะ ที่จะมีคนมาตอบว่า ไปเรียนมหาลัยนี้หลักสูตรนี้สิ ความต้องการคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น เราคิดว่าเวบนี้เป็นสิ่งแรกที่ต้องใช้เวลาหาข้อมูลว่าเราอยากเรียนอะไร มีหลักสูตรที่เราอยากจะสมัครมั้ย

เราคิดว่า ที่คนไม่นิยมมาเรียนต่อที่เยอรมัน เพราะว่ากลัวเรื่องภาษา คือเราว่าพูดภาษาเยอรมันได้เป็น asset ที่ดี แต่ถ้าไม่ได้ เราคิดว่าพูดแต่อังกฤษในช่วงแรกๆนั้นก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น คือคนที่นี่เท่าที่เคยเจอก็สามารถพูดอังกฤษได้ในขั้นดีนะ  แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่เมือง ถ้าเมืองใหญ่ก็มีโอกาสจะเจอคนพูดได้มากขึ้น แต่บางคนเค้าก็อาจจะไม่มั่นใจที่จะใช้ภาษาอังกฤษกับเราเท่าไหร่ (ก็เปลี่ยนคนถามค่ะ 55) แต่ถ้าได้มาอยู่ที่นี่ก็น่าจะลองลงเรียนภาษาเยอรมันด้วยเพราะถ้าได้ภาษาเนี่ย ใช้ชีวิตก็ง่ายและโอกาสได้งานทำก็มากขึ้นด้วย เพราะที่มหาลัยเองมักจะมี language center ที่เปิดสอนภาษาแก่นักศึกษาฟรีค่ะ (มหาลัยเราฟรี และเท่าที่ทราบหลายมหาลัยก็เป็นแบบนั้น ทั้งนี้ก็เช็คได้จากเวบของมหาลัยนั่นแหล่ะค่ะว่ามีคอร์สอะไรให้บ้าง ไหนๆหาข้อมูลหลักสูตรแล้ว ก็ทำเช็คลิสอีกข้อว่ามีคอร์สภาษาให้นักศึกษาต่างชาติรึเปล่า) แต่ข้อเสียคือ เรียนภาษาที่มหาลัยช่วงต้นๆเทอมจะมีคนสนใจอยากเรียนเยอะ 55+ เราเองตอนปิดเทอมเคยไปเสียเงินสมัครเรียนที่ VHS ก็คิดว่าโอเคนะ นักเรียนต่อห้องที่เราเจอน้อยกว่าที่มหาลัย แล้วเรียนตอนปิดเทอมก็ดีที่เรียนทุกวันได้ใช้บ่อยๆ แต่ก็ได้ยินว่าบางสถาบันก็ดีกว่า จำนวนนักเรียนต่อห้องน้อยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นคงบอกได้ว่าขึ้นอยู่กับครูค่ะ ถ้าเจอครูดีเจอเพื่อนร่วมชั้นดีอะไรก็จะดีไปหมด  – บอกไปงั้น ส่วนตัวก็ยังไม่ได้เรียนภาษาซักเท่าไหร่เลยเพราะที่เรียนโทก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน

ข้อดีอื่นของการมาเรียนที่เยอรมัน คือหลังเรียนจบเราจะได้วีซ่าหางาน 18 เดือน (ไม่ว่าจะเรียนหลักสูตรอินเตอร์หรือเยอรมันก็ตาม) ก็เป็นโอกาสอันดี บริษัทใหญ่ๆของเยอรมันก็มีหลายที่ทีเดียว แต่อย่าลืมว่าก็ต้องแข่งกับคนที่นี่ที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่อีกต่างหากนะ อันนี้ก็แล้วแต่การวางแผนชีวิตของแต่ละคน อาจจะเรียนจบแล้วกลับไปหางานที่ไทยหรือยังไงก็ตาม นี่เป็นแค่โอกาสหนึ่งของท่านค่ะ  ยิ้ม

สำหรับเรา ภาษาเยอรมันของเราก่อนมาเราไปเรียนที่เกอเธ่ จบแค่ A1  เนื่องจากอยากเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ หลักฐานที่มหาลัยขอส่วนมาก หลักสูตรภาษาอังกฤษจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้ผลสอบวัดระดับภาษาเยอรมันนะคะ (แต่ตอนส่งเอกสารสมัครเรียนเราก็แนบไป เผื่อเค้าจะเห็นว่าเด็กคนนี้มีความตั้งใจอยากมาเรียนที่นี่นะเนี่ย ไม่มายถ้าถ้าเค้าแยกโยนทิ้งเพราะเอกสารไม่เกี่ยวข้อง ถือคติเผื่อเหลือดีกว่าขาด ฮ่าๆ)  แต่ถ้าหลักสูตรเรียนเป็นเยอรมัน ก็ต้องสอบวัดระดับให้ได้ตามที่เค้ากำหนดมา ก็ขอโชคดีจงมีแก่ท่านฮ่ะ..

