สวัสดีค่ะ...วันนี้เรามีเรื่องราวความรักอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้รู้กันค่ะ
ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนเลยว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยเลย จัดอยู่ในมุมมองว่าขี้เหร่มากๆเลยก็ว่าได้ เพราะเราทั้งอ้วน ดำ เตี้ย ลำ เสียงดัง ไม่เรียบร้อย เรียนหนังสือก็ปานกลาง ดีอยู่อย่างนึงตรงที่ว่าเราเป็นคนเฟรนด์ลี่มากๆ สุขภาพจิตดีสุดๆ หัวเราะทั้งวันจนกรามค้างหุบไม่เข้าเลยก็ว่าได้ แต่เสียอยู่ที่ว่าเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าหรือไม่สนิทเราจะเงียบและเนียบร้อยมากประดุจดั่งผ้าไหมที่ถักทอจากอนูเส้นใยของขนจามรีที่ซักจนหอมแล้วรีดพับไว้เลยทีเดียว =.,=
แฮ่ๆ...เข้าเรื่องละกัน555
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงที่เราเข้าม.1ใหม่ๆ เราถูกจัดให้ไปอยู่ในรถตู้ของรร.คันนึง เพราะด้วยความที่รร.เป็นรร.ต่างจังหวัดและทางไปก็ค่อนข้างลำบากเพราะต้องขึ้นภูเขาพ่อกับแม่จึงไม่สะดวกที่จะขับรถไปส่งเอง แต่ด้วยความที่รร.นี้มีชื่อเสียงหรืออะไรก็ไม่ทราบ จึงทำให้เราต้องไสหัวตัวเองมาอยู่ที่รร.นี้ =_=
จนวันแรกที่เปิดเทอมม.1 เราก็เดินขึ้นรถตู้มา มีพี่ผู้ชายคนนึงกวักมือเรียกเราแล้วบอกว่า "เออน้อง...มานั่งข้างพี่ก็ได้นะ" เราก็เลยเดินเข้าไปนั่งตรงที่พี่เค้าบอก โดยเค้าให้เรานั่งข้างกระจก และด้วยความที่พี่เค้าตัวดำเพื่อนๆบนรถตู้จึงชอบล้อเค้า แต่ตอนนี้มันโดนทั้งเราทั้งเค้าที่ดำพอๆกันแล้วมานั่งใกล้กันอีก จนเราเริ่มคุ้นเคย เราก็คุยกับพี่ๆบนรถคนอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
พอหลังจากเรียนเสร็จเราก็กลับมานั่งรอรถตู้ออกเพื่อที่จะกลับบ้าน และหลังจากที่ทุกๆคนขึ้นรถครบหมดแล้ว รถก็แล่นออกจากรร.ทันที
พี่ๆบนรถตู้ทุกคนคุยกันสนุกสนานมาก เราก็เลยได้รู้ว่าทุกคนบนรถตู้นี้เฮฮามากซะจนเกือบจะกลายเป็นติงต๊องไปซะแล้ว จนคุยไปสักพักก็เริ่มเงียบเพราะทุกๆคนเริ่มผล็อยหลับไปแล้ว เราเองก็เริ่มง่วงจึงหลับตาลงบ้าง พอซักพักนึงมันก็เหมือนมีอะไรหนักๆมาวางที่ไหล่เรา เราลืมตาขึ้นก็เห็นหัวพี่คนข้างๆเค้ามาวางอยู่บนไหล่เราแล้ว เราก็แบบ...เฮ้ย!! ตกใจอ่ะ ทำอะไรไม่ถูก จะผลักหัวเค้าออกก็ไม่ได้ (เค้าอยู่ม.5น่ะ...