22 มกราคม 2558 "ซูเปอร์บอร์ด" อนุมัติแผนฟื้นฟู TOT CAT โดยให้ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ เพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในด้านเชิงพาณิชย์ และด้านสังคม
ประเด็นหลัก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ทั้งทีโอที และกสท.ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ เพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในด้านเชิงพาณิชย์ และด้านสังคม
_____________________________________________________
สั่งทีโอที-กสท.ตั้งบริษัทร่วมชง'โครงสร้างใหม่'ก.พ.ปี58
"ซูเปอร์บอร์ด" อนุมัติแผนฟื้นฟู "ทีโอที-กสท." สั่งตั้งบริษัทร่วมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ
พร้อมให้ที่ปรึกษาสรุปรูปแบบ-โครงสร้างบริษัท เตรียมเสนอกลับบอร์ดภายในเดือนก.พ.ปีหน้า ให้เลิกทำธุรกิจ"ไอดีซี-คลาวด์" แข่งกับเอกชน เพิ่มเป้าลดค่าใช้จ่ายจาก 5% เป็น 10%
คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้ประชุมหารือวานนี้ (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทรัฐวิสาหกิจ
ล่าสุดการประชุมวานนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินงานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) หรือ CAT โดยให้คงบทบาทการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ บริการด้านฟิกส์ไลน์(FIXED LINE) หรือ อินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ทั้งทีโอที และกสท.ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ เพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในด้านเชิงพาณิชย์ และด้านสังคม
สรุปรูปแบบ-โครงสร้างส่งกลับเดือนก.พ.
นายกุลิศ กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการจัดตั้งบริษัท และโครงสร้างการถือหุ้นจะเป็นอย่างไรนั้น ให้บริษัทที่ปรึกษาที่จ้างไว้ ศึกษารูปแบบที่เหมาะสมมานำเสนอภายใน 2 เดือน หรือภายในเดือนก.พ. 2558
"หลังจากได้จัดกลุ่มธุรกิจของทั้ง 2 รัฐวิสาหกิจแล้ว เห็นว่ากิจการด้านโครงสร้างพื้นฐานควรจะทำต่อไป พร้อมกับให้ลดบทบาทในธุรกิจที่ภาคเอกชนทำได้ดีอยู่แล้ว ไม่ควรเข้าไปแข่งขัน ประกอบด้วยบทบาททางด้าน ไอดีซี (IDC) และบริการคลาวด์ (CLOUD) ส่วนรูปแบบการทำธุรกิจ หรือการจัดตั้งบริษัทจะเป็นไร แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไหร่นั้น รอผลการศึกษาของที่ปรึกษาก่อน เราไม่ได้กำหนด"นายกุลิศ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทที่จะตั้งขึ้นใหม่ นอกจากบริหารจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ยังจะเป็นผู้ลงทุนกิจการในด้านนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะเปิดกว้างให้ทางภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในรูปแบบของกิจการร่วมลงทุน หรือพีพีพี ในอนาคตได้
สำหรับกลุ่มธุรกิจเสาโทรคมนาคม และโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3จี จะต้องให้บริษัทที่ปรึกษามีการศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติมว่าคงรจะทำธุรกิจด้านนี้ต่อไปหรือไม่ และดำเนินการอย่างไร โดยให้สรุปแนวทางมานำเสนอภายในเดือนธ.ค.นี้
สั่งปรับลดค่าใช้จ่ายลง10%
นอกจากนี้ นายกุลิศ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาของทีโอทีและกสท.นั้น ที่ประชุมให้ทั้ง 2 องค์กรทำแผนการปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อย่างน้อยต้องปรับลดให้ได้ 10% เพราะแผนงานที่ทั้ง 2 หน่วยงานเสนอมาปรับลดค่าใช้จ่ายลงเพียง 5% ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าน้อยเกินไป พร้อมกับให้นำแผนการปรับลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว มาเป็นเกณฑ์ในการประเมินผลงาน หรือ เคพีไอ แทนระบบการประเมินผลงานแบบเดิมที่ใช้อยู่
สำหรับแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจอื่นๆ นั้น ได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) โดยให้มุ่งเน้นการให้สินเชื่อตามพันธกิจของธนาคาร ส่วนเงินเพิ่มทุน อยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนรัฐวิสาหกิจด้านคมนาคม 3 แห่ง คือ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) อยู่ระหว่างติดตามเร่งรัดแผน
สั่งปรับกรอบวงเงินค่าจ้างรถไฟสายสีแดง
นายกุลิศ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้ อนุมัติแก้ไขแบบรายละเอียด และปรับกรอบวงเงินค่าจ้าง ของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของร.ฟ.ท. ให้สอดคล้องกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ พร้อมปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอีก 8 พันล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท
พร้อมอนุมัติโครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)วงเงินรวม 1.06 หมื่นล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ 800 ล้านบาท ที่เหลือมาจากรายได้ของกฟภ.
