สวัสดีค่ะ เราอยากจะเอาประสบการณ์เรื่องความรักในวัยเรียนของเรามาให้อ่านเป็นข้อคิด เป็นข้อเตือนใจให้กับเพื่อนๆน้องๆทุกๆคนที่คิดหรือที่มีความรักในวัยเรียน ตอนนี้เรากำลังจะจบม.6ค่ะ ชีวิตเราเริ่มต้นเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป เรียน เล่น เที่ยว กิน ตามปรกติ หลังจากเริ่มโตขึ้นมาเป็นช่วงในวัยรุ่น ตอนนั้นเราติดเพื่อนมากค่ะ และ กลุ่มเพื่อนที่ติดค่อนข้างเป็นกลุ่มที่ออกแนวเกเรๆด้วย วันๆเอาแต่คอดจะเที่ยวคิดจะไปเดินเที่ยวที่ไหนดี ตอนนั้นชีวิตเราคิดแค่ว่าเพื่อนนี่ละที่จะอยู่กับเราตลอด ตอนนั้นเริ่มทะเลาะกับทางพ่อแม่ค่อนข้างบ่อยค่ะ ทะเลาะเรื่องเล็กๆน้อยๆบ้าง เรื่องใหญ่บ้าง เรื่องสารพัดที่สามารถทำไห้ทะเลาะกันได้ ไม่เว้ณแม้แต่เรื่องเล็กๆอย่างกการเก็บห้อง5555แอบดูสกมกมาก ตอนนั้นเริ่มอยากใช้ชีวิตเอง อยากย้ายไปอยู่ข้างนอกเอง อยากทำอะไรโดยที่ไม่มีใครคอยบ่น จนถึงขั้นเคยคิดจะหนีออกจากบ้านก็มีค่ะ ตอนนั้นคอดว่าตัวเองโต ตัวเองเก่ง สามารถอยู่ได้โปยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีพ่อแม่ เราก้าวร้าาร้าวเอามากๆ จนทำให้พ่อแม่ของเราเองของไห้เพราะเราบ่อยมาก เราเองรู้สึกผิดนะค่ะ แต่คิดว่าตอนนั้นเราเก่ง ทำไมเราต้องไปขอโทษก่อน เราไม่ผิดบ้าง ต่างๆนานา พอเริ่มเกเรก็เริ่มติดเพื่อน เริ่มทำตัวแย่ๆ กลับบ้านเริ่มต้นจากเย็นๆมึดๆ จนสุดท้ายเริ่มกลับดึก และในที่สุดก็ไม่กลับบ้านเลยก็มี เราแค่หายออกจากบ้านไปนานสุด3วันเต็มๆ โดนที่เราปิดโทรศัพท์ไม่เปิดเครื่อง หายไปอย่างติดต่อไม่ได้ หนีไปอยู่กับเพื่อนนาน3วัน อยู่อย่างไม่สนใจใ่าพ่อแม่จะเป็นห่วงเรามั้ย ด้วยความกลัวว่าจะโดนว่าและโดนด่า เราเองเลยไม่กล้าที่จะกลับบ้านเพราะกำลังหนีความจริงหรือปัญหาที่จะเจอ แต่พอถึงเวลา พอเราหิว พอเราคิดถึงเขาขึ้นมา สอ่งแรกที่เรานึกถึงเลยคือพ่อกับแม่ ตอนนั้นเลยตัดสินใจกลับบ้านเลยค่ะ โดนด่าโดนว่าก็เอา พอเราถึงหน้าบ้านสิ่งแรกที่คิดไว่ในหัวเลยคือภาพพ่อกับแม่เราจับเราเข้าบ้าน ตีเรา ว่าด่าเรา สารพัดต่างๆนานาในด้านลบต่างๆ แต่เชื่อมั้ยพอเราเข้าบ้านไป สิ่งแรกที่เราเห็นคือพ่อและแม่เรา นั่งกุมมือกัน นั่งกอดกันร้องไห้ แว๊บแรกที่เห้นน้ำตาไหลเลยค่ะ สงสารพ่อกับแม่มาก