[CR] วังเวียง 2015 ! 3 วัน กับ 2 คืน รีวิวหมูกะทะชื่อดัง Peeping Zom's กับงบ 3500 บาท

I want to be a Backpacker  . Ep 1. วังเวียง 2015




    ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ หัวเราะ พอดีสมัครสมาชิกนี้ไว้นานพอสมควรแล้ว แต่ว่าตอนนั้นสมัครไว้เพื่อ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ การถ่ายภาพ ก็เลยยังไม่ได้ยืนยันตน และยังไม่ได้คิดที่จะตั้งกระทู้เลย แถมการถ่ายภาพ ณ วันนี้ก็ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย ฮ่าๆๆๆ ..... แต่ว่าพอดีช่วงปีนี้ ปลายเดือน มกราคม ผมมีเวลาว่างพอดี ก็เลยถือโอกาส ไปวังเวียงที่อยากไป แต่พึ่งจะได้ไปนี่แหละ สำหรับทริปนี้ใช้งบประมาณไปประมาณ 3500 บาท ครับผม
เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยยยยย

อันดับแรกต้องขอบอกก่อนว่าทริปของผมนั้น เริ่มจากจังหวัด อุดรธานี ศรีมหานครนะขอรับ ค่าใช้จ่ายจึงอาจจะไม่มากเหมือนคนอื่น อิอิ
ซึ่งคนที่จะเดินทางไป วังเวียงนั้น สามารถเดินทางได้หลายรูปแบบนั่นก็คือ  

1.ท่านสมารถเลือกเดินทางโดย รถบัส ยิงยาว อุดรธานี -หนองคาย - วังเวียง ได้เลยครับ ค่าโดยสาร 320 บาท
( โดยใครที่เลือกโดยสารเส้นทางนี้ ก็ต้องเตรียม passport และปากกาให้พร้อม เมื่อท่านขึ้นรถก็จะได้รับ บอร์ดดิ้งพาส ทั้งของไทย และลาว ท่านก็กรอกข้อมูลให้พร้อม เมื่อรถไปถึงหน้าด่าน ท่านก็ลงไปตรวจเช็คเอกสารตามปกติ แล้วจะมีรถคันเดิมรอท่านอยู่แล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง ประมาน 7 ชม. ระยะทาง 230 กว่ากิโล และรถจะมีออกเที่ยวเดียวเท่านั้น คือ 08.30 น. ที่ บขส. อุดรธานี (ตรงข้ามเซนทรั่ลอุดร)  รถจะหยุดพักทานข้าวก่อนถึงวังเวียงประมาณ 50 กิโลเมตร จ้าา )

แนบรูปมาให้






2.ใครที่ประสงค์จะเดินทางไปเอง (แบบกระผม) ในตอนแรกกะว่าจะยิงยาวตาม ข้อ 1. แต่แอบเห็นเวลาว่า เฮ้ยย 230 กิโล ทำไมท่านขับกันนานแท้ 7 ชม. กระผมก็กะจะโกงซะหน่อยโดยจะนั่งรถตู้ จากอุดร ไปลงที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว จากนั้นก็จะข้ามไป และไปหารถขึ้นเพื่อจะไป วังเวียง ต่อที่ บขส.เวียงจันทร์ เพื่อจะขอใช้เวลาเดิน Duty free ซะหน่อยอะเฮ้ยย  แต่ใครจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ฮ่าๆๆ

  หลังจากที่ผมตกลงกับคณะเดินทางแล้วว่าจะเลือกวิธีที่สอง ก็ไปขึ้นรถตู้ที่ บขส.อุดรธานี เหมือนเดิม ราคา 50 บาท รถจะออกทุก 15 นาที
ตอนนั้นผมขึ้นรถเวลาประมาน 9 โมงกว่าๆได้ รถก็วิ่งไปส่งที่ สะพานมิตรภาพกันเลยทีเดียว จากนั้นเมื่อไปถึง ก็ทำตามขั้นตอน ที่ทุกคนน่าจะทราบกันอยุ่แล้ว ไม่ขอพูดถึงอีก เมื่อทำตามขั้นตอนครบ ก็ไปเดินช็อปซะหน่อย หันกลับมาอีกที ก็เวลาน่าจะล่วงไป 10.45 น. แล้ว

