เราขอตั้งกระทู้ ระบายความทุกข์ในใจ และความงี่เง่าที่ไม่เข้าใจตรรกะโลกใบนี้หน่อยนะ
รู้สึกจะอ่อนไหวง่ายเกินไปหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แน่
*กระทู้ยาวนะ คือเก็บกดมาหลายสิบๆปี ขออภัยผู้อ่านด้วยถ้าเว้นวรรค รึเขียนตัวอักษรผิด หรือใช้ภาษาวัยรุ่น (หากมี)
.................
เราเป็นคนที่ชอบเก็บตัว ไม่ชอบพูด เก็บกด มืดมน ขี้แพ้ และไม่โต ไม่รู้จักโลกใบนี้สักที ทั้งที่มีบทเรียนก็เยอะแล้ว
ลองปรึกษาจิตแพทย์เรื่องความไม่เอาอ่าวของเรา ก็แล้ว จิตแพทย์บอกว่า "เราปกติดีทุกอย่าง แต่มีอาการซึมเศร้า
จากการเก็บกดฝังใจนานหลายปีไปหน่อย" (ไม่อยากจะเชื่อเลย นึกว่าเป็นโรคจิต หมอเค้าปลอบใจเรารึเปล่าเนี้ย?
เราไม่ได้รับยาอะไรมากเลย จิตแพทย์บอกว่า คุณไม่ต้องกิน คุณปกติดี)
-เก็บกดเรื่องแรก: ไปให้เขารังแกทำไมนั่น
เป็นปมในใจที่เราคิดเองว่า "เพาะบ่มให้เป็นคนอ่อนแอ ยอมคน" สมัยเด็กประถมต้นเราเป็นเด็กเก ชอบเอาเปรียบคนอื่นคนหนึ่ง
ทำอะไรไม่สนใจเพื่อนคนอื่นเลย ถือดีว่าเรียนเก่ง บ้านพอมีตังค์ เที่ยวแกล้ง
เราไม่ด่าคนอื่นเรื่องฐานะด้อยกว่า แต่เรื่องใครเรียนด้อยกว่าไม่ได้ไปเบ่งใส่ทันที จนไม่มีใครอยากคบเราเป็นเพื่อน นั่งหงอยประจำ
ไม่มีเพื่อนเล่น ดูคนอื่นเขาเล่นกัน
วันหนึ่งตอนช่วง9ขวบ เราอยากมีเพื่อนบ้าง มีคนเดินกลับบ้าน กินข้าวด้วยบ้าง ทำอะไรก็ทำคนเดียว
เราเลยตัดสินใจว่า เราจะเลิกแกล้งคนอื่น จะพูดดี จะทำดีด้วย แล้วเราก็ทำตามนั้นจริงๆ ทุกคนพากันแปลกใจ และมองเราดีขึ้น
แต่หลังๆด้วยความที่กลัวเพื่อนไม่เล่นด้วย เราถึงขนาดยอมเป็นเบ๊ซื้อขนมปังให้เขากิน ยอมให้เขาด่าหยาบเล่นๆ ให้ลอกการบ้าน
ให้เอาเปรียบทุกอย่าง เช่นถ่มน้ำลายใส่กระดาษแปะหัวเราเอย ขังในห้องน้ำแบบไร้เหตุผลเอย ชั่วโมงเกษตรก็โดนแกล้งเฉาะดิน
เฉาะโคลนใส่ สารพัดจะแกล้ง โดยไม่เคยบอกผู้ใหญ่ และครูแม้แต่ครั้งเดียว เรากลายเป็นคนซึมเศร้า ร้องไห้ทุกวันเวลาโดนแกล้ง
จนเพื่อนๆระอา บางคนก็หัวเราะสะใจ กลายเป็นที่ระบายอารมณ์คนอื่นไป เรียนดีกว่าเขาแต่โดนแกล้งว่าลอกข้อสอบคนเรียนเก่ง
น้อยกว่า ยังโดนเลย โดนผู้ใหญ่สวดฟรี กว่าจะเชื่อเราว่าเราไม่ได้ลอกข้อสอบใคร ก็ต้องทำข้อสอบโชว์ผู้ใหญ่ คนใส่ความ
ก็ไม่เห็นโดนว่าไร ทำตัวเฉย ผู้ใหญ่(ครู)ก็เฉย ดีจังเนอะ คนซวยนี้เราเต็มๆ
พอเริ่มทนการแกล้งไม่ไหวก็เลยบอกผู้ใหญ่ ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องสมัยที่ยังเป็นเด็กเกเร เพื่อเอาตัวรอด เช่นโกหกว่าแม่ป่วย ต้องดูแลเพื่อไม่ทำ
การบ้านบ้าง เป็นต้น ตัวเรามอมแมมเสื้อเปรอะโคลน เปื้อนรอยด่างจากนำ้หวานบ้าง ทุกวัน กว่าผู้ใหญ่จะรู้ว่าเราโดนรังแกจริง
ไม่ได้เมคเรื่องขึ้นมาหาเรื่องคนอื่น ก็ปาไปตอนอายุ 11ขวบ จะ12ขวบ พอรู้ก็ไม่มีใครทำอะไรคนที่แกล้งเราสักคน ทุกคนเฉย
และบอกเราว่า ให้ลืมมันซะ แต่เราไม่เคยลืม...
