เรื่องมันยาวค่ะ เมื่อต้นปี 2014 เราต้องทำแท้งลูกคนที่สามเพราะเค้าดาวน์และมีปัญหาที่ผนังหัวใจ วันที่ไปฟังผลโครโมโซม สามีไม่อยู่ไปสเปนอิตาลี คุณหมอให้เวลาเลือกว่าจะเอาเค้าไว้หรือยุติการตั้งครรภ์ ให้รีบตอบภายใน 2 วันเพราะอายุครรภ์จะครบสี่เดือนอยู่แล้ว เราเดินร้องไห้ออกจากห้องคุณหมอ ตามันพร่าไปหมด คำอธิบายเรื่องโครโมโซมที่เกินมากี่คู่กี่ข้างจำไม่ได้ทั้งนั้น จำได้แต่เพียงคำถามเดียวที่เราถามคุณหมอออกไปว่า ผลแลปมันมีโอกาสผิดพลาดได้บ้างมั้ยคะ ซึ่งคุณหมอก็ส่ายหน้า บอกว่าผลมันแม่นยำกว่า99.9% คนอื่นที่มาฟังผลโครโมโซมมีสามีมาด้วยกันทั้งนั้น เรามาคนเดียว มาฟังข่าวร้ายคนเดียว..พอออกมาก็รีบโทรหาสามีถามเค้าว่าจะเอาไง คำตอบที่ได้คือ ก็แล้วแต่ ซึ่งก็แปลว่าเมิ่งรับผิดชอบเอาเอง คิดเอาเองนะ สำหรับเราในวันนั้น..ถ้าลูกออกมาไม่สมประกอบ มีปัญหาสุขภาพต่อไปใครจะดูแลเค้า ใครจะรับผิดชอบชีวิตของเค้า...ร้องไห้เยอะมาก นอนไม่หลับ ในที่สุดก็ตัดสินใจเองปล่อยให้เค้าไปเกิดใหม่ วันต่อมาเรากลับไปที่รพ.เซ็นเอกสารยินยอมให้ทำแท้งซึ่งโดยทั่วไปต้องเซ็นโดยพ่อและแม่ แต่นี่คุณหมอให้เซ็นคนเดียว ทุกอย่างถูกเร่งรัดด้วยเหตุผลที่ว่าอายุครรภ์มันเกินกำหนดที่กฎหมายอนุญาตแล้ว มันเป็นความทุกข์ที่ไม่รู้จะบอกเล่าให้ใครฟังได้อย่างไร กับพ่อแม่ของเรา เราก็ไม่กล้าบอก กลัวจะคิดมาก ความผิดบาปที่ตัดสินใจอนุญาตให้หมอฆ่าลูกเป็นความผิดที่เราต้องรับผิดชอบคนเดียวเต็มๆ โทรไปขอร้องให้สามีกลับมา เค้าบอกว่ากลับไม่ได้ติดประชุมกับลูกค้าต่อที่อิตาลีและหาตั๋วเครื่องบินกลับไม่ได้ ดังนั้นผู้หญิงคนนี้เลยต้องแบกสังขารไปนอนรอทำแท้งแต่เพียงผู้เดียว..คุณรู้มั้ยการทำแท้งโดยถูกกฎหมายแบบนี้เค้าทำกันอย่างไร เราพยายามหาข้อมูลในอินเตอร์เนทและในหนังสือกลับไม่มีใครเขียนรายละเอียดไว้ซักคน รู้แต่เพียงว่าเป็นการใช้ยาเหน็บเร่งคลอดเพื่อบีบให้ทารกออกมา ถึงเวลานั้นทุกอย่างมันเนิ่นนานและเจ็บปวดกว่าที่คิดมากๆ ไม่ได้เจ็บปวดที่ร่างกายแต่มันเจ็บที่หัวใจ เรานอนเหน็บยา น้ำตาไหลตลอดเวลา..ตอนที่ยาออกฤทธิ์บีบมดลูกมันปวดจนทนไม่ไหว นึกห่วงคนที่อยู้ในท้อง เค้าตัวนิดเดียวเค้าจะเจ็บปวดแค่ไหน กว่าที่ตัวน้องจะถูกบีบออกมากินเวลาเกือบสิบห้าชั่วโมง เค้าดิ้นได้..เค้ายังมีชีวิตตอนที่ถูกบีบออกมา เราท่องอิติปิโสเป็นร้อยๆรอบ ขอให้ลูกได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี มีชีวิตที่สมบูรณ์ ร่างกายและสมองที่ดี นี่เป็นสิ่งเดียวที่แม่คนนี้จะพอทำให้ได้..สามีกลับมาหลังจากที่เราออกจากรพ.ได้สองวัน ไม่มีอ้อมกอด ไม่มีคำพูดปลอบใจ เค้าพูดแค่ว่าก็ดีแล้ว..