  ทีนี้เมื่อข้ามไปถึงฝั่งลาว ผมก็กำลังทำการจะหารถ เพื่อไป บขส. ที่เวียงจันทร์ เพื่อจะต่อรถไปวังเวียง แต่โชว์เฟอร์เราดันบอกว่า พี่ไทยครับ รถไปวังเวียงนั้น ออกจาก บขส. เวลา 10.00 น. และ 14.00น. เท่านั้นนะครัช  ผมนี่อึ้งเลย   "เฮ้ยพี่ผมต้องรอรถอีกที บ่ายสองเลยหรอ " "ใช่ครับ"  (ซวยละตรูเป็นแกนนำด้วย)  เอาไงดีหว่า (ระหว่างที่กำลังคิดหาทางอยู่ พี่โชว์เฟอร์ก็เสนอมาว่า)  "เอางี้บ้อออ ผ๊มมีรถ วีไอพี คื๊อกั๊นกับรถที่เขานั๊งมานี่ล๊ะ ผมคิ๊ด สี่ร๊อยย ต๊อค๊นน " (เอาเป็นสำเนียงบ้านเราดีกว่าเนอะ) พี่แกว่า มีรถเหมือนกัน 400 บาทต่อคน รถจะออก 11.15 นี้ เอาไหมม ผมก็ขอต่อรอง ต่อกันไปต่อกันมา ได้ในราคา 3 คน 1100 บาท จากนั้นเราก็ยืนรอรถ ปรากฏว่า รถที่มานั้นมันก็คือออออ รถที่มาจากอุดร ที่เราตั้งใจจะนั่งตั้งแต่แรกนั่นเองง  5555+  แต่ประเด็นคือ มันดันมาบอกเราทีหลังว่า ที่นั่งนั้นถูกจองมาเต็มหมด เราจะได้นั่งเก้าอี้พิเศษ ซึ่งก็คือ เก้าอี้หัวโล้น นั่นเองงง มันสวดยอดไปเลยล้วกเพ่ !! เล่นมาบอกผม นาทีที่รถจอดแล้ว หลังจากปรึกษากันแบบทางโทรจิต ผมและผองเพื่อนก็รู้ตัวแล้วว่า เราไม่มีทางเลือกก็คงต้องไปแหละ จะให้รอ บ่ายสองไปถึงโน่นค่ำ ที่พักก็ต้อง ว็อคอิน เราคงจะไม่เสี่ยงกันอีก

  หลังจากขึ้นรถเรียบร้อย คนขับก็บอกเราว่า พวกเรายังพอเหลือโชคอยู่ว่า  ตั๋วที่ถูกขึ้นมาจากฝั่งเวียงจันทร์ อาจจะยกเลิก จะทำให้เราได้นั่งเก้าอี้ปกติ เราก็รับทราบ แล้วก็รอคอย หลังรถออกไปประมาน 5 นาที คนขับก็หันมาบอกเราว่า ทางโน้นเขาไม่ขึ้นแล้ว เรานั่งได้เลย (แหมพวกเราก็เฮสิ ) สรุปแล้วก็ได้นั่งเก้าอี้ปกติ ยาวไปถึงวังเวียงเลยจ้าา  

รูปรถที่เรานั่งมาครับ



******* ข้อแนะนำ  ในการนั่งรถไปวังเวียง ทางมันโหดมาก โค้งเยอะ หลุมเยอะ เรียกได้ว่า ชวนอ้วกแบบสุดๆ เพราะฉะนั้น ควรนำยาแก้เมาไปด้วยจะเป็นการดีที่สุด ปล.อีกอย่าง การซื้อของที่ Duty free สามารถต่อราคาได้โหดจริง ถ้าท่านกล้าต่อแรงๆ เขาก็กล้าขายท่านแน่นอน

เมื่อเราเดินทางมาจนเหลืออีกประมาน 50 กิโลจะถึงวังเวียงรถจะจอดให้เราพักทานอาหารกันครับ ที่นี่เลย



