สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิป ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ชีวิตของผม ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่มองในภาพลบ
นั่นก็คือเรื่อง "เด็กติดเกม"
-----------------------------------------------------------------
ผมเริ่มเกมออนไลน์อย่างหนักตั้งแต่ประถมปลายยันมหาลัย และปัจจุบันนี้ทำงานแล้วก็ยังเล่นอยู่ (นานๆเล่นทีครับ เบื่อๆแล้ว)
ช่วงม.1-ม.2 เนี่ยเป็นช่วงที่ติดหนักมาก เลิกเรียนแล้วก็ต้องวิ่งไปร้านเกมตลอดครับ เล่นแม่มทุกเกมเลย ไม่สนใจโลก การเรียนช่างแม่ม ไปเรียนก็หลับๆเล่นๆ ไม่มีเป้าหมายทั้งการเล่นและการเรียน
(ภาวะเด็กติดเกมอย่างชัดเจน)
พอเข้าสู่ช่วงม.3 ก็ได้มีโอกาสเล่นเกมออนไลน์อยู่เกมนึง ชื่อเกม Audition เป็นเกมแนวเพลงดนตรี การกดลูกศรและการจับจังหวะ ซึ่งตัวผมเองก็มีพื้นฐานทางด้านดนตรีตั้งแต่เด็ก(เคยเรียนเปียโนสมัย3ขวบ) ทำให้รู้สึกว่าเกมนี้เป็นเกมที่ผมเล่นแล้วรู้สึกว่าเล่นออกมาได้ดี พอมีประกาศรับสมัครแข่งขัน ก็ลงแข่งทุกรายการ แล้วก็ได้รางวัลมาอยู่ไม่น้อย (มูลค่ารางวัลรวมๆประมาณ10000บาท)
แต่ยิ่งผมไปแข่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกมองว่าเป็นเด็กติดเกมมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ช่วงนั้นผมก็คิดว่า ถ้าเล่นเกมแล้วจะโดนคนภายนอกมองว่าติดเกมแล้วไม่ได้อะไร ถูกมองภาพลบแบบนี้เนี่ย ผมก็จะลองเอาดีทางด้านนี้ดูแบบจริงจัง คิดแค่ว่ามันต้องได้อะไรกลับมาหรือมีข้อดีอะไรสักอย่างที่น้อยคนจะเข้าถึง และผมก็อยากจะเป็นคนส่วนน้อยนั้น
หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มจริงจังกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม โดยที่ก็ใช้เวลาในเล่นเท่าเดิมคือหลังเลิกเรียนตอนถึงบ้าน (ที่บ้านซื้อคอมมาใหม่ ก็ไม่ได้ไปร้านเกมอีก) และ ทุกครั้งที่เล่น ผมก็จะพยายามหาเทคนิคต่างๆที่จะทำให้ตัวผมเองพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เทคนิคต่างๆเนี่ยจะต้องไม่มีเผยแพร่ทั่วไป นั่นเป็นวิธีที่ผมคิดว่าน่าจะทำให้ไปสู่จุดสูงสุดได้ไวที่สุด
พอช่วงม.4ถึงม.6 ผมก็ยังคงเดินตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ พยายามซ้อมทุกวัน หาเทคนิคมากมายต่างนานา เล่นแบบกำหนดเป้าหมาย ต้องทำได้เท่านี้ๆให้ได้ภายในกี่เดือน ส่วนเวลาที่เหลือก็เอาไปเที่ยวและอยู่กับครอบครัว
เรียกได้ว่า ชีวิตช่วงนั้นการเรียนนี่ผมแทบไม่สนใจเลย
