การเตรียมตัวสำหรับเดิน trek ที่เนปาลหรือที่อากาศเย็นจัด

จะมาเขียนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเดิน trek นะครับ


เริ่มจากเรื่องของอูณหภูมิก่อนครับ โดยเฉพาะที่เนปาล

ที่เนปาลนั้น ความต่างของอูณหภูมิในช่วงมีแสงแดด กับไม่มีแสงแดดนั้นสูงมากครับ

แล้วช่วงที่มีแสงกับไม่มีแสงนี่ รวมถึงเวลากลางวัน ที่มีเมฆ กับไม่มีเมฆด้วยนะครับ

ต่างกันได้ถึง 10-20 องศาเซลเซียสเลย

ดังนั้น ช่วงกลางวันกับกลางคืน ยิ่งต่างมากขึ้นไปอีก กลางคืนอาจจะติดลบได้ถึง -15-25 มีหิมะตก

สิ่งที่ต้องทำคือ การทำให้ร่างกายอบอุ่นเสมอครับ เพราะถ้าร่างกายรู้สึกหนาวเย็น มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการแพ้ความสูง

โดยเฉพาะศีรษะ มือ และเท้า

สำหรับที่ศีรษะอาการเริ่มแรกเลยคือ เวียนหัว อาเจียร บางคนอาจจะค่อยๆเวียนหัวก่อน แต่บางคนไม่ เดินอยู่ก็เวียนหัวเอาดื้อๆเลย

ต้องรีบทำให้ศีรษะและร่างกายอบอุ่นทันที อาการแบบนี้เป็นอาการเริ่มต้นของไฮปอคเซีย Hypoxic ซึ่งก็คือเริ่มต้นของการแพ้ความสูง

หรือ AMS นั่นเอง

ต่อไปก็ยาแก้แพ้ความสูง จริงๆแล้ว ไม่มียารักษาอาการโดยตรง ยาที่มีคือยาลดความดันในลูกนัยย์ตาเฉยๆ ถามจากแพทย์แล้ว เขาแนะนำวิธีใช้ว่า กินเมื่อเริ่มมีอาการเท่านั้น ไม่ควรกินดักไว้ก่อน เพราะบางคนอาจจะแพ้ยา เนื่องจากมันเป็นยาลดความดัน และมีผลข้างเคียงเยอะ การกินดักไว้ก่อน อาจจะทำให้เร่งอาการแพ้ความสูงในบางคนได้ อาการหลักๆหลังจากทานยาเข้าไปคือ จะปัสสาวะบ่อยมาก คนที่ไม่เคยลุกมาปัสสาวะกลางคืนเลย ยังต้องลุกมาอย่างน้อยๆสองถึงสามครั้ง การกินกระเทียม จะให้ผลด้านบวกที่ดีกว่า เพราะคนไทยกินกันตลอดอยู่แล้ว



ส่วนสำคัญรองลงมาคือ มือและเท้า

มือและเท้านี่ คงไม่ต้องแนะนำมาก ทำอย่างไรก็ได้ให้อุ่น ตอนผมไปก็มือเท้าชา ไกค์แนะนำให้ขยับร่างกายตลอดเวลาเหมือนเราอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังนั่นเอง

ซึ่งก็ได้ผลครับ ทำให้มือและเท้าอุ่นได้

สำหรับเสื้อผ้าที่จะใช้ จะแบ่งเป็นสองชุด ชุดแรก ใช้ในเขตอากาศไม่หนาวมาก ชุดที่สองจะใช้ในเขตหนาวจัด

ในเวลากลางวัน ช่วงที่เราเดิน trek นั้น ร่างกายจะอุ่น และมีเหงื่อออก เป็นปรกติ เสื้อผ้าที่จะต้องใช้คือ เสื้อผ้าที่ไม่มีส่วนผสมของผ้า cotton

เพราะผ้าแบบนั้น จะอมเหงื่อแห้งยาก เหม็น จะทำให้เราหนาวตลอดเวลา

ดังนั้น เสื้อที่ใช้ควรเป็นผ้าแห้งเร็วสำหรับเล่นกีฬาเท่านั้น

กางเกงก็ใช้แบบผ้าแห้งเร็ว จะสบายตัวกว่า

สำหรับคนที่เหงื่อออกมากบริเวณเท้า มีเทคนิคให้ประหยัดถุงเท้าและไม่ทำให้เท้าเหม็นคือ