ไม่ดีก็ไปเกิดใหม่ ซึ้งจริงๆ เราเพิ่งรู้ว่าเราเสียเวลาสิบห้าปีอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรา จากวันนั้น เราเริ่มค้นหาคำตอบว่าผู้ชายที่เราเคยคิดจะฝากชีวิตไว้ด้วยเค้าเป็นอย่างไร.เค้าคิดอะไรอยู่..อยู่กันมาสิบห้าปี ไม่เคยละลาบละล้วงของใช้ส่วนตัวเค้า ไม่ว่าจะเป็นมือถือ กระเป๋าสตางค์ หรือ facebook บังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เราพบว่าสามีซ่อนมือถือไว้ท้ายรถตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มี password ด้วยนะ แต่คุณเชื่อมั้ยนรกสวรรค์มันมีจริง ความชั่วน่ะปิดอย่างไรก็ไม่มิด อยู่ๆ ไอโฟนที่มีล๊อค password กลับเปิดได้ซะอย่างงั้น ในมือถือสามี..มีรูปถ่ายผู้หญิงคนหนึ่งในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต เซี่ยงไฮ้ รูปเดี่ยวบ้าง รูปกอดกันเซลฟี่คู่บ้าง และที่สำคัญ..มีรูปเปลือยของผู้หญิงคนนี้ด้วย ระยะเวลาในรูป ตั้งแต่ปี 2009-2011 ..แต่จริงๆแล้วเค้าคบกันมา 5 ปีเต็มๆ 5 ปีที่เราไม่เคยระแคะระคายเรื่องการไปทำงานต่างจังหวัดและต่างประเทศของสามีเลย เชื่อใจเค้ามาตลอด อยู่บ้านดูแลลูกให้เค้า รับส่งลูกให้ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ช่วยค่าใช้จ่ายๆต่างๆในบ้าน ซื้อของเข้าบ้าน เราก็จ่ายเองทั้งนั้น เมื่อสามปีก่อนลูกสาวคนโต ต้องฉีดโกรทฮอร์โมนเร่งความสูง ค่ายาเดือนลละสองหมื่น เราก็เป็นคนจ่ายมาตลอด...นี่เราผิดเหรอที่เชื่อใจ ผิดเหรอที่ช่วยเหลือเรื่องเงินทองในครอบครัว จนทำให้สามี มีเงินเหลือไปดูแลเมียน้อย พาเมียน้อยเที่ยวต่างประเทศ....พอถามสามี เค้าบอกว่าตอนนี้เค้าเลิกไปแล้วไง แต่แมสเจสในมือถือมันทำให้เรารู้ว่า ที่เค้าเลิกกัน เพราะเมียน้อยขอเลิก มีข้อความที่สามีเราเขียนไปง้อขอคืนดีกับผู้หญิง ขอให้กลับมารักกันเหมือนเดิม มีการนัดไปมอบช่อลิลลี่ขาวกันด้วย..เจ็บเนอะ วันวาเลนไทน์ปีที่เราแต่งงานปีแรก เราขอดอกไม้จากสามี..เค้าไม่ให้ว่ะ เรามีโอกาสได้คุยกับผู้หญิงคนนี้ เธออ้างว่าถูกหลอก โดยที่สามีและเพื่อนเค้ารวมหัวกันโกหกว่าสามีเรายังโสดอยู่ เลขาของสามีก็เคยโทรไปยืนยันเหมือนกัน สามีเราเคยพาผู้หญิงคนนี้ไปทานข้าวกับแม่เค้าด้วย คุณแม่เป็นพาร์กินสันพูดไม่ได้ ได้แต่นั่งตาขวาง เหตุการณ์ที่เล่ามาเกิดขึ้นในขณะที่ลูกชายคนเล็กเพิ่งคลอดและเค้าก็คบหาสมสู่กันมาห้าปี......ตั้งแต่ลูกเกิด ลูกชายคนเล็กของเราน่ารักนะคะไม่ได้อวยลูกตัวเองนะ ไปไหนมีแต่คนถามว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่า แกหัวหยิกๆแก้มป่องๆ แต่เชื่อมั้ยไอโฟนของพ่อ ไม่มีรูปลูกแม้แต่รูปเดียว มีแต่รูปหม้อล้วนๆ