พอใกล้ถึงช่วงสอบ GAT PAT ผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ถ้าผมยังไม่แบ่งเวลาไปอ่านหนังสือบ้าง คงจะสอบไม่ติดมหาลัยแน่ๆ (ผมอยากเข้าวิศวะครับ) ก็เลยลดเวลาการเล่นเกมลงมาให้ 2ชม. แล้วเอาเวลา 2ชม.นี้ ไปอ่านหนังสือ 2 สัปดาห์แบบจริงจังเหมือนๆกับเล่นเกม ซึ่งต้องบอกเลยว่าแม้จะอยู่ ม.6 แต่ตอนนั้นความรู้ผมเทียบเท่าเด็กม.3เลย
แต่แล้วผมก็สอบตรงติดวิศวะ 2 ที่ได้สำเร็จครับ ซึ่งผมก็เลือกเรียน วิศวะ มหาลัยแถวย่านบางเขน (อีกที่แถวย่านศาลายามันไกลบ้านผมมาก)
พอสอบติดมหาลัยแล้วเนี่ย ชีวิตผมก็กลับสู่วงจรแบบเดิม หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้เรียน เข้าไปก็หลับตลอด อัดเสียงอาจารย์ไว้เพื่อหลอกตัวเองว่าจะกลับมาฟังที่บ้าน แต่พอกลับมาบ้านก็เล่นเกมอยู่ดี 55555
ช่วงมหาลัยของผมเป็นช่วงที่เริ่มมีการแข่งขันเกมออนไลน์บ่อยขึ้น (เกมออนไลน์เริ่มบูมขึ้นเรื่อยๆ) และวันแข่งขันก็มักจะใกล้กับวันสอบของมหาลัยมากๆ
ซึ่งปัญหามันคงจะดูไม่ใหญ่มาก ถ้าหากผมตั้งใจเรียนในเวลาเรียน แต่นี่ความรู้ผมก็ไม่มีจะสอบ แถมผมจริงจังกับเกมมาเป็นระยะเวลาหลายปีก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสการแข่งใหญ่ๆไป แม้ว่าผมเช็คตารางสอบแล้วมีเวลาอ่านหนังสือเหลือวันละ 1 วิชา แต่ผมก็เลือกที่ทุ่มเวลาให้กับเกมมากกว่าการเรียน (ซึ่งจริงๆไม่ถูกนะครับ555) พอการแข่งขันจบก็ใช้เวลา 1 วันที่เหลืออ่านหนังสือสอบแบบจริงจัง (งดเกมไป 1 วันเต็ม) แล้วก็ไปสอบครับ
ทำแบบนี้เกือบทุกเทอม จนกระทั่งมหาลัยปี 3 และปี 4 ผมก็สามารถทำตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ได้สำเร็จ
ผมคว้าแชมป์เกมออนไลน์อันดับ 1 ของประเทศไทยมาได้ 2 ปีซ้อน
ในช่วงชีวิตมหาลัย ผมแทบไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่นอกเหนือจากค่าขนมเลย เงินทั้งหมดที่ผมได้จากเกมมาทั้งสิ้นก็อยู่ในหลักแสน และ ผมก็ใช้เงินที่ได้จากการเล่นเกม ซื้อของส่วนตัวที่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone คอมพิวเตอร์ใหม่ ฯลฯ นานๆทีจะขอเพิ่มเล็กๆน้อยๆ ซึ่งผมก็มองว่าผมได้แบ่งเบาภาระครอบครัวจากการทำกิจกรรมที่คนภายนอกมองว่า ไร้สาระ
เรื่องเรียน ผมจบวิศวะด้วยเกรดเฉลี่ย 2.75 และผมก็ภูมิใจครับที่ผมจบ 4 ปี โดยไม่มี F สักตัว (ใครจะมองว่าเกรดน้อยผมไม่สนใจครับ ผมไม่ใช่เด็กเรียน)
-----------------------------------------------------------------
ทั้งหมดที่ผ่านมา ผมมองว่ามันเป็น Achievement อย่างนึงของผม ผมก็เลยเขียนลงใน Resume ตอนสมัครงานด้วยว่า "ผมเป็นแชมป์เกมออนไลน์ระดับประเทศ 2 ปีซ้อน" แต่เพื่อนๆผมมองว่า มันดูไร้สาระ บริษัทที่ไหนจะสนใจ เขาต้องการคนที่เรียนเก่ง ไม่ใช่คนที่เล่นเกมเก่ง