ไม่รู้ว่าด้วยการที่บ้านเราเป็นข้าราชการ มีกิจการส่วนตัวหลายอย่าง เราจึงอยู่บ้านแบบสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ขณะที่เพื่อนๆรอบข้างเรา
99% เป็นต้องช่วยพ่อแม่ ช่วยญาติเขาทำงานไร่ ทำงานสวน ทำปศุสัตว์แต่เด็กๆ ทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้หรือเปล่า? เช่นวิชาเกษตร
ปลูกผัก เรายังทำไม่เป็นเลย ถือจอบ ถือเสียมไรกับเขาก็ไม่เป็น เป็นภาระคนอื่นเสมอ เราก็พยายามมองคนอื่นเขาทำ แล้วทำตาม
ทำไมทำไม่ได้แบบเขา ก็ถามเขาว่าปลูกไง ไม่มีใครอยากตอบ คงเพราะระอาคนทำอะไรไม่เป็นแบบเรา ต้องทำเองแบบงูๆปลาๆ จนครูเขาทน
ไม่ไหวมาปลูกให้ดูเป็นตัวอย่าง
ตอนประถมเรียนพวกตอนกิ่งโกสน กว่าจะทำเป็นก็กินเวลานานกว่าคนอื่นเขา
ปลูกต้นคุณนายตื่นสายยังตายเลย ทำกับข้าวก็ไม่เป็น งานฝีมือ งานปักเย็บห่วยระดับเทพ บราๆ (งี่เง่ามาก ทั้งที่พยายามแล้ว)
จนโดนครูที่รร.แซวว่า "ลูกผู้ดีตีนแดง" เหตุนี้มั้งจึงทำให้เราโดนแกล้ง โดนว่าหนักกว่าเดิม เล่นไม่โต้ ไม่ด่าเขาคืนบ้างเลย
เวลามีคนเอาเปรียบ หรือแกล้งเรา
ที่บ้านระอาเรามาก ทำไมเรามันไร้ความสามารถในการดำรงชีวิตแบบนี้ มีปัญหาเรื่องทำอะไรไม่เป็นทุกที ขนาดเรียนมัธยมต้นแล้ว
เราก็ยังไม่ได้เรื่อง พ่อมักบอกว่า เราเหมือน"แมวที่ปีนกำแพงไม่เป็น"
ด้วยเหตุที่เราพยายามไม่พอละมั้ง เราจึงมักโดนเพื่อนล้อและไม่มีใครอยากทำงานรวมกลุ่มกับเรา ยกเว้นเรียน(ต้องสอนเพื่อน ให้ลอกคำตอบเลยล่ะ)
และกีฬา ยอมมีคนจับคู่กับเราบ้างเรามักจะทำงานกลุ่มคนเดียวเสมอ ครูในรร.ก็ต้องคอยจัดแจงให้เราที่เป็นเศษเกินของกลุ่มไปเข้ากับคนโน่นนี้
เฮ้อ อนาจใจ...
มีเพื่อนใจดีบางคนก็เข้าใจว่าเราเป็นคนยังไง ถูกเลี้ยงมาสภาพแวดล้อมแบบไหน ก็ยอมเป็น
เพื่อนด้วย ปัจจุบันก็ติดต่อกันอยู่บ้าง แต่เพื่อนคนนี้หายๆไปละ เห็นว่างานยุ่ง
ที่นี้พอเข้ามัธยมปลาย ญ่ คราวนี้เราย้ายสังคมใหม่ มาเป็นโรงเรียนเอกชน ที่มีแต่ลูกคุณหนูเรียน
สอบได้ก็เลยเข้าเรียน ฝันมานานโรงเรียนในเมืองหลวง เราก็คิดว่า เราจะเริ่มต้นหาเพื่อน ทำชีวิตให้เอนจอยสมกับเป็นวัยรุ่นเสียที
ปรากฏว่า ด้วยความที่เราโลว์(ไม่มีระดับ)อย่างหนัก ไม่เคยไปนอก ไม่เคยไปสยาม ไม่เคยแต่งตัวแฟชั่นวัยรุ่นเมืองหลวง บราๆ
เราโดนแกล้งอีกแล้ว เป็นแบบส่อเสียด นินทา หัวเราะคิกคัก ตอนถามอะไรเราก็ไม่รู้จักสักอย่าง ดาราเอย ชุดแฟชั่นเอย
ตอนแรกก็ทนแล้วก็พยายามคุยดี ปรับตัว หาข่าวสาร เปลี่ยนลุคตัวเอง แต่ยิ่งทำ ยิ่งไม่เข้าท่า
ทำไมเพื่อนๆถึงไฮไซกันจังเลย ของใช้หรูหรา มีเงินติดตัวเป็นพันๆ กินเที่ยวกันได้ทุกวัน แล้วมาเล่า ถ่ายรูปในสตูดิโอมาโชว์
ส่วนเราเหรอ มีติดตัวไม่ถึงห้าร้อยต่ออาทิตย์ แต่ก็ไม่เป็นไร....เรียนเอกชน ต้องเจียมตัวหน่อย บ้านไม่ได้รวยมากมายมหาศาล
ต้องประหยัดๆ เข้าใจบ้าน ใช้ชีวิตเป็นเด็กหอไป สักปีก็ออกมาอยู่หอข้างนอก ใช้ชีวิตกับญาติ ที่ไฮโซ บ้าดารา (คุยกันไม่รู้เรื่องอีก)
แถมดูถูกเราว่า บ้านนอก ก็ว่ากันไป เรามันเด็กบ้านนอก มีดีแค่พอเรียนไปรอดเท่านั้นแหละ
เราใช้ชีวิตม.ปลายในเอกชนแห่งนี้ด้วยความเซ็ง ทุกคนดูรู้เยอะจัง พูดอะไรเข้าใจยากๆ ไฮไซ มีระดับ เราได้แต่มองๆ
ยังกับมาเดินในฝูงหงส์ยังไงอย่างงั้น ถอดใจจะลาออกไปสมัครเรียนที่อื่น ก็เคยมี เรียนรัฐบาลในเมืองหลวงก็น่าสนใจดี แต่ก็ไม่ลาออกสักที