โดยเมนุที่ผมสั่งคือ ข้าวขาหมู ราคาประมาณ 60 บาท หรือ 15000 กีบครับ เอ้อลืมบอกราคาเงินตอนนี้ของลาว ประมาน 250 กีป ต่อ 1 บาท

หรือคิดง่ายๆ 5000 = 20   10000 = 40  100000 = 400   ต่อ สำหรับคนอื่นนั้นก็กินเฝอ กินอะไรกันไปบางคนก็กินปาเต้ หรือข้าวจี่ลาว อาหารที่นี่ก็ราคาและปริมาณถือว่ารับได้ แต่ต้องบอกว่า ข้าวขาหมูที่นี่ประทับใจผมมาก ดูจากรูปได้ครับ ไม่เหลือซาก น้ำจิ้มอร่อยมาก ไม่ค่อยเหมือนของที่ไทยที่จะเป็น พริกสับ ผสมน้ำส้มสายชูเฉยๆ มีผักเคียงมาให้



สำหรับคนที่กินเฝอ จะมีผักเคียงมาให้ ซึ่งผมแอบกิน ฮ่าๆๆ จะมีคล้ายๆถั่วบทมาให้กินกับผัก ถือว่าอร่อยมากก



และนี่อีกอัน เป็นเหมือนอธิบายไม่ถูก เป็นผักต่างๆ แต่รสชาติ จืดมาก ไม่รู้ว่าทำยังไง



จากนั้นก็เดินทางมาอีกซักประมาณ 2 ชม. เราก็จะมาถึง บขส. วังเวียงกันแล้วครับ



จากนั้นก็จะมีรถส่งเราจาก บขส. วังเวียงเข้าไปในตัวเมือง ซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลเลยครับ นิดเดียวเอง สภาพรถนี่ สุดคลาสสิคเลยล่ะ



เห็นอย่างนี้ยังวิ่งได้นะครับ



    จากนั้นนั่งรถมาไม่ถึง 5 นาทีดี ก็จะมาจอดที่ รีสอร์ท รีสอร์ทนึงจำชื่อไม่ได้แล้ว 555+ จากนั้นก็แยกย้ายสิครับ ใครพักที่ไหนก็ไป
ส่วนเป้าหมายของพวกเราก็คือ จะหาที่พักสวยๆ ที่ติดริมน้ำซอง เราก็ทำการเดินอย่างเดาสุ่ม มองหาภูเขาเป็นหลัก เดินไปเดินมาประมาน 5-10 นาทีได้ เราก็มาถึง ที่หมายของเราที่แรกก็คือ ริเวอร์วิว บังกะโล (รึป่าว) ประมาณนี้ ซึ่งห้องฝั่งริมน้ำนั้น มันดันเต็ม เราก็เลยเดินต่อไป จนมาเจอเข้ากับ " บานาน่า บังกะโล " ครับบ ราคาห้องพักที่นี่ก็ 3 คนต่อหนึ่งห้อง  ห้องละ 800 บาท ครับ

นี่เป็นที่แรกที่ไปเจอ และเป็นที่ที่เราจะดินเนอร์กันคืนนี้ครับ ฮ่าๆ



จากนั้นเราเดิมข้ามสะพานจากรูปข้างบนจะอยู่ซ้ายมือ สู่บานาน่าบังกะโล ข้อสังเกตุ จะมี เพิงริมน้ำ จะมีฝรั่งมานั่งกินเบียร์เยอะๆ นั่นล่ะครับ ถึงด้านหน้า บานาน่า บังกะโลแล้ว

วิวถ่ายจากบนสะพาน



วิวด้านหน้าห้องพักของเราครับ เสียใจตะลึงกับความอะลังไม่ได้ แชะภาพมาเยอะเท่าไหร่ ด้านหลังเป็นภูเขาลูกมยิ้มมาา อากาศเย็นสบายมากครับ ด้านหน้าเป็นน้ำซอง ด้านหลังเป็น ภูเขา สองคนนี้คือ ชาวคณะร่วมเดินทางครับผมม อิอิ