แก่กว่าเราตั้งเยอะ) หรือจะให้เค้านอนซบอยู่แบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องป่ะ เราก็พยายามกระดุกกระดิกเพื่อจะให้เค้าตื่น แต่กระดิกจนก้นเป็นตระคริวแล้วเค้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาหิ้วหัวตัวเองออกไปจากไหล่เราเลยค่ะ =_= ลองเอานิ้วจิ้มๆดูก็ไม่หือไม่อือเลย หลับหรือตายก็ไม่รู้...เราก็เลย เอาว้ะ ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะ
จนวันต่อๆมันก็เป็นแบบนี้อีกเรื่อยๆ จนเราแบบ โว้ะ...ช่าง

ไหนๆก็สนิทกันและ
แล้วแบบอย่างนึงที่ทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มในตัวพี่เค้ามาก คือเค้าเป็นคนตลก ตลกแบบ...ทุกที่ทุกเวลายิ่งกว่ายูโร่คัสตาร์ดเค้ก เวลาที่รร.มีกิจกรรมอะไร เค้าก็จะแบบเต็มที่มาก จนวันนึงที่เค้าเอาชุดอะไรก็ไม่รู้มาใส่ตอนที่รถตู้มาจอดหน้าบ้านเรา พอเราเปิดประตูทีนี่หมาของบ้านเราเห่าซะจนคนข้างบ้านแทบจะขว้างขีปนาวุธใส่ ... เราก็ต้องรีบขึ้นไปทั้งๆที่แม่เรายังยืนอึ้งนำลายฟูมปากอยู่เลย
จนเกือบปีแล้วพี่แกก็ยังไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองนอนซบเราบนรถมาตลอด
จนมาวันนึง...
พี่แกตื่นขึ้นมาระหว่างทางแล้วสะกิดเรียกเรา
"เฮ้ยน้อง...นี่พี่นอนซบน้องเหรอ" เราก็ตอบกลับไปว่า "เพิ่งรู้เหรอ...นอนมาจะปีนึงล้ะ" พี่เค้าก็ยิ้มเงียบๆ "ไม่โกรธใช่ป่ะ ไม่ว่าพี่นะ..." เราก็ตอบแบบ "อือๆ"
เราก็บอกว่า "วันนี้เป็นไงเนี่ยถึงได้รู้สึกตัว" พี่แกก็ยิ้มอีกแล้วก็เอานิ้วมาชี้ที่แขนเสื้อของเรา พอเราหันไปมองก็แบบ อื้หืออออออออ...
นำลายเจ้าข้าาาาาาาาา... นำลายเปียกเต็มเสื้อเราเลยค่าา TT พี่ยังมีหน้ามาพูดอีกนะว่าแบบ
"ที่พี่ตื่นนี่เพราะเปียกนี่เอง...ดูสิหน้าเปียกหมดเลย" แหม่...ห่วงเสื้อเกล้ากระหม่อมก่อนมั้ยพ่ะย่ะเพคะ...TT
อือ...แล้วเราก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจนกระทั้งจบม.1
ช่วงระยะเวลาที่ปิดเทอมนั้นเราก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเราชอบพี่เค้าเข้าซะแล้ว จนมาเปิดเทอมเราก็นั่งรถไปรร.ตามปกติแต่เราก็แอบกระมิดกระเมี้ยนนิดนึงเพราะว่าเราเพิ่งรู้ตัวว่าชอบเค้าด้วยมั้ง เราก็เลยต้องพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด จนมาตอนเย็นก่อนกลับบ้านเราก็มานั่งรอในรถเหมือนเดิม แต่คนขับรถมาบอกกับเราว่า "หลังจากนี้หนูไปนั่งรถคันนู้นนะลูก" เราก็แบบ...ใจหายวาบเลยอ่ะ ก็เข้าใจนะว่าถ้าเราไปอีกคันนึงเราจะถึงบ้านเร็วกว่าเพราะไม่ต้องอ้อมไปส่งคนอื่นก่อนหลายๆรอบ แต่แหม...TT @#$!/×+÷=%&^*/_%£€