พอเราเรียกชื่อเขาทั้งสอง เขาทั้งคู่รีบหัดมาเลยค่ะ แล้วก้เดินเช้ามากอดเรา หอมเรา เรานำ้ตาไหลไม่หยุด ภาพที่จินตนาการไว้มันหายไปหมดเลย คำแรกที่พ่อถามเราขึ้นมาคือ เป็นยังไงบ้าง กินอะไรมารึยัง หิวมั้ย เรานี่ร้องใหญ่เลย สิ่งที่เราคิดไว้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนนี้เลย แม่เรากอดเราไว้ไม่ปล่อย กุมมือเราแล้วพูดกับพ่อว่า ป๊าลูกกลับบ้านแล้ว ลูกไม่ได้เป็นอะไร เรากลั้นน้ำตาไม่ไหวเลย ร้องโหกันทั้งแม่ทั้งลูก พอเรากับแม่เริ่มหยุด เรากะบพ่อแม่เลยไปนั่งที่โซฟา พ่อเราเล่าถึงเหตุการณ์3วันที่ผ่านมาที่เราไม่อยู่บ้าน พ่อเล่าว่าออกไปหาเราตามห้าง ตามบ้านเพื่อนทุกๆคนที่เราเคยไป โทรแจ้งตำรวจ ประกาศคนหาย ทุกคนวุ่นวายไปหมดเลยค่ะ เพราะแค่ตามหาเราแค่คนเดียว หลังจากวันนั้น หลังจากเหตุการณ์แย่ๆที่เกิดขึ้นผ่านไป เราตัดสินใจว่าต่อจากนี้จะไม่ทำให้พ่อแม่เราเสียใจอย่างนี้อีก เห็นท่านทั้งคํ่ร้แงไห้แล้วจำจนตายเลยค่ะ คำพูดที่ท่านว่ากล่าวตักเตือนมันคือความจริงๆหมด มันคือสิ่งที่เน้นย้ำเราไม่ให้เราทำไปในสิ่งที่ผิด ทุกๆคำสั่งสอนที่พ่อแม่สอน มันคือความหวังดีทั้งหมด คือความปรารถนาดีทุกๆข้อที่เขาทั้งคู่ เชื่อเขาทั้งคู่เถอะค่ะ เขาหวังดีและอยากให้เราได้ดีจริงๆ จากคนที่หัวดื้อ จากคนที่ไม่เคยฟังเหนุผลใคร บทเรียนนี้สอนเราได้เป็นอย่างดี เราจำจนถึงทุกวันนี้ พอบางครั้งที่เราเองจะทะเลาะกับพ่อแม่ คำพูดของเขาทั้งคู่มันจะผุดขึ้นมาในหัวเราทันที มันทำให้เราคิดว่า ถึงจุดๆเราท้อที่สุด จึดที่เราไม่เหลือใคร อย่าลืมว่ามีเขาทั้ง2อยู่ข้างๆเราเสมอ คอยประคับประคองให้เราสามารถสู้กับเหตุการณ์แย่ๆต่างๆที่เราต้องเจอ คิดถึงคำพูดพ่อแม่ที่คอยให้กำลังใจนี่ละ ที่สุดของที่สุดแล้ว กำลังใจที่ดีไม่ได้หาได้จากใครไกลตัวเรา อย่าพึ่งลืม ว่าพ่อกับแม่นี่ละที่อยู่ข้างๆเรา คอยช่วยเหลือเราให้เราสามารถเผชิญกับเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดี คอยช่วยให้เราถึงฝั่งอย่างที่ฝันไว้ จนตอนนี้เรากำลังจะจบม.6แล้วค่ะ และก็สอบเข้าคณะและมหาลัยที่อยากเข้าได้แล้ว เพราะท่านทั้งคู่นี่ละคอยเป็นแรงพลัหดันคอยเป็นคนที่สู้ไปพร้อมเราเสทอจนเรามีทุกวันนี้ได้
ประสบการณ์ชีวิตวัยรุ่นที่ควรใช้เป็นบทเรียน