ไปๆมาๆ เราแอนตี้สังคมที่เรียน ไม่ค่อยพูดจา กินข้าวคนเดียวบ่อยๆประจำแทบทุกวัน เอาแต่เรียน แต่วิชาการที่เมืองหลวงต่างกับต่างจังหวัด
มากทำให้ผลการเรียนเราแรกๆ ระดับต่ำเลย กว่าจะไต่มากลางได้ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ เราต้องใช้ความพยายามมาก กว่าจะพอรู้เรื่อง
คงเพราะเราไม่คุยกับใคร ทำให้เราเริ่มกลับมาโดนแกล้งอีกแล้ว แต่เป็นการแกล้งที่สุภาพหน่อย คือ ขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปาใส่หัวเรา
จนเรานึกว่าเป็นถังขยะประจำห้องไปซะแล้ว อ.เห็นก็เริ่มปรามเพื่อนๆ ดุเพื่อนๆ ยิ่งทำให้โดนแกล้งหนัก แหมดีจริงๆ อยู่นิ่งก็โดนแกล้ง
พยายามคุยก็ไม่เอาเข้าพวก เรามันไปอยู่ผิดที่หรือเปล่าเนี้ย? แล้วก็โดนแขวะ โดนชี้หน้าด่าว่า "เกลียดหน้าเรา ชอบทำหน้าเฉยๆ"
บางคนนี้ก็นักเลงจัง ชวนไปห้องน้ำ จะรุม 3 ต่อหนึ่ง ใครจะไป เราก็ได้แต่เงียบไม่มีปากเสียง ไม่ขอโทษไรด้วย ทำหน้าไร้อารมณ์ใส่เลย
บางทีก็รำคาญจัดก็บอกว่า "ต่างคนต่างอยู่ ไม่ชอบหน้าก็ไม่ต้องมาคุย มายุ่ง" ทำให้คนที่เหม็นหน้าเรา ของขึ้นอีก จะกระโดดเล่นมวยกัน
เราก็เริ่มไม่ยอมคนละ คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ไม่เก่งเรื่องหมัดมวย กัด จิก ตบ แต่อย่ามาหยามกัน แต่ก็มักจะโดนคนอื่นห้ามทัพเสียทุกครั้ง
ชีวิตเป็นงี้ไปเรื่อย จนกระทั้งอยู่ ม.6 มีรุ่นน้องคนหนึ่งอายุน้อยกว่าเรา 2 ปี มาชอบเรา เพศเดียวกับเราด้วย ส่วนเราน่ะชอบเพศตรงข้าม
เลยจะปฏิเสธไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่สงสารเขาตามขอเป็นเพื่อน ตามมาทำดีด้วย ด้วยสาเหตุว่า "เขาสงสารเรา เห็นเราไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร"
(ส่วนนี้ยาวว่าน้องเค้าสร้างวีระกรรมไรกับเราบ้าง ขอข้าม) แต่สรุปย่อๆ คือ น้องคนนี้แกเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน และเราก็ต้องตาเขา
เขาก็ไปสร้างเรื่องโน่นนี้ ด้วยความที่มนุษย์สัมพันธ์ดี จนทำให้เพื่อนๆ คนรู้จักคนอื่นๆในโรงเรียน มาด่าเราว่า "เราเย็นชากับน้องเขาทำไม"
เราก็ได้แต่งง อะไรว้า...ต้องจำใจคบน้องเขาเป็นเพื่อนโดยปริยาย สุดท้ายเราก็โดนประจานไปทั่วโรงเรียนว่า "ชอบเพศเดียวกัน"
โดนนั่งเก้าอี้ถ่ายคลิป ตอนโดนเค้นความจริงจากผู้ใหญ่ด้วยนะว่า "ชอบเพศเดียวกันใช่ป่ะๆ" (ทำไปเพื่อไรวะ น่าจะแจ้งความผู้ใหญ่เฮงซวย
พวกนี้) ผู้ใหญ่หลายคนต่อว่า ประจานเราต่อหน้าเด็กๆคนอื่น พร้อมกับน้องคนนี้ ว่าเป็นพวก "ลักเพศ"
เป็นฝันร้าย และบาดแผลที่แสนจะอับอาย และลึกล้ำในใจว่า "เราจะไม่เข้าใกล้พวกที่ชอบเพศเดียวกันอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะในฐานะ เพื่อน พี่น้องก็ตาม ไม่เด็ดขาด" ใจหนึ่งก็สงสารน้องเขา พอเราไม่คุยเขาก็จริตเสีย กรีดข้อมือ ฆ่าตัวตาย โชว์บ้างเรียกร้องความสนใจทุกอย่าง แต่เราก็เมินเฉย จนเขาฆ่าตัวตาย นี้ก็เป็นแผลใจเรา ทำให้เราคิดว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากรู้ว่าใครชอบเรา แล้วเราไม่ได้ชอบเขา จะปฏิเสธให้แน่ชัด จะไม่อ้ำอึ้ง และเฟคตัวไปเงียบๆอีกเด็ดขาด"
น้องเขาถึงขนาดยอมทะเลาะกับพ่อแม่ครอบครัวเขา ทั้งที่ผู้ใหญ่สั่งให้เลิกเข้าใกล้ เลิกยุ่งกับเรา พ่อแม่น้องเขาเจ็บใจมาก เดินทางมาต่อว่า
เราต่อหน้าเลยว่า "เราหน้าซีดๆเหมือนพวกติดยา เอาไรให้ลูกเขากินป่ะ ลุกเขาถึงเป็นแบบนี้" ผู้ใหญ่คนอื่นที่รู้จักน้องคนนี้ และเอ็นดูน้องคนนี้
