ลูกเรามีปัญหาโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน Type1 ต้องฉีดอินสุลินก่อนกินข้าวทุกมื้อ คำนวณอาหาร
และอินสุลินให้ใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้น้ำตาลในเลือดต่ำ จะให้เค้าเข้า ป1 ที่นี่
ก่อนไปโทรถามทางรร.ว่าลูกไม่สบายแบบนี้ ทางโรงเรียนมีคนช่วยตรงนี้ไหม ได้รับการแจ้งว่า ทางรร.
มีห้องพยาบาล มีพยาบาลดูแลประจำอยู่แล้ว อย่างไรให้มาสมัครก่อน แล้วค่อยคุยรายละเอียดกัน
พอไปสมัคร กรอกเอกสารเสร็จ พาน้องเทสเนื่องจากเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ สรุปว่าผ่านเรียบร้อย เราจึงสอบถาม
ถึงเรื่องครูพยาบาล ที่ว่าให้มาคุยเรื่องดูแลน้อง เป็นอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ารอสักครู่
พักใหญ่..... พยาบาลไม่มาคุย ซึ่งก่อนหน้าเห็นเดินผ่านไปมา
ครู : ผลการสอบน้องผ่านนะคะ คะแนนดีเลย แต่เสียดายจังที่น้องไม่สบาย
แม่ : โรคที่เป็นไม่เกี่ยวอะไรกับการเรียนค่ะ เรียนได้ปกติ เพียงแค่ฉีดยาให้ก่อนกินข้าวเที่ยงวันละครั้ง
ครู : ทางเราคงไม่สามารถดูแลได้นะคะ สงสารน้องจัง
แม่ : น้องแค่ต้องฉีดยาก่อนมื้ออาหาร เค้ายังเล็กฉีดเองไม่ได้ ช่วยฉีดแค่ตอนเที่ยงทุกวัน ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ
ครู : ครูพยาบาลไม่ได้ว่าง ไม่ได้ประจำห้องพยาบาล มีหน้าที่ต้องทำเยอะค่ะ
แม่ : อ้าวก็โทรถามแล้วเค้าแจ้งว่าที่นี่มีครูพยาบาลอยู่ประจำ ให้เข้ามาคุยนี่คะ
ครู : ทางเราแผนกสามัญเด็กเยอะ ครูไม่มีเวลามาดูแลหรอก การเรียนก็เครียด กลัวน้องไม่ไหว จะดูแลไม่ได้
แม่ : โรคเบาหวานเกี่ยวกับอาหาร และน้ำตาลในเลือด ไม่เกี่ยวกับความเครียดนะคะ ถ้าให้น้องเรียนสองภาษา
เด็กต่อห้องไม่มากจะได้ไหมคะ
ครู : อึ้ง...คิดคำตอบไม่ทัน.แล้วตอบว่า น่าสงสารนะคะ (แม่ไม่ชอบคำนี้เลย ถ้าไม่เห็นใจก็ไม่ต้องมาทำท่า
สงสาร)
แม่ : สรุปว่ายังไงก็ไม่รับใช่ไหมคะ แล้วก็ไม่แจ้งตั้งแต่โทรมาถามจะได้ไม่ต้องมา
บอกเลยว่าตอนนั้นบรรยายความรู้สึกไม่ถูก หูอื้อมาก แค่ลูกป่วยก็รู้สึกแย่มากแล้ว แต่ไม่เคยท้อแท้ ท้อถอย
แต่มาเจอเหตุการ์ณแบบนี้ เหมือนเราไม่ได้เตรียมใจมาก่อน มันแย่มาก ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ ทำร้ายจิตใจกันมาก ๆ
เข้าใจนะคะว่าไม่มีใครอยากมารับผิดชอบดูแลเด็กที่ทำให้เค้ามีภาระ ไม่โกรธรร.นะคะ รู้สึกแย่กะตัวเอง
รู้สึกแย่กะลูกด้วย ทำไมต้องเป็นด้วยนะ แล้วจะไปเรียนที่ไหนล่ะทีนี้