ต่อมาเป็นเรื่อง line..คือไอโฟนอันนี้สามีเราเค้าใช้มาตั้งแต่มันยังไม่มี line app ดังนั้นก็เลยมีทั้ง message ถึงสาวๆ ประมาณว่า drive home safely na ka...Just finished business meeting,will call back ka...อะไรประมาณนี้ พอเข้าไปดู line..ก็เจออีก ความจริงเลยปรากฎ ทริปต่างประเทศที่เคยบอกเราว่าไปกับคุณจักรพันธ์ที่เป็นหัวหน้าแค่สองคน ไหงตั๋วเดินทางมีชื่อแฟนเก่าที่เรียนวิศวะด้วยกันเดินทางไปด้วยล่ะ? ทริปที่เรานอนทำแท้งลูก..ก็มีชื่อแฟนเก่าที่ไปในฐานะ Business partner..และก็อีก ที่อ้างว่ากลับมาไม่ได้ช่วงนั้นคือยังเที่ยวอิตาลีกันไม่เสร็จ มีอีกนะ แฟนเก่าอีกคนที่เป็นพยาบาล มีลูกมีผัวแล้ว ก็ยังนัดกินข้าวกัน ฝากซื้อของจากตปท.มาขาย ทำกับข้าวมาส่งที่ทำงาน..say goodnight กันทางไลน์ คนนี้เราโทรไปเคลียร์ เธอบอกว่าเห็นเพือ่นไม่สบายใจเลยมาดูแลแบบเพื่อน ไหนจะน้องสาวขาวหมวยที่ขายประกันก็ไลน์มาทักทาย ชวนกันไปทำบุญ..อันนี้ซื้อประกันเค้าไปห้าแสนบาท(เบี้ยนะคะ)คงต้องหาทางถอนทุนคืนในไม่ช้า .เพื่อนมัธยมก็นัดกันไปบุปเฟ่ต์ตีหม้อแถวลาดพร้าว อ่านจากไลน์เลยรู้ว่าเพื่อนๆเค้ารู้เห็นเรื่องเมียน้อยกันมาตลอด แปลกนะ..เพื่อนมัธยมเราก็มี พวกผู้ชายไม่เห็นเลวกันแบบนี้เลย ถ้ามีเรื่องแบบนี้เพื่อนเรามีแต่เตือนเพื่อนให้หยุดทำ
เราตาสว่างแล้ว ขอหย่า เพราะความจริงจากไอโฟนเครื่องเดียว เราย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโด ลูกสาวคนโตพูดกับเราว่า แม่อยากทำอะไร แม่ทำเลยนะ ไม่ต้องกลัวหนูเป็นเด็กมีปัญหาหรอก หนูอยู่กับแม่อยู่แล้ว ส่วนลูกชายคนเล็กตอนนี้เจ็ดขวบระหกระเหินไปๆมาๆระหว่างสองบ้าน เดือนนี้เป็นเดือนที่แปดแล้วที่เราขอแยกบ้านมา แต่ทุกวันนี้สามีพยายามตีเนียน ตามมาอยู่กับลูก มานอนที่ห้องรับแขกคอนโดบ้าง ทะเลาะทีก็แยกกลับไปที เล่าข้ามไปนิดนึง หลังจากที่เอาน้องออก..เราก็ลาออกจากงาน ช่วงนั้นชีวิตมันมืดไปหมด ไม่รู้จะไปทางไหน นั่งเฉยๆก็น้ำตาไหล ความจำปัจจุบันมันแย่ไปหมด จำไม่ได้ว่าวางของไว้ไหน จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป จนไม่กล้าที่จะสมัครงานหรือหางานอีก สามีให้เงินใช้เป็นรายเดือน ผ่อนคอนโด และค่าใช้จ่ายสำหรับลูก พอบ้างไม่พอบ้าง เคยอยากตายแต่เป็นห่วงลูก มีพ่อแบบนี้ลูกจะอยู่ได้ยังไง...เรื่องหย่า จริงๆเราตัดสินใจแล้วตั้งแต่เห็นแมสเสจที่สามีเขียนบอกเมียน้อยว่าอยากให้กลับมารักกันเหมือนเดิม เราตัดสินใจว่าเราไม่ควรจะมีวันพรุ่งนี้หรืออีกสักนาทีกับผู้ชายที่คิดถึงแต่ความสุขเรื่องเพศ ไม่เคยนึกถึงศีลธรรมเลย เราเคยถามว่าระหว่างที่มีเมียน้อยมีความสุขกันมาก..เคยคิดสงสารเมีย สงสารลูกบ้างม้ัย เค้าก็จะตัดบทว่าก็ถึงได้เลิกไง...