ก็ร่วมทึ่ง ด่าเรามันส์ปากเลย จนเราทนไม่ไหว เรียกพ่อแม่เรามาบ้าง เรื่องถึงกระจ่างว่า อะไรเป็นขาว เป็นดำ
ผู้ใหญ่ที่รวมหัวด่าว่าเรา ก็เงียบ ไม่ขอโทษสักคำ ทำให้เราต้องอับอายทั้งถ่ายคลิปต่อว่า สอบสวนหาว่าเราลักเพศ ต่อหน้าเด็กนับสิบๆๆคน
พ่อแม่ฝ่ายน้องเขาด้วย ด่าเราว่าเราติดยา เราท้าให้ไปตรวจร่างกายที่รพ ถ้าไม่เจอ เราจะเอาเรื่องเขา ก็ไม่เห็นทำ แล้วด่าเราแบบนี้ทำไม
เราอับอายสังคมในโรงเรียนมาก ไม่คิดว่าชีวิตจะซวยขนาดนี้ นิ่งก็โดน ไม่นิ่งก็โดน ไม่ธรรมดาจริงๆ
เราจึงเริ่มมีอาการแอนตี้สังคม เก็บตัวเอนทรานซ์เงียบๆ ไม่ค่อยไปเรียน หลบหน้าตาคนอื่น ไม่คุย ไม่พูด ไม่ยุ่งกับคนอื่นอีกเลย
วันจบการศึกษาเราก็ไม่มาเข้าร่วมพิธี มารับประกาศนียบัตรทีหลัง จบแบบไม่แฮปปี้เลย ชีวิตวัยเรียน
ต่อมาสมัยมหาวิทยาลัย ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอ เพราะอ่อนแอแบบนี้ ถึงโดนแกล้งไง ก็เจ็บใจเลยหาเรียนศิลปะป้องกันตัว
เผื่อใครจะมาทำไรอีก ได้โช๊ะกันแน่ ไม่ก็เอาไว้ขู่ พวกชอบยกพวกจะมาทำร้ายเรา เห็นเราเนิดร์ เห็นเราไม่สู้ เอากันใหญ่ (แค้น)
ภาพรวมคือ ก็โดนแกล้งแบบ ไม่มีกลุ่มทำงาน(อีกละ) สาเหตุเพราะไปขัดใจเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ที่ทำตัวเป็นอาเจ๊ของกลุ่ม
คือเขาชอบดูถูกเราไปเสียทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียน กับกีฬา เราขี้เกียจโต้กลับ แต่ทำหน้าตาประมาณว่า "หึ" ใส่ นางเลย
ด่าเราลั่นลิฟท์เลย เราก็ไม่อยู่ฟัง (บ่นไปเหอะจ้าแม่นางคนดี เลิศไปเสียทุกอย่าง ซะเมื่อไหร่ )
เห็นด่าๆ ว่าจะตบโน่นนี้ ไม่เห็นทำสักที ทำไมก็ไม่รู้แฮะ ^^ เอาแต่ด่ากลับเอาเราไปด่าลับหลังให้เพื่อนในห้องเรียนที่มหาลัยฟัง
เขามองเราแปลกๆกันหมด แต่เราก็ไม่แคร์ เรียนคนเดียวก็ได้ ทำงานคนเดียวก็ได้ ไม่แคร์ไม่สนสื่อ ใครดีก็คุย ไม่ดีก็ไม่คุย
จนกระทั้งเรียนจบ แต่ชีวิตเราเก็บกดมาก เพราะมีเรื่องซับซ้อนกว่าเรื่องเพื่อน ที่ใหญ่กว่าเข้ามาเกี่ยว ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย
และมาถึงตอนสมัยทำงานประจำ ก็ไม่วายโดนแกล้งกระแนะ กระแหน และเป็นแพะรับบาป ด้วยสาเหตุโครตจะไร้สาระ
1.เราไม่เด่น ไม่สวยเหมือนคนอื่น ไม่ทันสมัย (ไม่มีเงินแต่งตัวอะนะ ถึงมีก็ต้องคิดเวลาจะซื้ออะไรใช้แต่ละอย่าง เรามันงก)
2.บังเอิญบริษัทที่เราทำงาน ญาติเราตำแหน่งใหญ่โต (สูงกว่าผู้จัดการ) และเรามีญาตคนอื่นๆทำงานในบริษัทนี้ด้วย "เด็กเส้น" คือ
คำจัดกัดความของเราในบริษัทแห่งนี้
3.เรามันคุยไม่เก่ง (แทบไม่คุยเลย ชอบนั่งฟัง)
4.ไม่มีตังค์เที่ยวกับคนอื่นเขา เวลาเขาชวน ปฏิเสธตลอด เพราะ(ส่วนตัว)เราจนไง ไม่อยากขอเงินที่บ้าน อนาจตัวเอง
5.นั่งทำงานอย่างเดียว มนุษย์สัมพันธ์ห่วยโครตๆ ก็เวลาพวกคุณคุยกัน ชอบนินทาชาวบ้านนี้ เวลาคนโน่นนี้ไม่อยู่ เราไม่ชอบอะ
ฟังผ่านหูพอ ไม่ออกความเห็น
6.มีคนบอกเราว่าเราหน้าตา"เฉย"เกินไป น้ำเสียงก็เรียบไม่มีสูงต่ำ
(เดี๋ยวเล่าต่อนะคะ ยาวมากจริงๆ)
ชีวิตขี้แพ้ (กระทู้ระบาย+ขอความเห็น ค่อนข้างยาว)
รู้สึกจะอ่อนไหวง่ายเกินไปหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แน่
*กระทู้ยาวนะ คือเก็บกดมาหลายสิบๆปี ขออภัยผู้อ่านด้วยถ้าเว้นวรรค รึเขียนตัวอักษรผิด หรือใช้ภาษาวัยรุ่น (หากมี)
.................