แต่หารู้ไม่ ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์งานบริษัท 2 ที่ เป็นบริษัทใหญ่ทั้งคู่ แต่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่นึงและบริษัทไทยที่นึง
ปรากฎว่าทั้ง Admin HR MD และ Manager สนใจเกี่ยวกับประวัติการแข่งขันเกมกับผมมาก เพื่อนคนอื่นเขาถูกถามเรื่องโปรเจคมหาลัย แต่กับผมเนี่ย ทั้งรอบ first interview และ final interview พี่ๆเขาถามเรื่องประวัติการแข่งขันเกมไป 70% ของเนื้อหาสัมภาษณ์งาน แล้วผมก็ได้งานทั้งสองที่ตามที่คาดไว้จริงๆ (มาถามทีหลัง เขาบอกว่า ดูเป็นคนที่เวลาสนใจอะไร จะทำออกมาไม่ใช่แค่ดีธรรมดา แต่ต้องดีเยี่ยมแน่นอน)
-----------------------------------------------------------------
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น ญาติๆของผม หรือ เพื่อนของพ่อและแม่ผม ที่เคยห้ามลูกเล่นเกม ทุกคนเปลี่ยนความคิดใหม่และพยายามสอนลูกให้เอาแบบอย่างผม (แต่เวลาผมสอนน้องๆ ผมจะเน้นให้เขาตั้งใจเรียนมากกว่า อย่าเดินตามแบบผมเป๊ะๆเลย มันไม่ดี555)
ผมอยากฝากแนวคิดของผมที่ได้จากการเล่นเกมไว้ให้เพื่อนๆว่า
1. ไม่มีสิ่งไหนที่ทำแล้วไร้สาระหรอกครับ เมื่อคุณทำมันออกได้ดีแล้วเนี่ย มันจะดูน่าสนใจและไม่ไร้สาระอีกต่อไป
2. มนุษย์เราถ้าทำอะไรแล้วตั้งใจทำจริงๆ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอกครับ
*ผมอ่านหนังสือ 1 วันก่อนสอบ ยังผ่านได้ทั้งๆที่ผมก็ไม่ใช่คนเก่ง ผมเชื่อว่ามันอยู่ที่เราตั้งใจจริงๆรึยังมากกว่า*
3. อยากจะเป็นคนที่เก่งที่สุด ต้องหาวิธีที่แตกต่างจากคนอื่นให้ได้
*ถ้าผมเชื่อหนังสือคู่มือต่างๆทั่วไปและทำตาม ก็คงเป็นได้แค่คนเก่งธรรมดาๆคนนึง แต่ถ้าผมมีเทคนิคใหม่ๆที่ไม่มีใครนึกถึง การจะเป็นคนที่เก่งที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป*
4. อย่าอายที่จะเสนอจุดเด่นหรือจุดที่แตกต่างในตัวคุณ
*ในขณะที่การสัมภาษณ์งานคนอื่นสู้กันด้วยโปรเจคและเกรดเฉลี่ย แต่ผมกลับสู้ด้วยโปรไฟล์กิจกรรมยามว่างที่น้อยคนจะกล้าพรีเซ้นตัวเอง (ซึ่งไม่มีคู่แข่งให้เปรียบเทียบ จึงดูเด่น)*
5. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะแค่ได้ยินมาหรือรู้มา
*หลายๆคนใช้เวลาเล่นเกมเท่ากับผมหรือมากกว่าผมด้วยซ้ำ แต่เพียงเพราะเห็นผมไปแข่งบ่อยๆทำให้ดูเหมือนจะ "ติดเกม" ไปวันๆมากกว่า ใจจริงอยากจะบอกว่ามันก็ไม่แน่เสมอไป ปัจจุบันผมเล่นเกมอาทิตย์ละ 2-3 วัน แต่ละวันส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 2 ชั่วโมง และ 1ชม.ของผมเทียบกับ 1ชม.ของคุณในการเล่นเกม ผมสามารถหารายได้จากการเล่นเกมเป็นเม็ดเงินจริงได้ไม่น้อย แต่ผมเลือกที่จะบอกเพียงบางคนเท่านั้นเอง