ประจวบเหมาะกันพอดีที่พี่เค้าเดินมาพร้อมกับหอบกองขนมพะรุงพะรังมาจะขึ้นรถพอดี พี่เค้าก็ถามคนขับรถว่า "จะให้น้องไปไหนครับ"
คนขับรถก็บอกไปว่า...บลาๆ
พี่เค้าก็พูดสวนเลยว่า"ไม่ให้ไปอ่ะ" เวลาแบบนั้นเป็นใครใครก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วจริงป่ะ T////T
เราก็ยืนแบบ...ทำอะไรไม่ถูก จนคนขับรถอีกคันเค้าเรียก...จนพี่เค้าที่ยืนเถียงกับลุงคนขับคนเดิมอยู่ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเดินมาส่งเราที่รถ แล้วก็เอาขนมทั้งกองที่เค้าซื้อมามายัดใส่มือเราไว้ทั้งหมด แล้วก็มาบอกเราว่าทีนี้จะซบใครล่ะเนี่ย
....อืออออ...เชิญท่านพี่หาอย่างอื่นซุกหัวนอนไปก่อนนะเพคะ..TT
เรามานั่งรถคันใหม่ได้ซักพักแล้ว แต่ยังไงก็รูสึกชอบคันเก่ามากว่าแยู่ดีอ่ะ คันนีดูไม่เป็นมิตร=^=
พักหลังเรามาส่องกระจกแล้วก็พบว่า นี่ตัวเราเองขี้เหร่จนาดนี้เลยเหรอวะ=_=
เราก็เลยเริ่มปรับเปลี่ยรตัวเองนับจากวันนั้นเลย เราเริ่มลดนำหนัก ทาครีมกันแดด และอะไรที่พอจะเป็นการดูแลตัวเองแบบง่ายๆไปก่อน
เราไม่ค่อยเจอพี่เค้าเลยเพราะปีนี้พี่เค้าอยู่ม.6 เค้าก็น่าจะยุ่งๆเพราะต้องเตรียมสอบนู่นนั่นนี่สัพเพเหระ จนมาวันนึงเราเดินสวนกัน พอเราทำท่าจะยกมือไหว้ เค้าก็เมินเชิ่ดหน้าหนีเราไปเฉยเลย เราก็แบบเฟลนิดๆ แต่ก็คิดว่าเค้าคงไม่เห็นเรามั้ง
แต่มาพักหลังๆนั้มันไม่ใช่อ่ะ...เค้าพยายามจะหลบหน้าเราตลอด จนเราเริ่มโกรธ หลังจากนั้นเวลาเราเจอหรืเดินสวนกันเราก็ไม่เคยได้พูดคุยทักทายกันอีกเลย
จนมาวันที่พี่เค้าจบ...เราก็เลยเอาดอกไม้ไปให้เค้าช่อนึงแล้วก็ขอเค้าถ่ายรูป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น... แล้วเราก็เดินหันหลังกลับมา
พี่เค้าฉุดข้อมือเราไว้แล้วบอกเราว่า "สวยขึ้นนะ ^^"
เราไม่ได้ยิ้มให้กันนานเท่าไหนแล้วนะ ....
"คิดถึงจัง" พี่เค้าพูดแล้วก็ขยับตัวเข้ามาสวมกอดเราเลยค่ะ เอาหน้ามาวางที่ไหล่ด้วย เราก็แบบ...ความโกรธก่อนหน้านี้นี่มลายหายสิ้นไปหมดแล้วจ้ะ =///=
พอดีว่าบริเวณนั้นคนพลุกพล่านทากถึงมากที่สุดเพราะฉะนั้นเสียงโห่ล้อเลียนนี่ต้องมีอยู่แล้ว...