เราเป็นคนที่ชอบเก็บตัว ไม่ชอบพูด เก็บกด มืดมน ขี้แพ้ และไม่โต ไม่รู้จักโลกใบนี้สักที ทั้งที่มีบทเรียนก็เยอะแล้ว
ลองปรึกษาจิตแพทย์เรื่องความไม่เอาอ่าวของเรา ก็แล้ว จิตแพทย์บอกว่า "เราปกติดีทุกอย่าง แต่มีอาการซึมเศร้า
จากการเก็บกดฝังใจนานหลายปีไปหน่อย" (ไม่อยากจะเชื่อเลย นึกว่าเป็นโรคจิต หมอเค้าปลอบใจเรารึเปล่าเนี้ย?
เราไม่ได้รับยาอะไรมากเลย จิตแพทย์บอกว่า คุณไม่ต้องกิน คุณปกติดี)
-เก็บกดเรื่องแรก: ไปให้เขารังแกทำไมนั่น
เป็นปมในใจที่เราคิดเองว่า "เพาะบ่มให้เป็นคนอ่อนแอ ยอมคน" สมัยเด็กประถมต้นเราเป็นเด็กเก ชอบเอาเปรียบคนอื่นคนหนึ่ง
ทำอะไรไม่สนใจเพื่อนคนอื่นเลย ถือดีว่าเรียนเก่ง บ้านพอมีตังค์ เที่ยวแกล้ง
เราไม่ด่าคนอื่นเรื่องฐานะด้อยกว่า แต่เรื่องใครเรียนด้อยกว่าไม่ได้ไปเบ่งใส่ทันที จนไม่มีใครอยากคบเราเป็นเพื่อน นั่งหงอยประจำ
ไม่มีเพื่อนเล่น ดูคนอื่นเขาเล่นกัน
วันหนึ่งตอนช่วง9ขวบ เราอยากมีเพื่อนบ้าง มีคนเดินกลับบ้าน กินข้าวด้วยบ้าง ทำอะไรก็ทำคนเดียว
เราเลยตัดสินใจว่า เราจะเลิกแกล้งคนอื่น จะพูดดี จะทำดีด้วย แล้วเราก็ทำตามนั้นจริงๆ ทุกคนพากันแปลกใจ และมองเราดีขึ้น
แต่หลังๆด้วยความที่กลัวเพื่อนไม่เล่นด้วย เราถึงขนาดยอมเป็นเบ๊ซื้อขนมปังให้เขากิน ยอมให้เขาด่าหยาบเล่นๆ ให้ลอกการบ้าน
ให้เอาเปรียบทุกอย่าง เช่นถ่มน้ำลายใส่กระดาษแปะหัวเราเอย ขังในห้องน้ำแบบไร้เหตุผลเอย ชั่วโมงเกษตรก็โดนแกล้งเฉาะดิน
เฉาะโคลนใส่ สารพัดจะแกล้ง โดยไม่เคยบอกผู้ใหญ่ และครูแม้แต่ครั้งเดียว เรากลายเป็นคนซึมเศร้า ร้องไห้ทุกวันเวลาโดนแกล้ง
จนเพื่อนๆระอา บางคนก็หัวเราะสะใจ กลายเป็นที่ระบายอารมณ์คนอื่นไป เรียนดีกว่าเขาแต่โดนแกล้งว่าลอกข้อสอบคนเรียนเก่ง
น้อยกว่า ยังโดนเลย โดนผู้ใหญ่สวดฟรี กว่าจะเชื่อเราว่าเราไม่ได้ลอกข้อสอบใคร ก็ต้องทำข้อสอบโชว์ผู้ใหญ่ คนใส่ความ
ก็ไม่เห็นโดนว่าไร ทำตัวเฉย ผู้ใหญ่(ครู)ก็เฉย ดีจังเนอะ คนซวยนี้เราเต็มๆ
พอเริ่มทนการแกล้งไม่ไหวก็เลยบอกผู้ใหญ่ ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องสมัยที่ยังเป็นเด็กเกเร เพื่อเอาตัวรอด เช่นโกหกว่าแม่ป่วย ต้องดูแลเพื่อไม่ทำ
การบ้านบ้าง เป็นต้น ตัวเรามอมแมมเสื้อเปรอะโคลน เปื้อนรอยด่างจากนำ้หวานบ้าง ทุกวัน กว่าผู้ใหญ่จะรู้ว่าเราโดนรังแกจริง
ไม่ได้เมคเรื่องขึ้นมาหาเรื่องคนอื่น ก็ปาไปตอนอายุ 11ขวบ จะ12ขวบ พอรู้ก็ไม่มีใครทำอะไรคนที่แกล้งเราสักคน ทุกคนเฉย
และบอกเราว่า ให้ลืมมันซะ แต่เราไม่เคยลืม...