ค่าเรียนของที่นี่ แล้วแต่หลักสูตร filter ได้ในเวบข้างต้นเช่นกัน ตอนนี้ส่วนใหญ่เกือบทุกรัฐน่าจะเป็น Free tuition fee  แล้วนะ อาจต้องเสียเป็นค่า Semester fee ประมาณไม่เกิน 500 ยูโรต่อเทอม (อันนี้ต้องดูข้อมูลของแต่ละมหาลัยแต่ละหลักสูตรนะคะ) อย่างเช่นของเรา เสียประมาณ 260 ยูโร แต่จะได้ student ticket สำหรับขึ้นรถโดยสารสาธารณะในรัฐ NRW ฟรีหมด ทั้งรถไฟ RE (ไม่รวมพวกรถเร็วอย่าง EC, ICE) รถราง แทรม บัส (แต่ละรัฐกำหนดไม่เหมือนกัน อย่างที่บาเยิร์น เราเข้าใจว่าในมิวนิคนี่มีแยกพื้นที่เป็น ring และใช้ได้ในเขตที่กำหนด) แต่บางหลักสูตรพวก Business School ก็มีเก็บค่าเรียนเหมือนกันนะ อันนี้เลยต้องย้ำว่าเช็คกับเว็บมหาลัยดีที่สุดค่ะ รวมถึงเอกสารที่มหาลัยต้องการด้วย แต่ละที่อาจต้องการต่างกันถึงจะเป็นหลักสูตรอินเตอร์เหมือนกัน

นอกจากค่า Semester fee ต่อเดือนเราก็เสียแค่ค่าใช้จ่ายของตัวเอง หลักๆได้แก่ ค่าเช่าบ้าน ประกันสุขภาพ แล้วก็ค่ากินอยู่ เท่านั้นค่ะ

ส่วนเรื่องเรียนมหาลัยไหนดี  ดู Rank ของมหาลัยตรงไหน อันนี้ก็แล้วแต่คนละว่าจะแคร์ Rank ของมหาลัยขนาดไหน ส่วนตัวความคิดของเรา มหาลัยที่นี่ต้องผ่านการเช็คมาตรฐานก่อนจะเปิดได้ เราเลยคิดว่ามาตรฐานโดยเฉลี่ยแล้วเรียนที่ไหนก็โอเค (คือเพื่อนเยอรมันของเราบอกว่าก็จะเลือกเรียนใกล้บ้านถ้ามีหลักสูตรที่เค้าสนใจ  – ถ้าคอร์สได้ accredit น่ะนะ) ตอนที่หาข้อมูลมหาลัยในเยอรมัน การจัดอันดับมันจะไม่ค่อยชัดเจน เหมือนเค้าจะมองว่า เอาส้มไปเทียบกับแอปเปิ้ล คือจะให้ Rank เอาอะไรมาเทียบกันล่ะ จะมองด้านคอร์สเรียน วิชา นักศึกษาต่างชาติ การ support นักศึกษา จำนวน paper ฯลฯ บางมหาลัยก็ไม่ร่วมจัดอันดับด้วยซ้ำ แต่ก็มีการ Rank อยู่นะ ลอง search หาดูได้  และมหาลัยที่ดังๆก็มีหลายที่ (ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่างเพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ) ทั้งนี้ส่วนตัวเราคิดว่า แค่หาหลักสูตรที่อยากเรียนได้ก็บุญละ เพราะพอ filter ด้านที่ต้องการเรียนละเอาที่เค้าไม่ใช้เยอรมันออกไปก็หายไปเยอะ ฮ่าๆ

แต่เรื่องการสมัครงานหลังจบ เราคิดว่า HR ส่วนใหญ่ในเมืองไทยก็ไม่น่าจะคุ้นกับชื่อมหาลัยในเยอรมันเท่าไหร่ค่ะ ถ้าบริษัทไหนให้เงินเดือนอิงหลักมหาลัยที่จบก็อาจจะเจอปัญหาเรื่องนี้ได้ อันนี้ก็แล้วแต่จะตัดสินใจละกันนะคะว่ายังอยากมาเรียนที่นี่อยู่รึเปล่า

ค่าเช่าบ้านนี่เอาไปเขียนยาวๆอีกเรื่องได้เลย ตรงนี้ก็เล่าสั้นๆว่าถ้าอยู่บ้านที่แชร์กับชาวบ้าน ตามคอนเซปต์ที่เรียกกันว่า WG ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะถูกลงค่ะ ซึ่งการหาบ้านเช่านี้แล้วแต่เมือง พื้นที่ ถ้าเมืองใหญ่ก็มีโอกาสที่ค่าเช่าบ้านจะสูงกว่าเมืองเล็ก  สำหรับค่ากินอยู่ อันนี้แล้วแต่คน กินหรูอยู่ดี หรือทำกับข้าวกินเอง หรือยังไง แต่สำหรับเราคิดว่า ค่ากินที่นี่ไม่ได้ต่างจากกรุงเทพมากนะ ในซุปเปอร์ของก็ราคาโอเคกว่าหลายประเทศแถบนี้ที่เคยไปเยี่ยมเยือนมา เลขโดยเฉลี่ย cost of living ของนักเรียนที่นี่อยู่ที่ประมาณ 670 Euro  ลองดูตารางค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเก็บเป็นไอเดียที่นี่ก็ได้ค่ะ  http://www.numbeo.com/cost-of-living/country_result.jsp?country=Germany

สำหรับคนที่คิดว่าจะทำอาหารกินเอง ราคาเปรียบเทียบของใน Supermarket คร่าวๆก็หาได้ที่  http://www.discounter-preisvergleich.de/preisvergleich.php  

แต่เราคงตอบเป็นเลขแน่นอนให้ไม่ได้ว่าต่อเดือนใช้เท่าไหร่นะคะ ทุกอย่างขึ้นกับปัจจัยการใช้ชีวิตของแต่ละคน หาบ้านได้ถูกหรือแพง กิน เที่ยว ช้อป บ่อยขนาดไหน ดังนั้น ก็ลองประมาณการงบตัวท่านได้จากสองลิ้งค์ข้างบนค่ะ

ดังนั้นสรุป..เริ่มตรงไหน ส่วนตัวคิดว่าเริ่มจากหาคอร์สที่อยากเรียนก่อนเลยฮะ แล้วอย่างอื่นเรามาพิจารณากันทีหลัง!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่