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
*edit แก้คำผิดนิดหน่อย
อดีตของ "เด็กติดเกม" + แนวคิดเล็กๆ (อยากแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่าน)
นั่นก็คือเรื่อง "เด็กติดเกม"
-----------------------------------------------------------------
ผมเริ่มเกมออนไลน์อย่างหนักตั้งแต่ประถมปลายยันมหาลัย และปัจจุบันนี้ทำงานแล้วก็ยังเล่นอยู่ (นานๆเล่นทีครับ เบื่อๆแล้ว)
ช่วงม.1-ม.2 เนี่ยเป็นช่วงที่ติดหนักมาก เลิกเรียนแล้วก็ต้องวิ่งไปร้านเกมตลอดครับ เล่นแม่มทุกเกมเลย ไม่สนใจโลก การเรียนช่างแม่ม ไปเรียนก็หลับๆเล่นๆ ไม่มีเป้าหมายทั้งการเล่นและการเรียน
(ภาวะเด็กติดเกมอย่างชัดเจน)
พอเข้าสู่ช่วงม.3 ก็ได้มีโอกาสเล่นเกมออนไลน์อยู่เกมนึง ชื่อเกม Audition เป็นเกมแนวเพลงดนตรี การกดลูกศรและการจับจังหวะ ซึ่งตัวผมเองก็มีพื้นฐานทางด้านดนตรีตั้งแต่เด็ก(เคยเรียนเปียโนสมัย3ขวบ) ทำให้รู้สึกว่าเกมนี้เป็นเกมที่ผมเล่นแล้วรู้สึกว่าเล่นออกมาได้ดี พอมีประกาศรับสมัครแข่งขัน ก็ลงแข่งทุกรายการ แล้วก็ได้รางวัลมาอยู่ไม่น้อย (มูลค่ารางวัลรวมๆประมาณ10000บาท)
แต่ยิ่งผมไปแข่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกมองว่าเป็นเด็กติดเกมมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ช่วงนั้นผมก็คิดว่า ถ้าเล่นเกมแล้วจะโดนคนภายนอกมองว่าติดเกมแล้วไม่ได้อะไร ถูกมองภาพลบแบบนี้เนี่ย ผมก็จะลองเอาดีทางด้านนี้ดูแบบจริงจัง คิดแค่ว่ามันต้องได้อะไรกลับมาหรือมีข้อดีอะไรสักอย่างที่น้อยคนจะเข้าถึง และผมก็อยากจะเป็นคนส่วนน้อยนั้น
หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มจริงจังกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม โดยที่ก็ใช้เวลาในเล่นเท่าเดิมคือหลังเลิกเรียนตอนถึงบ้าน (ที่บ้านซื้อคอมมาใหม่ ก็ไม่ได้ไปร้านเกมอีก) และ ทุกครั้งที่เล่น ผมก็จะพยายามหาเทคนิคต่างๆที่จะทำให้ตัวผมเองพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เทคนิคต่างๆเนี่ยจะต้องไม่มีเผยแพร่ทั่วไป นั่นเป็นวิธีที่ผมคิดว่าน่าจะทำให้ไปสู่จุดสูงสุดได้ไวที่สุด
พอช่วงม.4ถึงม.6 ผมก็ยังคงเดินตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ พยายามซ้อมทุกวัน หาเทคนิคมากมายต่างนานา เล่นแบบกำหนดเป้าหมาย ต้องทำได้เท่านี้ๆให้ได้ภายในกี่เดือน ส่วนเวลาที่เหลือก็เอาไปเที่ยวและอยู่กับครอบครัว เรียกได้ว่า ชีวิตช่วงนั้นการเรียนนี่ผมแทบไม่สนใจเลย