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2557 ที่เบิกจ่ายได้รวม 2.22 แสนล้านบาท คิดเป็น 65% ของงบลงทุนที่ตั้งไว้ 3.42 แสนล้านบาท ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนปี 2558 ในช่วง 2 เดือนแรก เบิกจ่ายไปแล้ว 1.01 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องเบิกจ่าย 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนงบการลงทุนทั้งปีอยู่ที่ 3.73 แสนล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/corporate/20141218/623830/สั่งทีโอที-กสท.ตั้งบริษัทร่วมชงโครงสร้างใหม่ก.พ.ปี58.html
"ซูเปอร์บอร์ด" อนุมัติแผนฟื้นฟู TOT CAT โดยให้ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็น บริษัท โครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ
ประเด็นหลัก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ทั้งทีโอที และกสท.ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ เพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในด้านเชิงพาณิชย์ และด้านสังคม
_____________________________________________________
สั่งทีโอที-กสท.ตั้งบริษัทร่วมชง'โครงสร้างใหม่'ก.พ.ปี58
"ซูเปอร์บอร์ด" อนุมัติแผนฟื้นฟู "ทีโอที-กสท." สั่งตั้งบริษัทร่วมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ
พร้อมให้ที่ปรึกษาสรุปรูปแบบ-โครงสร้างบริษัท เตรียมเสนอกลับบอร์ดภายในเดือนก.พ.ปีหน้า ให้เลิกทำธุรกิจ"ไอดีซี-คลาวด์" แข่งกับเอกชน เพิ่มเป้าลดค่าใช้จ่ายจาก 5% เป็น 10%
คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้ประชุมหารือวานนี้ (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทรัฐวิสาหกิจ
ล่าสุดการประชุมวานนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินงานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) หรือ CAT โดยให้คงบทบาทการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ บริการด้านฟิกส์ไลน์(FIXED LINE) หรือ อินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ทั้งทีโอที และกสท.ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ เพื่อให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในด้านเชิงพาณิชย์ และด้านสังคม
สรุปรูปแบบ-โครงสร้างส่งกลับเดือนก.พ.
นายกุลิศ กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการจัดตั้งบริษัท และโครงสร้างการถือหุ้นจะเป็นอย่างไรนั้น ให้บริษัทที่ปรึกษาที่จ้างไว้ ศึกษารูปแบบที่เหมาะสมมานำเสนอภายใน 2 เดือน หรือภายในเดือนก.พ. 2558
"หลังจากได้จัดกลุ่มธุรกิจของทั้ง 2 รัฐวิสาหกิจแล้ว เห็นว่ากิจการด้านโครงสร้างพื้นฐานควรจะทำต่อไป พร้อมกับให้ลดบทบาทในธุรกิจที่ภาคเอกชนทำได้ดีอยู่แล้ว ไม่ควรเข้าไปแข่งขัน ประกอบด้วยบทบาททางด้าน ไอดีซี (IDC) และบริการคลาวด์ (CLOUD) ส่วนรูปแบบการทำธุรกิจ หรือการจัดตั้งบริษัทจะเป็นไร แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไหร่นั้น รอผลการศึกษาของที่ปรึกษาก่อน เราไม่ได้กำหนด"นายกุลิศ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทที่จะตั้งขึ้นใหม่ นอกจากบริหารจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ยังจะเป็นผู้ลงทุนกิจการในด้านนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะเปิดกว้างให้ทางภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในรูปแบบของกิจการร่วมลงทุน หรือพีพีพี ในอนาคตได้
สำหรับกลุ่มธุรกิจเสาโทรคมนาคม และโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3จี จะต้องให้บริษัทที่ปรึกษามีการศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติมว่าคงรจะทำธุรกิจด้านนี้ต่อไปหรือไม่ และดำเนินการอย่างไร โดยให้สรุปแนวทางมานำเสนอภายในเดือนธ.ค.นี้
สั่งปรับลดค่าใช้จ่ายลง10%
นอกจากนี้ นายกุลิศ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาของทีโอทีและกสท.นั้น ที่ประชุมให้ทั้ง 2 องค์กรทำแผนการปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อย่างน้อยต้องปรับลดให้ได้ 10% เพราะแผนงานที่ทั้ง 2 หน่วยงานเสนอมาปรับลดค่าใช้จ่ายลงเพียง 5% ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าน้อยเกินไป พร้อมกับให้นำแผนการปรับลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว มาเป็นเกณฑ์ในการประเมินผลงาน หรือ เคพีไอ แทนระบบการประเมินผลงานแบบเดิมที่ใช้อยู่
สำหรับแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจอื่นๆ นั้น ได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) โดยให้มุ่งเน้นการให้สินเชื่อตามพันธกิจของธนาคาร ส่วนเงินเพิ่มทุน อยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนรัฐวิสาหกิจด้านคมนาคม 3 แห่ง คือ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) อยู่ระหว่างติดตามเร่งรัดแผน
สั่งปรับกรอบวงเงินค่าจ้างรถไฟสายสีแดง
นายกุลิศ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้ อนุมัติแก้ไขแบบรายละเอียด และปรับกรอบวงเงินค่าจ้าง ของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของร.ฟ.ท. ให้สอดคล้องกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ พร้อมปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอีก 8 พันล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท
พร้อมอนุมัติโครงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)วงเงินรวม 1.06 หมื่นล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ 800 ล้านบาท ที่เหลือมาจากรายได้ของกฟภ.
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2557 ที่เบิกจ่ายได้รวม 2.22 แสนล้านบาท คิดเป็น 65% ของงบลงทุนที่ตั้งไว้ 3.42 แสนล้านบาท ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนปี 2558 ในช่วง 2 เดือนแรก เบิกจ่ายไปแล้ว 1.01 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องเบิกจ่าย 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนงบการลงทุนทั้งปีอยู่ที่ 3.73 แสนล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/corporate/20141218/623830/สั่งทีโอที-กสท.ตั้งบริษัทร่วมชงโครงสร้างใหม่ก.พ.ปี58.html