ที่ตัดสินใจตั้งกระทู้ เพราะมีเพื่อน ๆ เตือนหลายคนว่า สารสาสน์ดูแลเด็กไม่ดีนะ รร. ดูดี อาจไม่ใช้แบบที่เห็น
นะ เราไม่เคยฟังใครเพราะตัวเองกะน้องเรียนที่นี่มามันก็โอเคระดับนึง การรับส่ง สะดวก ใกล้ที่ทำงานพ่อแม่
ทั้งที่สอบติดรร.รัฐ แต่เลือกจะมาสมัครที่สารสาสน์ ตอนนี้แอบคิดเลย ว่าเค้าจะดูแลเด็กได้ดีจริงหรือ โชคดีแล้ว
ล่ะที่เค้าไม่รับ และเราได้ไปคุยกับอีกรร.นึง จึงอยากเล่าให้พ่อแม่ที่จะส่งลูกเรียนที่นี่ก็เก็บเรื่องเราไว้เป็นข้อมูล
นะคะ
พอที่สารสาสน์ไม่รับ เราจึงไปคุยกับอีกรรนึง รร.สาธิตแถวแยกบ้านแขก เหมือนไปคนละโลก ผอ.ท่านยินดี
รับน้องเข้าเรียนที่นี่ ท่านว่าท่านเห็นใจ โรคนี้คุมได้ไม่ได้น่ากลัว ท่านจะช่วยดูแล จะหาครูที่ไว้ใจได้ที่สุดมา
ช่วยดูแล แม่ไม่ต้องเป็นห่วง จะทำให้เป็นว่าโรคนี้ไม่ใช่ปัญหา ทางรร.ดูแลได้ จะได้เป็นชื่อเสียงของรร.ด้วย
และมีเด็กที่เป็นโรคนี้แล้วที่รร.คนนึงด้วย ท่านเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ ทั้งที่เป็นรร.รัฐ ซึ่งเราคิด
ว่าจะดูแลลูกไม่ไหว จึงไปคุยที่สารสาสน์ก่อน มันไม่ใช่เลยค่ะ ตอนนี้อุ่นใจมากเพราะครูที่นี่คนนึงลูกเค้าก็เป็น
โรคเดียวกับลูกเรา เค้าก็จะช่วยดูแลให้ด้วย
เสียความรู้สึกกะ รร.สารสาสน์พิทยา สาธุประดิษฐ์
และอินสุลินให้ใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้น้ำตาลในเลือดต่ำ จะให้เค้าเข้า ป1 ที่นี่
ก่อนไปโทรถามทางรร.ว่าลูกไม่สบายแบบนี้ ทางโรงเรียนมีคนช่วยตรงนี้ไหม ได้รับการแจ้งว่า ทางรร.
มีห้องพยาบาล มีพยาบาลดูแลประจำอยู่แล้ว อย่างไรให้มาสมัครก่อน แล้วค่อยคุยรายละเอียดกัน
พอไปสมัคร กรอกเอกสารเสร็จ พาน้องเทสเนื่องจากเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ สรุปว่าผ่านเรียบร้อย เราจึงสอบถาม
ถึงเรื่องครูพยาบาล ที่ว่าให้มาคุยเรื่องดูแลน้อง เป็นอย่างไร ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ารอสักครู่
พักใหญ่..... พยาบาลไม่มาคุย ซึ่งก่อนหน้าเห็นเดินผ่านไปมา
ครู : ผลการสอบน้องผ่านนะคะ คะแนนดีเลย แต่เสียดายจังที่น้องไม่สบาย
แม่ : โรคที่เป็นไม่เกี่ยวอะไรกับการเรียนค่ะ เรียนได้ปกติ เพียงแค่ฉีดยาให้ก่อนกินข้าวเที่ยงวันละครั้ง
ครู : ทางเราคงไม่สามารถดูแลได้นะคะ สงสารน้องจัง
แม่ : น้องแค่ต้องฉีดยาก่อนมื้ออาหาร เค้ายังเล็กฉีดเองไม่ได้ ช่วยฉีดแค่ตอนเที่ยงทุกวัน ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ
ครู : ครูพยาบาลไม่ได้ว่าง ไม่ได้ประจำห้องพยาบาล มีหน้าที่ต้องทำเยอะค่ะ
แม่ : อ้าวก็โทรถามแล้วเค้าแจ้งว่าที่นี่มีครูพยาบาลอยู่ประจำ ให้เข้ามาคุยนี่คะ
ครู : ทางเราแผนกสามัญเด็กเยอะ ครูไม่มีเวลามาดูแลหรอก การเรียนก็เครียด กลัวน้องไม่ไหว จะดูแลไม่ได้
แม่ : โรคเบาหวานเกี่ยวกับอาหาร และน้ำตาลในเลือด ไม่เกี่ยวกับความเครียดนะคะ ถ้าให้น้องเรียนสองภาษา
เด็กต่อห้องไม่มากจะได้ไหมคะ
ครู : อึ้ง...คิดคำตอบไม่ทัน.แล้วตอบว่า น่าสงสารนะคะ (แม่ไม่ชอบคำนี้เลย ถ้าไม่เห็นใจก็ไม่ต้องมาทำท่า
สงสาร)
แม่ : สรุปว่ายังไงก็ไม่รับใช่ไหมคะ แล้วก็ไม่แจ้งตั้งแต่โทรมาถามจะได้ไม่ต้องมา
บอกเลยว่าตอนนั้นบรรยายความรู้สึกไม่ถูก หูอื้อมาก แค่ลูกป่วยก็รู้สึกแย่มากแล้ว แต่ไม่เคยท้อแท้ ท้อถอย
แต่มาเจอเหตุการ์ณแบบนี้ เหมือนเราไม่ได้เตรียมใจมาก่อน มันแย่มาก ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ ทำร้ายจิตใจกันมาก ๆ
เข้าใจนะคะว่าไม่มีใครอยากมารับผิดชอบดูแลเด็กที่ทำให้เค้ามีภาระ ไม่โกรธรร.นะคะ รู้สึกแย่กะตัวเอง
รู้สึกแย่กะลูกด้วย ทำไมต้องเป็นด้วยนะ แล้วจะไปเรียนที่ไหนล่ะทีนี้
ที่ตัดสินใจตั้งกระทู้ เพราะมีเพื่อน ๆ เตือนหลายคนว่า สารสาสน์ดูแลเด็กไม่ดีนะ รร. ดูดี อาจไม่ใช้แบบที่เห็น
นะ เราไม่เคยฟังใครเพราะตัวเองกะน้องเรียนที่นี่มามันก็โอเคระดับนึง การรับส่ง สะดวก ใกล้ที่ทำงานพ่อแม่
ทั้งที่สอบติดรร.รัฐ แต่เลือกจะมาสมัครที่สารสาสน์ ตอนนี้แอบคิดเลย ว่าเค้าจะดูแลเด็กได้ดีจริงหรือ โชคดีแล้ว
ล่ะที่เค้าไม่รับ และเราได้ไปคุยกับอีกรร.นึง จึงอยากเล่าให้พ่อแม่ที่จะส่งลูกเรียนที่นี่ก็เก็บเรื่องเราไว้เป็นข้อมูล
นะคะ
พอที่สารสาสน์ไม่รับ เราจึงไปคุยกับอีกรรนึง รร.สาธิตแถวแยกบ้านแขก เหมือนไปคนละโลก ผอ.ท่านยินดี
รับน้องเข้าเรียนที่นี่ ท่านว่าท่านเห็นใจ โรคนี้คุมได้ไม่ได้น่ากลัว ท่านจะช่วยดูแล จะหาครูที่ไว้ใจได้ที่สุดมา
ช่วยดูแล แม่ไม่ต้องเป็นห่วง จะทำให้เป็นว่าโรคนี้ไม่ใช่ปัญหา ทางรร.ดูแลได้ จะได้เป็นชื่อเสียงของรร.ด้วย
และมีเด็กที่เป็นโรคนี้แล้วที่รร.คนนึงด้วย ท่านเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ ทั้งที่เป็นรร.รัฐ ซึ่งเราคิด
ว่าจะดูแลลูกไม่ไหว จึงไปคุยที่สารสาสน์ก่อน มันไม่ใช่เลยค่ะ ตอนนี้อุ่นใจมากเพราะครูที่นี่คนนึงลูกเค้าก็เป็น
โรคเดียวกับลูกเรา เค้าก็จะช่วยดูแลให้ด้วย