พอใกล้ถึงช่วงสอบ GAT PAT ผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ถ้าผมยังไม่แบ่งเวลาไปอ่านหนังสือบ้าง คงจะสอบไม่ติดมหาลัยแน่ๆ (ผมอยากเข้าวิศวะครับ) ก็เลยลดเวลาการเล่นเกมลงมาให้ 2ชม. แล้วเอาเวลา 2ชม.นี้ ไปอ่านหนังสือ 2 สัปดาห์แบบจริงจังเหมือนๆกับเล่นเกม ซึ่งต้องบอกเลยว่าแม้จะอยู่ ม.6 แต่ตอนนั้นความรู้ผมเทียบเท่าเด็กม.3เลย
แต่แล้วผมก็สอบตรงติดวิศวะ 2 ที่ได้สำเร็จครับ ซึ่งผมก็เลือกเรียน วิศวะ มหาลัยแถวย่านบางเขน (อีกที่แถวย่านศาลายามันไกลบ้านผมมาก)
พอสอบติดมหาลัยแล้วเนี่ย ชีวิตผมก็กลับสู่วงจรแบบเดิม หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้เรียน เข้าไปก็หลับตลอด อัดเสียงอาจารย์ไว้เพื่อหลอกตัวเองว่าจะกลับมาฟังที่บ้าน แต่พอกลับมาบ้านก็เล่นเกมอยู่ดี 55555
ช่วงมหาลัยของผมเป็นช่วงที่เริ่มมีการแข่งขันเกมออนไลน์บ่อยขึ้น (เกมออนไลน์เริ่มบูมขึ้นเรื่อยๆ) และวันแข่งขันก็มักจะใกล้กับวันสอบของมหาลัยมากๆ
ซึ่งปัญหามันคงจะดูไม่ใหญ่มาก ถ้าหากผมตั้งใจเรียนในเวลาเรียน แต่นี่ความรู้ผมก็ไม่มีจะสอบ แถมผมจริงจังกับเกมมาเป็นระยะเวลาหลายปีก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสการแข่งใหญ่ๆไป แม้ว่าผมเช็คตารางสอบแล้วมีเวลาอ่านหนังสือเหลือวันละ 1 วิชา แต่ผมก็เลือกที่ทุ่มเวลาให้กับเกมมากกว่าการเรียน (ซึ่งจริงๆไม่ถูกนะครับ555) พอการแข่งขันจบก็ใช้เวลา 1 วันที่เหลืออ่านหนังสือสอบแบบจริงจัง (งดเกมไป 1 วันเต็ม) แล้วก็ไปสอบครับ
ทำแบบนี้เกือบทุกเทอม จนกระทั่งมหาลัยปี 3 และปี 4 ผมก็สามารถทำตามเป้าหมายที่ผมวางไว้ได้สำเร็จ
ผมคว้าแชมป์เกมออนไลน์อันดับ 1 ของประเทศไทยมาได้ 2 ปีซ้อน
ในช่วงชีวิตมหาลัย ผมแทบไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่นอกเหนือจากค่าขนมเลย เงินทั้งหมดที่ผมได้จากเกมมาทั้งสิ้นก็อยู่ในหลักแสน และ ผมก็ใช้เงินที่ได้จากการเล่นเกม ซื้อของส่วนตัวที่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone คอมพิวเตอร์ใหม่ ฯลฯ นานๆทีจะขอเพิ่มเล็กๆน้อยๆ ซึ่งผมก็มองว่าผมได้แบ่งเบาภาระครอบครัวจากการทำกิจกรรมที่คนภายนอกมองว่า ไร้สาระ
เรื่องเรียน ผมจบวิศวะด้วยเกรดเฉลี่ย 2.75 และผมก็ภูมิใจครับที่ผมจบ 4 ปี โดยไม่มี F สักตัว (ใครจะมองว่าเกรดน้อยผมไม่สนใจครับ ผมไม่ใช่เด็กเรียน)
-----------------------------------------------------------------
ทั้งหมดที่ผ่านมา ผมมองว่ามันเป็น Achievement อย่างนึงของผม ผมก็เลยเขียนลงใน Resume ตอนสมัครงานด้วยว่า "ผมเป็นแชมป์เกมออนไลน์ระดับประเทศ 2 ปีซ้อน" แต่เพื่อนๆผมมองว่า มันดูไร้สาระ บริษัทที่ไหนจะสนใจ เขาต้องการคนที่เรียนเก่ง ไม่ใช่คนที่เล่นเกมเก่ง
แต่หารู้ไม่ ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์งานบริษัท 2 ที่ เป็นบริษัทใหญ่ทั้งคู่ แต่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่นึงและบริษัทไทยที่นึง