และสิ่งที่คนที่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่มาตลอดอย่างเราที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ในสิ่งนี้
"เป็นแฟนกันนะ" ถึงบทจะขอก็ขอกันง่ายๆไปเลยทีเดียว=//=
เราเลยบอกพี่เค้าไปว่า "เราอ้วนมากเลยนะ"
พี่เค้าก็ตอบกลับมา "ก็รักอ่ะ"
"เราดำด้วยนะ"
"ก็รักอ่ะ"
"เราเตี้ยนะ"
"ก็รักอ่ะ"
"เราเรียนไม่เก่งนะ"
"ก็รักอ่ะ"
ตายๆๆๆๆ...แบบนี้ตายแน่ๆ คุยตอบกันไปมาแบบนี้ตายแน่ๆ ตอนนี้เรานี่อยากจะเอาหัวมุดกระดาษห่อดอกไม้แล้ววาร์ปไปโผล่ที่อื่นจังเลยค่ะ เขินจนตัวบิดเป็นเกลียวๆแล้ว
เอาล่ะ...แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณและค่อนข้างที่จะมั่นคง เราก็เลยบอกเค้าไปว่าให้รอจนกว่าเราจะขึ้นม.ปลาย แล้วถ้าตอนนั้นต่างก็ยังรัก แล้วเรามาเป็นแฟนกัน เพราะเราคิดว่าคนจะมาเป็นแฟนกันนี่ควรจะดูใจไว้เป็นปีๆ เพื่อศึกษาและปรับตัวเข้าหากัน พี่แกก็ตกลง
เย็นวันนั้นเราไปหาอะไรกินด้วยกันแล้วก็กลับบ้านพร้อมกันเลย... พี่เค้าไปส่งเราที่บ้านแล้วก็เดินไปฟ้องแม่เราว่าลูกสาวแม่ไม่ยอมให้เค้าจีบ...แม่เราก็หัวเราะ
แม่เราบอกว่าชอบพี่เค้า...เค้าเป็นคนชัดเจนดี ดูจริงใจ ตรงไปตรงมา เราทั้งคู่เลยได้รับการสนับสนุนจากแม่เราอีกแรง
จนมาวันนี้เราอยู่ม.5แล้ว ตอนนี้เราเป็นแฟนกันได้ปีกว่าๆแล้ว
แม่ว่าตอนนี้เราจะดูดีขึ้นและมีผู้ชายมามะรุมมะตุ้มบ้างก็ตาม แต่พอว่างพี่เค้าก็ประกบเราตลอด
ถึงได้บอกว่าอย่าหมดหวังกับความรัก...มีหัวใจแล้ว
ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด
ลองให้มากที่สุด
รักให้มากที่สุด
เจ็บให้มากที่สุด
พยายามให้มากที่สุด
....ชีวิต ดี๊ดีย์....
ความรักไม่เคยผิด...สาวๆอ้วนดำลำเตี้ยอย่าได้แคร์
ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนเลยว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยเลย จัดอยู่ในมุมมองว่าขี้เหร่มากๆเลยก็ว่าได้ เพราะเราทั้งอ้วน ดำ เตี้ย ลำ เสียงดัง ไม่เรียบร้อย เรียนหนังสือก็ปานกลาง ดีอยู่อย่างนึงตรงที่ว่าเราเป็นคนเฟรนด์ลี่มากๆ สุขภาพจิตดีสุดๆ หัวเราะทั้งวันจนกรามค้างหุบไม่เข้าเลยก็ว่าได้ แต่เสียอยู่ที่ว่าเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าหรือไม่สนิทเราจะเงียบและเนียบร้อยมากประดุจดั่งผ้าไหมที่ถักทอจากอนูเส้นใยของขนจามรีที่ซักจนหอมแล้วรีดพับไว้เลยทีเดียว =.,=
แฮ่ๆ...เข้าเรื่องละกัน555