ไม่รู้ว่าด้วยการที่บ้านเราเป็นข้าราชการ มีกิจการส่วนตัวหลายอย่าง เราจึงอยู่บ้านแบบสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ขณะที่เพื่อนๆรอบข้างเรา
99% เป็นต้องช่วยพ่อแม่ ช่วยญาติเขาทำงานไร่ ทำงานสวน ทำปศุสัตว์แต่เด็กๆ ทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้หรือเปล่า? เช่นวิชาเกษตร
ปลูกผัก เรายังทำไม่เป็นเลย ถือจอบ ถือเสียมไรกับเขาก็ไม่เป็น เป็นภาระคนอื่นเสมอ เราก็พยายามมองคนอื่นเขาทำ แล้วทำตาม
ทำไมทำไม่ได้แบบเขา ก็ถามเขาว่าปลูกไง ไม่มีใครอยากตอบ คงเพราะระอาคนทำอะไรไม่เป็นแบบเรา ต้องทำเองแบบงูๆปลาๆ จนครูเขาทน
ไม่ไหวมาปลูกให้ดูเป็นตัวอย่าง
ตอนประถมเรียนพวกตอนกิ่งโกสน กว่าจะทำเป็นก็กินเวลานานกว่าคนอื่นเขา
ปลูกต้นคุณนายตื่นสายยังตายเลย ทำกับข้าวก็ไม่เป็น งานฝีมือ งานปักเย็บห่วยระดับเทพ บราๆ (งี่เง่ามาก ทั้งที่พยายามแล้ว)
จนโดนครูที่รร.แซวว่า "ลูกผู้ดีตีนแดง" เหตุนี้มั้งจึงทำให้เราโดนแกล้ง โดนว่าหนักกว่าเดิม เล่นไม่โต้ ไม่ด่าเขาคืนบ้างเลย
เวลามีคนเอาเปรียบ หรือแกล้งเรา
ที่บ้านระอาเรามาก ทำไมเรามันไร้ความสามารถในการดำรงชีวิตแบบนี้ มีปัญหาเรื่องทำอะไรไม่เป็นทุกที ขนาดเรียนมัธยมต้นแล้ว
เราก็ยังไม่ได้เรื่อง พ่อมักบอกว่า เราเหมือน"แมวที่ปีนกำแพงไม่เป็น"
ด้วยเหตุที่เราพยายามไม่พอละมั้ง เราจึงมักโดนเพื่อนล้อและไม่มีใครอยากทำงานรวมกลุ่มกับเรา ยกเว้นเรียน(ต้องสอนเพื่อน ให้ลอกคำตอบเลยล่ะ)
และกีฬา ยอมมีคนจับคู่กับเราบ้างเรามักจะทำงานกลุ่มคนเดียวเสมอ ครูในรร.ก็ต้องคอยจัดแจงให้เราที่เป็นเศษเกินของกลุ่มไปเข้ากับคนโน่นนี้
เฮ้อ อนาจใจ...
มีเพื่อนใจดีบางคนก็เข้าใจว่าเราเป็นคนยังไง ถูกเลี้ยงมาสภาพแวดล้อมแบบไหน ก็ยอมเป็น
เพื่อนด้วย ปัจจุบันก็ติดต่อกันอยู่บ้าง แต่เพื่อนคนนี้หายๆไปละ เห็นว่างานยุ่ง
ที่นี้พอเข้ามัธยมปลาย ญ่ คราวนี้เราย้ายสังคมใหม่ มาเป็นโรงเรียนเอกชน ที่มีแต่ลูกคุณหนูเรียน
สอบได้ก็เลยเข้าเรียน ฝันมานานโรงเรียนในเมืองหลวง เราก็คิดว่า เราจะเริ่มต้นหาเพื่อน ทำชีวิตให้เอนจอยสมกับเป็นวัยรุ่นเสียที
ปรากฏว่า ด้วยความที่เราโลว์(ไม่มีระดับ)อย่างหนัก ไม่เคยไปนอก ไม่เคยไปสยาม ไม่เคยแต่งตัวแฟชั่นวัยรุ่นเมืองหลวง บราๆ
เราโดนแกล้งอีกแล้ว เป็นแบบส่อเสียด นินทา หัวเราะคิกคัก ตอนถามอะไรเราก็ไม่รู้จักสักอย่าง ดาราเอย ชุดแฟชั่นเอย
ตอนแรกก็ทนแล้วก็พยายามคุยดี ปรับตัว หาข่าวสาร เปลี่ยนลุคตัวเอง แต่ยิ่งทำ ยิ่งไม่เข้าท่า
ทำไมเพื่อนๆถึงไฮไซกันจังเลย ของใช้หรูหรา มีเงินติดตัวเป็นพันๆ กินเที่ยวกันได้ทุกวัน แล้วมาเล่า ถ่ายรูปในสตูดิโอมาโชว์
ส่วนเราเหรอ มีติดตัวไม่ถึงห้าร้อยต่ออาทิตย์ แต่ก็ไม่เป็นไร....เรียนเอกชน ต้องเจียมตัวหน่อย บ้านไม่ได้รวยมากมายมหาศาล
ต้องประหยัดๆ เข้าใจบ้าน ใช้ชีวิตเป็นเด็กหอไป สักปีก็ออกมาอยู่หอข้างนอก ใช้ชีวิตกับญาติ ที่ไฮโซ บ้าดารา (คุยกันไม่รู้เรื่องอีก)
แถมดูถูกเราว่า บ้านนอก ก็ว่ากันไป เรามันเด็กบ้านนอก มีดีแค่พอเรียนไปรอดเท่านั้นแหละ
เราใช้ชีวิตม.ปลายในเอกชนแห่งนี้ด้วยความเซ็ง ทุกคนดูรู้เยอะจัง พูดอะไรเข้าใจยากๆ ไฮไซ มีระดับ เราได้แต่มองๆ
ยังกับมาเดินในฝูงหงส์ยังไงอย่างงั้น ถอดใจจะลาออกไปสมัครเรียนที่อื่น ก็เคยมี เรียนรัฐบาลในเมืองหลวงก็น่าสนใจดี แต่ก็ไม่ลาออกสักที