ปรากฎว่าทั้ง Admin HR MD และ Manager สนใจเกี่ยวกับประวัติการแข่งขันเกมกับผมมาก เพื่อนคนอื่นเขาถูกถามเรื่องโปรเจคมหาลัย แต่กับผมเนี่ย ทั้งรอบ first interview และ final interview พี่ๆเขาถามเรื่องประวัติการแข่งขันเกมไป 70% ของเนื้อหาสัมภาษณ์งาน แล้วผมก็ได้งานทั้งสองที่ตามที่คาดไว้จริงๆ (มาถามทีหลัง เขาบอกว่า ดูเป็นคนที่เวลาสนใจอะไร จะทำออกมาไม่ใช่แค่ดีธรรมดา แต่ต้องดีเยี่ยมแน่นอน)
-----------------------------------------------------------------
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น ญาติๆของผม หรือ เพื่อนของพ่อและแม่ผม ที่เคยห้ามลูกเล่นเกม ทุกคนเปลี่ยนความคิดใหม่และพยายามสอนลูกให้เอาแบบอย่างผม (แต่เวลาผมสอนน้องๆ ผมจะเน้นให้เขาตั้งใจเรียนมากกว่า อย่าเดินตามแบบผมเป๊ะๆเลย มันไม่ดี555)
ผมอยากฝากแนวคิดของผมที่ได้จากการเล่นเกมไว้ให้เพื่อนๆว่า
1. ไม่มีสิ่งไหนที่ทำแล้วไร้สาระหรอกครับ เมื่อคุณทำมันออกได้ดีแล้วเนี่ย มันจะดูน่าสนใจและไม่ไร้สาระอีกต่อไป
2. มนุษย์เราถ้าทำอะไรแล้วตั้งใจทำจริงๆ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอกครับ
*ผมอ่านหนังสือ 1 วันก่อนสอบ ยังผ่านได้ทั้งๆที่ผมก็ไม่ใช่คนเก่ง ผมเชื่อว่ามันอยู่ที่เราตั้งใจจริงๆรึยังมากกว่า*
3. อยากจะเป็นคนที่เก่งที่สุด ต้องหาวิธีที่แตกต่างจากคนอื่นให้ได้
*ถ้าผมเชื่อหนังสือคู่มือต่างๆทั่วไปและทำตาม ก็คงเป็นได้แค่คนเก่งธรรมดาๆคนนึง แต่ถ้าผมมีเทคนิคใหม่ๆที่ไม่มีใครนึกถึง การจะเป็นคนที่เก่งที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป*
4. อย่าอายที่จะเสนอจุดเด่นหรือจุดที่แตกต่างในตัวคุณ
*ในขณะที่การสัมภาษณ์งานคนอื่นสู้กันด้วยโปรเจคและเกรดเฉลี่ย แต่ผมกลับสู้ด้วยโปรไฟล์กิจกรรมยามว่างที่น้อยคนจะกล้าพรีเซ้นตัวเอง (ซึ่งไม่มีคู่แข่งให้เปรียบเทียบ จึงดูเด่น)*
5. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะแค่ได้ยินมาหรือรู้มา
*หลายๆคนใช้เวลาเล่นเกมเท่ากับผมหรือมากกว่าผมด้วยซ้ำ แต่เพียงเพราะเห็นผมไปแข่งบ่อยๆทำให้ดูเหมือนจะ "ติดเกม" ไปวันๆมากกว่า ใจจริงอยากจะบอกว่ามันก็ไม่แน่เสมอไป ปัจจุบันผมเล่นเกมอาทิตย์ละ 2-3 วัน แต่ละวันส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 2 ชั่วโมง และ 1ชม.ของผมเทียบกับ 1ชม.ของคุณในการเล่นเกม ผมสามารถหารายได้จากการเล่นเกมเป็นเม็ดเงินจริงได้ไม่น้อย แต่ผมเลือกที่จะบอกเพียงบางคนเท่านั้นเอง
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
*edit แก้คำผิดนิดหน่อย