รูปภายในห้องพัก อีกแหละครับ ไม่ได้ถ่ายมาเยอะมีรูปเดียว 5555+ สำหรับ อุปกรณ์ อำนวยความสะดวก ก็มี เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์  ไม่มีทีวี ตู้เย็นครับ คุณภาพกับราคาถือว่า สมเหตุสมผล สะอาดใช้ได้ครับ แต่ผ้าห่มแอบบางไปนิดตอนกลางคืน หนาวมากกกกกกกกกกกกก



    หลังจากเราจัดการ เก็บของอะไรเรียบร้อยก็เป็นเวลาประมาน 16.30 - 17.00 ได้ก็ได้เวลาออกหาข้าวกินกัน ซึ่งก็ตกลงกันว่าจะไปกินกันที่
ริเวอวิว บังกะโลนั่นเอง เพราะดูแล้วบรรยากาศน่าจะดี
    พอมาถึงคนเสิร์ฟก็แนะนำเบียข้าวก่ำให้พวกเราก่อนเลย เราก็ค่อนข้างจะเป็นคนไทยนิสัยดี ก็จัดตามเค้าบอก สำหรับรสชาติผมว่า เบียลาวธรรมดาอร่อยกว่าแฮะ ระหว่างนั่งทานไป ก็ชมวิวไป มีบอลลูน บินผ่านมาต่อหน้าต่อตาให้ได้ ลั่นชัตเตอร์กันเลย

จะมีคายัค สาวเกาหลีภายมาเป็นระยะๆ



บอลลูนลอยผ่านหัวไปเลยยย ฟ้ายังสว่างสดใส จำได้ว่าพระอาทิตย์ตกประมาณเกือบ 1 ทุ่ม รึป่าวไม่แน่ใจ

รูปเจ้าเบียร์ข้าวก่ำ



สำหรับอาหารนั้นไม่ได้ถ่ายภาพมา เพราะว่าหิววกันจัด มาถึงก็ซัดกันเรียบบบ

เมนูที่สั่งก็คือ
1.ข้าวเปล่า 1 โถ
2.ลาบหมู
3.ต้มยำกุ้ง
4.ไข่เจียวหมูสับ
5.ซี่โครงหมูทอด
6.เฟร๊นฟราย
7.เบียร์ข้าวก่ำ 2 ขวด
8.น้ำแข็ง
9.น้ำเปล่า 1 ขวด
10. ส้มตำปู
สรุปค่าใช้จ่าย ก็ประมาณ 235.000 กรีบ เลยทีเดียว 555+ หรือเป็นเงินไทยก็ประมาน 800 กว่าบาทครับ ซึ่งดูจากเมนูที่สั่งแล้วก็ไม่ถือว่าแพงและไม่ถูกจนเกินไป ปล.น้ำแข็งนั้นเป็นน้ำแข็งหลอดนะครับ - -*

สำหรับรสชาติอาหารบอกเลยว่า สู้ไทยไม่ได้แม้แต่น้อย หรืออาจจะเพราะเราไม่คุ้นรสล่ะมั้ง
ต้มยำกุ้ง รสชาติไม่ค่อยถึงใจเท่าไหร่ อย่างอื่นก็รสชาติโอเค แต่มันมาสะดุดที่ลาบหมูนี่ล่ะครับ

ลาบหมูเป็นอะไรที่ งง แดร๊ก ครับ ลาบที่ลาวใส่สารพัดผัก รสชาติ จืดสนิท ไม่รู้เหยาะแม็กกี้มาด้วยรึป่าว แถมยังมีถั่วเขียวที่กลายเป็นถั่วงอก ใส่มาอีก บอกได้เลยว่า หนุ่มอีสานนทางเหนืออย่างผม ง่อย- กินไม่เป็น ทุกคนก็กินไม่เป็นส่ายหน้ากันหมด ผลปรากฏ มันก็เลยเหลืออยู่อย่างนั้น จึงได้แชะภาพมาให้ชม




หลังจากทานข้าวเสร็จ เราก็จะออกเดินหาซื้อ One day trip แล้วก็เข้านอนนนแล้วครับ เดี๋ยวมาต่อแล้วกัน วันนี้ดึกมากแล้ว ง่วงงนอนชิหายย
ชื่อสินค้า:   วังเวียง+อุดรธานี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่