ไปๆมาๆ เราแอนตี้สังคมที่เรียน ไม่ค่อยพูดจา กินข้าวคนเดียวบ่อยๆประจำแทบทุกวัน เอาแต่เรียน แต่วิชาการที่เมืองหลวงต่างกับต่างจังหวัด
มากทำให้ผลการเรียนเราแรกๆ ระดับต่ำเลย กว่าจะไต่มากลางได้ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ เราต้องใช้ความพยายามมาก กว่าจะพอรู้เรื่อง
คงเพราะเราไม่คุยกับใคร ทำให้เราเริ่มกลับมาโดนแกล้งอีกแล้ว แต่เป็นการแกล้งที่สุภาพหน่อย คือ ขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปาใส่หัวเรา
จนเรานึกว่าเป็นถังขยะประจำห้องไปซะแล้ว อ.เห็นก็เริ่มปรามเพื่อนๆ ดุเพื่อนๆ ยิ่งทำให้โดนแกล้งหนัก แหมดีจริงๆ อยู่นิ่งก็โดนแกล้ง
พยายามคุยก็ไม่เอาเข้าพวก เรามันไปอยู่ผิดที่หรือเปล่าเนี้ย? แล้วก็โดนแขวะ โดนชี้หน้าด่าว่า "เกลียดหน้าเรา ชอบทำหน้าเฉยๆ"
บางคนนี้ก็นักเลงจัง ชวนไปห้องน้ำ จะรุม 3 ต่อหนึ่ง ใครจะไป เราก็ได้แต่เงียบไม่มีปากเสียง ไม่ขอโทษไรด้วย ทำหน้าไร้อารมณ์ใส่เลย
บางทีก็รำคาญจัดก็บอกว่า "ต่างคนต่างอยู่ ไม่ชอบหน้าก็ไม่ต้องมาคุย มายุ่ง" ทำให้คนที่เหม็นหน้าเรา ของขึ้นอีก จะกระโดดเล่นมวยกัน
เราก็เริ่มไม่ยอมคนละ คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ไม่เก่งเรื่องหมัดมวย กัด จิก ตบ แต่อย่ามาหยามกัน แต่ก็มักจะโดนคนอื่นห้ามทัพเสียทุกครั้ง
ชีวิตเป็นงี้ไปเรื่อย จนกระทั้งอยู่ ม.6 มีรุ่นน้องคนหนึ่งอายุน้อยกว่าเรา 2 ปี มาชอบเรา เพศเดียวกับเราด้วย ส่วนเราน่ะชอบเพศตรงข้าม
เลยจะปฏิเสธไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่สงสารเขาตามขอเป็นเพื่อน ตามมาทำดีด้วย ด้วยสาเหตุว่า "เขาสงสารเรา เห็นเราไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร"
(ส่วนนี้ยาวว่าน้องเค้าสร้างวีระกรรมไรกับเราบ้าง ขอข้าม) แต่สรุปย่อๆ คือ น้องคนนี้แกเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน และเราก็ต้องตาเขา
เขาก็ไปสร้างเรื่องโน่นนี้ ด้วยความที่มนุษย์สัมพันธ์ดี จนทำให้เพื่อนๆ คนรู้จักคนอื่นๆในโรงเรียน มาด่าเราว่า "เราเย็นชากับน้องเขาทำไม"
เราก็ได้แต่งง อะไรว้า...ต้องจำใจคบน้องเขาเป็นเพื่อนโดยปริยาย สุดท้ายเราก็โดนประจานไปทั่วโรงเรียนว่า "ชอบเพศเดียวกัน"
โดนนั่งเก้าอี้ถ่ายคลิป ตอนโดนเค้นความจริงจากผู้ใหญ่ด้วยนะว่า "ชอบเพศเดียวกันใช่ป่ะๆ" (ทำไปเพื่อไรวะ น่าจะแจ้งความผู้ใหญ่เฮงซวย
พวกนี้) ผู้ใหญ่หลายคนต่อว่า ประจานเราต่อหน้าเด็กๆคนอื่น พร้อมกับน้องคนนี้ ว่าเป็นพวก "ลักเพศ"
เป็นฝันร้าย และบาดแผลที่แสนจะอับอาย และลึกล้ำในใจว่า "เราจะไม่เข้าใกล้พวกที่ชอบเพศเดียวกันอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะในฐานะ เพื่อน พี่น้องก็ตาม ไม่เด็ดขาด" ใจหนึ่งก็สงสารน้องเขา พอเราไม่คุยเขาก็จริตเสีย กรีดข้อมือ ฆ่าตัวตาย โชว์บ้างเรียกร้องความสนใจทุกอย่าง แต่เราก็เมินเฉย จนเขาฆ่าตัวตาย นี้ก็เป็นแผลใจเรา ทำให้เราคิดว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากรู้ว่าใครชอบเรา แล้วเราไม่ได้ชอบเขา จะปฏิเสธให้แน่ชัด จะไม่อ้ำอึ้ง และเฟคตัวไปเงียบๆอีกเด็ดขาด"