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงที่เราเข้าม.1ใหม่ๆ เราถูกจัดให้ไปอยู่ในรถตู้ของรร.คันนึง เพราะด้วยความที่รร.เป็นรร.ต่างจังหวัดและทางไปก็ค่อนข้างลำบากเพราะต้องขึ้นภูเขาพ่อกับแม่จึงไม่สะดวกที่จะขับรถไปส่งเอง แต่ด้วยความที่รร.นี้มีชื่อเสียงหรืออะไรก็ไม่ทราบ จึงทำให้เราต้องไสหัวตัวเองมาอยู่ที่รร.นี้ =_=
จนวันแรกที่เปิดเทอมม.1 เราก็เดินขึ้นรถตู้มา มีพี่ผู้ชายคนนึงกวักมือเรียกเราแล้วบอกว่า "เออน้อง...มานั่งข้างพี่ก็ได้นะ" เราก็เลยเดินเข้าไปนั่งตรงที่พี่เค้าบอก โดยเค้าให้เรานั่งข้างกระจก และด้วยความที่พี่เค้าตัวดำเพื่อนๆบนรถตู้จึงชอบล้อเค้า แต่ตอนนี้มันโดนทั้งเราทั้งเค้าที่ดำพอๆกันแล้วมานั่งใกล้กันอีก จนเราเริ่มคุ้นเคย เราก็คุยกับพี่ๆบนรถคนอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
พอหลังจากเรียนเสร็จเราก็กลับมานั่งรอรถตู้ออกเพื่อที่จะกลับบ้าน และหลังจากที่ทุกๆคนขึ้นรถครบหมดแล้ว รถก็แล่นออกจากรร.ทันที
พี่ๆบนรถตู้ทุกคนคุยกันสนุกสนานมาก เราก็เลยได้รู้ว่าทุกคนบนรถตู้นี้เฮฮามากซะจนเกือบจะกลายเป็นติงต๊องไปซะแล้ว จนคุยไปสักพักก็เริ่มเงียบเพราะทุกๆคนเริ่มผล็อยหลับไปแล้ว เราเองก็เริ่มง่วงจึงหลับตาลงบ้าง พอซักพักนึงมันก็เหมือนมีอะไรหนักๆมาวางที่ไหล่เรา เราลืมตาขึ้นก็เห็นหัวพี่คนข้างๆเค้ามาวางอยู่บนไหล่เราแล้ว เราก็แบบ...เฮ้ย!! ตกใจอ่ะ ทำอะไรไม่ถูก จะผลักหัวเค้าออกก็ไม่ได้ (เค้าอยู่ม.5น่ะ...แก่กว่าเราตั้งเยอะ) หรือจะให้เค้านอนซบอยู่แบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องป่ะ เราก็พยายามกระดุกกระดิกเพื่อจะให้เค้าตื่น แต่กระดิกจนก้นเป็นตระคริวแล้วเค้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาหิ้วหัวตัวเองออกไปจากไหล่เราเลยค่ะ =_= ลองเอานิ้วจิ้มๆดูก็ไม่หือไม่อือเลย หลับหรือตายก็ไม่รู้...เราก็เลย เอาว้ะ ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะ
จนวันต่อๆมันก็เป็นแบบนี้อีกเรื่อยๆ จนเราแบบ โว้ะ...ช่าง
แล้วแบบอย่างนึงที่ทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มในตัวพี่เค้ามาก คือเค้าเป็นคนตลก ตลกแบบ...ทุกที่ทุกเวลายิ่งกว่ายูโร่คัสตาร์ดเค้ก เวลาที่รร.มีกิจกรรมอะไร เค้าก็จะแบบเต็มที่มาก จนวันนึงที่เค้าเอาชุดอะไรก็ไม่รู้มาใส่ตอนที่รถตู้มาจอดหน้าบ้านเรา พอเราเปิดประตูทีนี่หมาของบ้านเราเห่าซะจนคนข้างบ้านแทบจะขว้างขีปนาวุธใส่ ... เราก็ต้องรีบขึ้นไปทั้งๆที่แม่เรายังยืนอึ้งนำลายฟูมปากอยู่เลย
จนเกือบปีแล้วพี่แกก็ยังไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองนอนซบเราบนรถมาตลอด
จนมาวันนึง...