มันไม่ใช่อ่ะคะ เมียน้อยมันทิ้งค่ะ เค้าอยากได้รถใหม่ ดันงกเอารถมือสองไปประเคนให้เค้า ทุกวันนี้พ่อแม่เมียน้อยยังใช้รถคันนี้อยู่เลย ผู้ชายคนนี้จบจากโรงเรียนคริสเตียนชายล้วนชั้นนำค่ะ เราสงสัยเหลือเกินว่า โรงเรียนนี้เค้าไม่สอนศีลธรรมกันเลยหรือ ทำไมไอ้ผู้ชายพวกนี้มันถึงหายใจเป็นหม้อ ไม่มีความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง ไม่ละอาย ไม่กลัวบาปกันเลย ทุกวันนี้อยู่แบบคาๆทุกข์ๆไปวันๆ ลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง แต่ไม่ใช่เพื่อผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้วค่ะ แต่เพื่อตัวเอง เพื่อให้มีแรงสู้โลก..ใครมีคำแนะนำดีๆเรื่องการหย่าบ้างค่ะ และข้อกฎหมายบ้างคะ หลักฐานเรื่องเมียน้อย เรื่องข้อความที่เขียนไปหลีผู้หญิงหลังจากเลิกกับเมียน้อยเราก็มี พฤติกรรมอื่นๆเราก็รู้เห็นหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อนเงิน ซ่อนบัญชีธนาคาร แอบทำประกันประเภทสะสมทรัพย์กรมธรรม์ละล้าน ทั้งหมดเค้าพยายามซ่อนไว้ท้ายรถ ไม่มีอะไรที่เค้าบริสุทธิ์ใจหรือจริงใจกับเราเลย ขอคำแนะนำด้วยนะคะ วันนี้เข้มแข็งพอที่จะเล่าและพบกับความจริงแล้วค่ะ เราเองก็บกพร่อง อาจเป็น working woman ไม่หวาน ไม่เอาใจ..คงจะต้องจบแบบนี้แหละค่ะ โชคร้ายมาสิบห้าปี
ชีวิตคู่ ควรอยู่หรือไป?
ต่อมาเป็นเรื่อง line..คือไอโฟนอันนี้สามีเราเค้าใช้มาตั้งแต่มันยังไม่มี line app ดังนั้นก็เลยมีทั้ง message ถึงสาวๆ ประมาณว่า drive home safely na ka...Just finished business meeting,will call back ka...อะไรประมาณนี้ พอเข้าไปดู line..ก็เจออีก ความจริงเลยปรากฎ ทริปต่างประเทศที่เคยบอกเราว่าไปกับคุณจักรพันธ์ที่เป็นหัวหน้าแค่สองคน ไหงตั๋วเดินทางมีชื่อแฟนเก่าที่เรียนวิศวะด้วยกันเดินทางไปด้วยล่ะ? ทริปที่เรานอนทำแท้งลูก..ก็มีชื่อแฟนเก่าที่ไปในฐานะ Business partner..และก็อีก ที่อ้างว่ากลับมาไม่ได้ช่วงนั้นคือยังเที่ยวอิตาลีกันไม่เสร็จ มีอีกนะ แฟนเก่าอีกคนที่เป็นพยาบาล มีลูกมีผัวแล้ว ก็ยังนัดกินข้าวกัน ฝากซื้อของจากตปท.มาขาย ทำกับข้าวมาส่งที่ทำงาน..say goodnight กันทางไลน์ คนนี้เราโทรไปเคลียร์ เธอบอกว่าเห็นเพือ่นไม่สบายใจเลยมาดูแลแบบเพื่อน ไหนจะน้องสาวขาวหมวยที่ขายประกันก็ไลน์มาทักทาย ชวนกันไปทำบุญ..อันนี้ซื้อประกันเค้าไปห้าแสนบาท(เบี้ยนะคะ)คงต้องหาทางถอนทุนคืนในไม่ช้า .เพื่อนมัธยมก็นัดกันไปบุปเฟ่ต์ตีหม้อแถวลาดพร้าว อ่านจากไลน์เลยรู้ว่าเพื่อนๆเค้ารู้เห็นเรื่องเมียน้อยกันมาตลอด แปลกนะ..เพื่อนมัธยมเราก็มี พวกผู้ชายไม่เห็นเลวกันแบบนี้เลย ถ้ามีเรื่องแบบนี้เพื่อนเรามีแต่เตือนเพื่อนให้หยุดทำ