น้องเขาถึงขนาดยอมทะเลาะกับพ่อแม่ครอบครัวเขา ทั้งที่ผู้ใหญ่สั่งให้เลิกเข้าใกล้ เลิกยุ่งกับเรา พ่อแม่น้องเขาเจ็บใจมาก เดินทางมาต่อว่า
เราต่อหน้าเลยว่า "เราหน้าซีดๆเหมือนพวกติดยา เอาไรให้ลูกเขากินป่ะ ลุกเขาถึงเป็นแบบนี้" ผู้ใหญ่คนอื่นที่รู้จักน้องคนนี้ และเอ็นดูน้องคนนี้
ก็ร่วมทึ่ง ด่าเรามันส์ปากเลย จนเราทนไม่ไหว เรียกพ่อแม่เรามาบ้าง เรื่องถึงกระจ่างว่า อะไรเป็นขาว เป็นดำ
ผู้ใหญ่ที่รวมหัวด่าว่าเรา ก็เงียบ ไม่ขอโทษสักคำ ทำให้เราต้องอับอายทั้งถ่ายคลิปต่อว่า สอบสวนหาว่าเราลักเพศ ต่อหน้าเด็กนับสิบๆๆคน
พ่อแม่ฝ่ายน้องเขาด้วย ด่าเราว่าเราติดยา เราท้าให้ไปตรวจร่างกายที่รพ ถ้าไม่เจอ เราจะเอาเรื่องเขา ก็ไม่เห็นทำ แล้วด่าเราแบบนี้ทำไม
เราอับอายสังคมในโรงเรียนมาก ไม่คิดว่าชีวิตจะซวยขนาดนี้ นิ่งก็โดน ไม่นิ่งก็โดน ไม่ธรรมดาจริงๆ
เราจึงเริ่มมีอาการแอนตี้สังคม เก็บตัวเอนทรานซ์เงียบๆ ไม่ค่อยไปเรียน หลบหน้าตาคนอื่น ไม่คุย ไม่พูด ไม่ยุ่งกับคนอื่นอีกเลย
วันจบการศึกษาเราก็ไม่มาเข้าร่วมพิธี มารับประกาศนียบัตรทีหลัง จบแบบไม่แฮปปี้เลย ชีวิตวัยเรียน
ต่อมาสมัยมหาวิทยาลัย ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอ เพราะอ่อนแอแบบนี้ ถึงโดนแกล้งไง ก็เจ็บใจเลยหาเรียนศิลปะป้องกันตัว
เผื่อใครจะมาทำไรอีก ได้โช๊ะกันแน่ ไม่ก็เอาไว้ขู่ พวกชอบยกพวกจะมาทำร้ายเรา เห็นเราเนิดร์ เห็นเราไม่สู้ เอากันใหญ่ (แค้น)
ภาพรวมคือ ก็โดนแกล้งแบบ ไม่มีกลุ่มทำงาน(อีกละ) สาเหตุเพราะไปขัดใจเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ที่ทำตัวเป็นอาเจ๊ของกลุ่ม
คือเขาชอบดูถูกเราไปเสียทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียน กับกีฬา เราขี้เกียจโต้กลับ แต่ทำหน้าตาประมาณว่า "หึ" ใส่ นางเลย
ด่าเราลั่นลิฟท์เลย เราก็ไม่อยู่ฟัง (บ่นไปเหอะจ้าแม่นางคนดี เลิศไปเสียทุกอย่าง ซะเมื่อไหร่ )
เห็นด่าๆ ว่าจะตบโน่นนี้ ไม่เห็นทำสักที ทำไมก็ไม่รู้แฮะ ^^ เอาแต่ด่ากลับเอาเราไปด่าลับหลังให้เพื่อนในห้องเรียนที่มหาลัยฟัง
เขามองเราแปลกๆกันหมด แต่เราก็ไม่แคร์ เรียนคนเดียวก็ได้ ทำงานคนเดียวก็ได้ ไม่แคร์ไม่สนสื่อ ใครดีก็คุย ไม่ดีก็ไม่คุย
จนกระทั้งเรียนจบ แต่ชีวิตเราเก็บกดมาก เพราะมีเรื่องซับซ้อนกว่าเรื่องเพื่อน ที่ใหญ่กว่าเข้ามาเกี่ยว ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย
และมาถึงตอนสมัยทำงานประจำ ก็ไม่วายโดนแกล้งกระแนะ กระแหน และเป็นแพะรับบาป ด้วยสาเหตุโครตจะไร้สาระ
1.เราไม่เด่น ไม่สวยเหมือนคนอื่น ไม่ทันสมัย (ไม่มีเงินแต่งตัวอะนะ ถึงมีก็ต้องคิดเวลาจะซื้ออะไรใช้แต่ละอย่าง เรามันงก)
2.บังเอิญบริษัทที่เราทำงาน ญาติเราตำแหน่งใหญ่โต (สูงกว่าผู้จัดการ) และเรามีญาตคนอื่นๆทำงานในบริษัทนี้ด้วย "เด็กเส้น" คือ
คำจัดกัดความของเราในบริษัทแห่งนี้
3.เรามันคุยไม่เก่ง (แทบไม่คุยเลย ชอบนั่งฟัง)
4.ไม่มีตังค์เที่ยวกับคนอื่นเขา เวลาเขาชวน ปฏิเสธตลอด เพราะ(ส่วนตัว)เราจนไง ไม่อยากขอเงินที่บ้าน อนาจตัวเอง
5.นั่งทำงานอย่างเดียว มนุษย์สัมพันธ์ห่วยโครตๆ ก็เวลาพวกคุณคุยกัน ชอบนินทาชาวบ้านนี้ เวลาคนโน่นนี้ไม่อยู่ เราไม่ชอบอะ
ฟังผ่านหูพอ ไม่ออกความเห็น
6.มีคนบอกเราว่าเราหน้าตา"เฉย"เกินไป น้ำเสียงก็เรียบไม่มีสูงต่ำ
(เดี๋ยวเล่าต่อนะคะ ยาวมากจริงๆ)