ใช้ผ้าอนามัยของสุภาพสตรี รองใต้ฝ่าเท้าก่อนใส่ถุงเท้า เพื่อซับเหงื่อ ไม่ทำให้ลื่นเวลาเดิน และไม่คับ เนื่องจากผ้าอนามัยแบบใหม่ๆ บางมาก

ข้อดีคือ ถุงเท้า และรองเท้าจะไม่เปียกเหงื่อ จึงไม่เหม็น ทำให้สามารถนำถุงเท้ากลับมาใช้ซ้ำได้หลายๆวันสี่ถึงห้าวันได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน

ดังนั้น จึงไม่ต้องหาที่ซักถุงเท้า หาที่ตาก หรือไม่ต้องพกถุงเท้าไปเยอะ เดิน 15 วัน พกไปแค่ สามคู่ก็ยังได้

สำหรับเขตอากาศไม่หนาวมากก็ คงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เดินขึ้นเชียงดาวหรืออินทนน์อากาศก็ราวๆนั้นครับ

สำหรับเขตหนาวจัด ก็ยังยืนยันครับ no cotton ห้ามเด็ดขาดครับ

ส่วนกางเกงแบบผ้าแห้งเร็ว ก็ไม่สามารถใช้ได้แล้ว เพราะผ้าแห้งเร็ว จะระบายความร้อนดีมาก จะทำให้หนาวมาก

ต้องไปใช้กางเกงลุยหิมะแทน

เมื่อกางเกงลุยหิมะ ต้องใช้เดินด้วย จะทำให้รู้สึกร้อน เหงื่อออก และจะไม่สบายตัว ดังนั้น กางเกงแบบนี้จึงควรเป็นกางเกงที่เปิดต้นขา ระบายความร้อนได้

เมื่อรู้สึกหนาวก็ปิดซะ จะทำให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น เพราะลำพังกางเกงพวกนี้จะเก็บความร้อนดีมาก หากใส่เดินโดยไม่ระบาย จะร้อนมาก

กางเกงพวกนี้ ก็จะมีเปิด 3 แบบ เปิดต้นขา ด้านใน หรือด้านนอก กับเปิดด้านนอก ยาวทั้งตัว ตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายเท้า

แนะนำว่าใช้แบบเปิดต้นขาด้านนอก เฉพาะต้นขาพอครับ จะใช้งานง่ายกว่า




อันนี้แบบเปิดยาวตลอด ใช้งานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่





ส่วนรองเท้า ควรจะเป็นรองเท้า trek ที่กันน้ำได้ จะเป็น out dry หรือ GTX อะไรก็ตามชอบ เวลาเดินในหิมะก็ใส่ gaiter เอาครับ

ส่วนช่วงที่ไม่ได้เดินลุยหิมะ แนะนำว่า ไม่ต้องใส่ gaiter เพราะมันจะร้อนมาก





เสื้อกันหนาว แนะนำแบบ 3 in 1 ที่เป็น 2 ชั้นถอดได้ แนะนำว่า ไม่ควรใช้แบบขนเป็ด เพราะมันจะอมเหงื่อ แล้วจะไม่แห้ง

เสื้อขนเป็ดไว้ใส่นอนอย่างเดียวพอครับ

เสื้อแบบ 2 ชั้น ชั้นด้านใน จะให้ความอบอุ่น ชั้นด้านนอก จะเป็นตัวกันลม จะมีตัวรัดที่เอวกันลมตีย้อนขึ้นมา และจะมีซิบที่ใต้รักแร้ยาวจากข้อศอกยาวไปถึงเอวเพื่อเปิดระบายความร้อนเวลาเดิน

เวลาเดิน ให้ถอดเสื้อตัวในเก็บในเป้สะพายหลังติดตัวไว้ ใส่ตัวนอกไว้กันลม ซึ่งก็กันหนาวได้เพียงพอ เพราะเวลาเดินจะร้อนมาก

พอหยุดเดินเวลาถึงที่พักแล้วหนาว ก็ค่อยเอาตัวในมาใส่ เพราะตัวนอก มันจะไม่เปียกเหงื่อ เนื่องจากมันกันน้ำได้ ตัวในจะเปียกเหงื่อได้ แต่ก็แห้งเร็ว

แต่ถึงตัวในจะแห้งเร็ว แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าจะแห้ง ซึ่งช่วงนั้นก็จะไม่อุ่น





เรื่องถุงนอน และการนอน ส่วนตัวผมเอง เอาถุงนอนบางๆส่วนตัวไป ใช้แทน liner เนื่องจากอุ่นกว่า liner และเวลานอนที่หนาวมากๆ ผมก็ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน

เนื่องจากหนาว ก็เลยนอนทั้งชุดที่เดินนั้นเลย ทำให้เป้เบาลงไปได้นิดหน่อย และเพิ่มพื้นที่ว่างไปใส่อุปกรณ์จำเป็นอย่างอื่นแทน

แล้วไปทริปนี้ ได้คุยกับ climbing guide ซึ่งเคยขึ้น everest มาแล้ว 8 ครั้ง เขาบอกว่า บนไฮท์แคมป์ เขาไม่ใช้ถุงนอน คือนอนทั้งชุดกันหนาวนั่นเลย มีชุดเดียว ใส่กันเป็นเดือน เพราะเขาบอกว่า ถุงจุดนั้น ถุงนอนไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว แบกไปก็เป็นภาระลูกหาบ

อีกอย่างคือ ไม้เท้าหรือ trekking pole แนะนำแบบที่ตัวล๊อคเป็น แบบกระเดื่องพับ ไม่ใช่แบบหมุน เพราะปัญหาแบบหมุนคือ มันหมุนทั้งถุงมือลำบากมาก

ต้องถอดถุงมือมาหมุนล๊อค ทำให้มือเย็นโดยไม่จำเป็น และบางครั้ง มันไม่หมุน

แบบกระเดื่องพับ คุณเอาไปงัดกับแง่หิน กิ่งไม้อะไรก็ได้ เพื่อใช้งาน




กระเดื่องพับล๊อคไม้เท้า






ความยาวของไม้ท้า ให้ซื้อแบบที่ยาวที่สุดไว้ ราวๆ 140cm ขึ้นไป

การใช้ไม้เท้าที่ถูกต้องคือ ต้องแบ่งเป็นขาขึ้น กับขาลง

ขาขึ้น ให้ดึงไม้เท้าให้อยู่ระดับหน้าอก เวลาเดินขึ้น ให้เอาไม้เท้าปักไว้ที่สูงคือบันไดขั้นบน ไม้เท้ามันจะอยู่สูงระดับหัว ให้คุณออกแรงโหนไม้เท้าขึ้นไป

จะทำให้ใช้แรงที่ขาน้อยลง ทำให้ไม่เมื่อยมาก และเป็นตะคริวน้อยลง

ส่วนขาลง ให้ยืดไม้เท้าให้อยู่สูงระดับหัว หรือสูงสุดที่ไม้เท้าจะยืดได้ เวลาลง ปักไม้เท้าที่บันได้ขั้นล่าง หรือพื้นต่ำ

ไม้เท้าจะอยู่ระดับหน้าอก ให้ออกแรงโหนไม้เท้าลง เพื่อลดแรงกระแทกที่หัวเข่า ที่ต้องยืดไม้เท้าให้สูง เพราะถ้าปักลงไปที่พื้นต่ำ

คุณจะต้องก้มลงไปจะทำให้ปวดหลังด้วย ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง

เพราะถ้าใช้แบบที่เห็นใช้กันโดยมาก ไม้เท้าแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากจิ้มพื้นไปเรื่อยๆ บางคนล้มทั้งๆที่ไม่เท้าอยู่กับมือ

นั่นเพราะตั้งระดับไม้เท้ากันไม่ถูก และไม่ได้ออกแรงที่แขนในการช่วยพยุงตัว

ระลึกไว้ว่า ไม้เท้าไว้พยุงตัว ดังนั้น จุดที่ปักไม้เท้าลงไป ต้องมั่นคงด้วย ไม่ใช่จิ้มไปเปะปะ






สำหรับอุปกรณ์อีกชิ้น ที่ไม่ค่อยได้ใช้ นอกจากพวกขึ้น summit คือ mountaineering boots ซึ่งรองเท้านี้จะไว้สำหรับติดตั้ง crampond

รองเท้านี้จะเป็นรองเท้าที่แข็งแรง เก็บความร้อนได้ดี ทนต่อการเตะ และแข็งแรงพอจะติด crampond ได้

รองเท้านี้เมื่อใส่แล้วจะเดินยาก เนื่องจากขยับข้อเท้าได้น้อย เพราะรองเท้านี้ออกแบบมาไว้เตะน้ำแข็ง เตะจนจิกปลาย crampond เข้าไปในน้ำแข็งได้