เราตาสว่างแล้ว ขอหย่า เพราะความจริงจากไอโฟนเครื่องเดียว เราย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโด ลูกสาวคนโตพูดกับเราว่า แม่อยากทำอะไร แม่ทำเลยนะ ไม่ต้องกลัวหนูเป็นเด็กมีปัญหาหรอก หนูอยู่กับแม่อยู่แล้ว ส่วนลูกชายคนเล็กตอนนี้เจ็ดขวบระหกระเหินไปๆมาๆระหว่างสองบ้าน เดือนนี้เป็นเดือนที่แปดแล้วที่เราขอแยกบ้านมา แต่ทุกวันนี้สามีพยายามตีเนียน ตามมาอยู่กับลูก มานอนที่ห้องรับแขกคอนโดบ้าง ทะเลาะทีก็แยกกลับไปที เล่าข้ามไปนิดนึง หลังจากที่เอาน้องออก..เราก็ลาออกจากงาน ช่วงนั้นชีวิตมันมืดไปหมด ไม่รู้จะไปทางไหน นั่งเฉยๆก็น้ำตาไหล ความจำปัจจุบันมันแย่ไปหมด จำไม่ได้ว่าวางของไว้ไหน จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป จนไม่กล้าที่จะสมัครงานหรือหางานอีก สามีให้เงินใช้เป็นรายเดือน ผ่อนคอนโด และค่าใช้จ่ายสำหรับลูก พอบ้างไม่พอบ้าง เคยอยากตายแต่เป็นห่วงลูก มีพ่อแบบนี้ลูกจะอยู่ได้ยังไง...เรื่องหย่า จริงๆเราตัดสินใจแล้วตั้งแต่เห็นแมสเสจที่สามีเขียนบอกเมียน้อยว่าอยากให้กลับมารักกันเหมือนเดิม เราตัดสินใจว่าเราไม่ควรจะมีวันพรุ่งนี้หรืออีกสักนาทีกับผู้ชายที่คิดถึงแต่ความสุขเรื่องเพศ ไม่เคยนึกถึงศีลธรรมเลย เราเคยถามว่าระหว่างที่มีเมียน้อยมีความสุขกันมาก..เคยคิดสงสารเมีย สงสารลูกบ้างม้ัย เค้าก็จะตัดบทว่าก็ถึงได้เลิกไง...มันไม่ใช่อ่ะคะ เมียน้อยมันทิ้งค่ะ เค้าอยากได้รถใหม่ ดันงกเอารถมือสองไปประเคนให้เค้า ทุกวันนี้พ่อแม่เมียน้อยยังใช้รถคันนี้อยู่เลย ผู้ชายคนนี้จบจากโรงเรียนคริสเตียนชายล้วนชั้นนำค่ะ เราสงสัยเหลือเกินว่า โรงเรียนนี้เค้าไม่สอนศีลธรรมกันเลยหรือ ทำไมไอ้ผู้ชายพวกนี้มันถึงหายใจเป็นหม้อ ไม่มีความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง ไม่ละอาย ไม่กลัวบาปกันเลย ทุกวันนี้อยู่แบบคาๆทุกข์ๆไปวันๆ ลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง แต่ไม่ใช่เพื่อผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้วค่ะ แต่เพื่อตัวเอง เพื่อให้มีแรงสู้โลก..ใครมีคำแนะนำดีๆเรื่องการหย่าบ้างค่ะ และข้อกฎหมายบ้างคะ หลักฐานเรื่องเมียน้อย เรื่องข้อความที่เขียนไปหลีผู้หญิงหลังจากเลิกกับเมียน้อยเราก็มี พฤติกรรมอื่นๆเราก็รู้เห็นหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อนเงิน ซ่อนบัญชีธนาคาร แอบทำประกันประเภทสะสมทรัพย์กรมธรรม์ละล้าน ทั้งหมดเค้าพยายามซ่อนไว้ท้ายรถ ไม่มีอะไรที่เค้าบริสุทธิ์ใจหรือจริงใจกับเราเลย ขอคำแนะนำด้วยนะคะ วันนี้เข้มแข็งพอที่จะเล่าและพบกับความจริงแล้วค่ะ เราเองก็บกพร่อง อาจเป็น working woman ไม่หวาน ไม่เอาใจ..คงจะต้องจบแบบนี้แหละค่ะ โชคร้ายมาสิบห้าปี