เตะทั้งวัน วันละหลายๆชั่วโมง ถ้าไม่แข็งพอ จะทำให้ข้อเท้าบาดเจ็บได้ และรองเท้าก็จะพังเสียหายได้

ดังนั้น ก็เลยต้องมีการหัดเดินด้วยรองเท้านี้ให้ชิน และมีเทคนิคการเดินเฉพาะของมันอีก


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


อุปกรณ์ต่อไปคือ หมวก ผ้าบัพ และผ้าพันคอ

หมวกบังคับว่าควรเป็นหมวกปีกกว้างรอบตัว แบบที่มีผ้าคลุมถึงคือด้วยจะดีมาก

ผ้าบัพก็คลุมลงไปให้ปิดใต้เสื้อ

กันแดดต้องทาทุกๆ 2 ชั่วโมง ไม่งั้นหน้าจะเกรียมได้

เพราะแดดที่ความสูงหลายพันเมตรขึ้นไปมีความเข้มสูงมาก จริงๆก็ไม่เข้มมาก แต่ว่ามันสะท้อนมาจากทุกทิศมากกว่า

สิ่งที่สำคัญอีกชิ้นคือ แว่นกันแดด เนื่องจากแดดจะสะท้อนกับหิมะ ทำให้มันสว่างมาก ไม่ถึงกับตาบอดทันที แต่จะทำให้ตาพร่าได้

และมองทางไม่ชัด อาจจะเกิดอุบัติเหตได้  แว่นตาสำหรับเดิน trek จะเป็นแว่นธรรมดาก็ได้ แต่ต้องปิดด้านข้างกัน UV ได้ด้วย

ส่วนแว่นสำหรับ summit จะเป็นแว่นแบบรัดศีรษะ เพราะข้างบนลมแรงมาก และป้องกันแว่นตาหลุด เนื่องจากลมตี หรืออุบัติเหตุต่างๆ

แว่นแบบนี้จะดีมาก กันจมูกโดน UV เผาได้ดี


สำหรับคนสายตาสั้น ที่ใช้คอนแทคเลนส์ แนะนำครับ เปลี่ยนไปใช้แว่นตาครับ เพราะน้ำยาที่แช่คอนแทคเลนส์มันจะเป็นน้ำแข็ง แล้วเวลาใส่ ก็ต้องสะอาด ซึ่งน้ำสะอาดหายากครับ การถอดใส่อาจจะทำให้ตาติดเชื้อ อันตรายถึงตาบอดครับ เมื่อใส่แว่นตาแล้ว ใช้แว่นกันแดดแบบครอบแว่นสายตาทับเอาครับ สะดวกน้อยกว่า แต่ปลอดภัยกว่าครับ







แบบนี้ ก็ใช้ได้ในระดับหนึ่ง





แบบนี้ ดีที่สุด





ไฟฉาย เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและควรพกติดตัวไว้ตลอด เพราะ 80% ไม่มีไฟฟ้าใช้ และถึงมีไฟก็ไม่ได้มีตลอดเวลา ไฟฉายที่ควรจะต้องมี ควรเป็นไฟฉายคาดหัว เพราะสะดวกเวลาใช้งานจริง

ส่วนเรื่องห้องน้ำนี่ ตัวใครตัวมัน ยังหาวิธีเอาอะไรไปรองชักโครกไม่ได้ ถ้าได้แบบนั่งยองๆก็ ok หน่อย แต่เมื่อยเข่า

เรื่องอุปกรณ์กันหนาว แนะนำเลยนะครับ ว่าถ้ามีโอกาส ให้เลือกใช้ของแท้ เพราะมันจะเบา และอุ่นจริงๆ แต่ยอมรับว่าว่าราคาเล่นเอาหนาวก่อนเจอหิมะเลย

อีกเรื่องคือ ไม่ควรนอนพักกลางวันครับ เพราะไกค์บอกว่า จะทำให้เป็น AMS ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงควรหากิจกรรมทำตอนกลางวัน

ตอนนี้ นึกออกประมาณนี้ ใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติม สามารถแนะนำเข้ามาได้เลยครับ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆครับ

ใครสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้ครับ หากรู้จะได้แนะนำได้ แต่ถ้าไม่รู้ จะพยายามค้นหามาให้ครับ


ฝากกระทู้ไว้ดูเล่นๆครับ


http://pantip.com/topic/32991162

Annapurna Base camp + Tent Peak (Tharpu Chuli 5663m)



http://pantip.com/topic/31254065

Everest Basecamp + Island Peak 6189m Nepal
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวภูเขา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่