พี่แกตื่นขึ้นมาระหว่างทางแล้วสะกิดเรียกเรา
"เฮ้ยน้อง...นี่พี่นอนซบน้องเหรอ" เราก็ตอบกลับไปว่า "เพิ่งรู้เหรอ...นอนมาจะปีนึงล้ะ" พี่เค้าก็ยิ้มเงียบๆ "ไม่โกรธใช่ป่ะ ไม่ว่าพี่นะ..." เราก็ตอบแบบ "อือๆ"
เราก็บอกว่า "วันนี้เป็นไงเนี่ยถึงได้รู้สึกตัว" พี่แกก็ยิ้มอีกแล้วก็เอานิ้วมาชี้ที่แขนเสื้อของเรา พอเราหันไปมองก็แบบ อื้หืออออออออ...
นำลายเจ้าข้าาาาาาาาา... นำลายเปียกเต็มเสื้อเราเลยค่าา TT พี่ยังมีหน้ามาพูดอีกนะว่าแบบ
"ที่พี่ตื่นนี่เพราะเปียกนี่เอง...ดูสิหน้าเปียกหมดเลย" แหม่...ห่วงเสื้อเกล้ากระหม่อมก่อนมั้ยพ่ะย่ะเพคะ...TT
อือ...แล้วเราก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจนกระทั้งจบม.1
ช่วงระยะเวลาที่ปิดเทอมนั้นเราก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเราชอบพี่เค้าเข้าซะแล้ว จนมาเปิดเทอมเราก็นั่งรถไปรร.ตามปกติแต่เราก็แอบกระมิดกระเมี้ยนนิดนึงเพราะว่าเราเพิ่งรู้ตัวว่าชอบเค้าด้วยมั้ง เราก็เลยต้องพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด จนมาตอนเย็นก่อนกลับบ้านเราก็มานั่งรอในรถเหมือนเดิม แต่คนขับรถมาบอกกับเราว่า "หลังจากนี้หนูไปนั่งรถคันนู้นนะลูก" เราก็แบบ...ใจหายวาบเลยอ่ะ ก็เข้าใจนะว่าถ้าเราไปอีกคันนึงเราจะถึงบ้านเร็วกว่าเพราะไม่ต้องอ้อมไปส่งคนอื่นก่อนหลายๆรอบ แต่แหม...TT @#$!/×+÷=%&^*/_%£€
ประจวบเหมาะกันพอดีที่พี่เค้าเดินมาพร้อมกับหอบกองขนมพะรุงพะรังมาจะขึ้นรถพอดี พี่เค้าก็ถามคนขับรถว่า "จะให้น้องไปไหนครับ"
คนขับรถก็บอกไปว่า...บลาๆ
พี่เค้าก็พูดสวนเลยว่า"ไม่ให้ไปอ่ะ" เวลาแบบนั้นเป็นใครใครก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วจริงป่ะ T////T
เราก็ยืนแบบ...ทำอะไรไม่ถูก จนคนขับรถอีกคันเค้าเรียก...จนพี่เค้าที่ยืนเถียงกับลุงคนขับคนเดิมอยู่ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเดินมาส่งเราที่รถ แล้วก็เอาขนมทั้งกองที่เค้าซื้อมามายัดใส่มือเราไว้ทั้งหมด แล้วก็มาบอกเราว่าทีนี้จะซบใครล่ะเนี่ย
....อืออออ...เชิญท่านพี่หาอย่างอื่นซุกหัวนอนไปก่อนนะเพคะ..TT
เรามานั่งรถคันใหม่ได้ซักพักแล้ว แต่ยังไงก็รูสึกชอบคันเก่ามากว่าแยู่ดีอ่ะ คันนีดูไม่เป็นมิตร=^=
พักหลังเรามาส่องกระจกแล้วก็พบว่า นี่ตัวเราเองขี้เหร่จนาดนี้เลยเหรอวะ=_=
เราก็เลยเริ่มปรับเปลี่ยรตัวเองนับจากวันนั้นเลย เราเริ่มลดนำหนัก ทาครีมกันแดด และอะไรที่พอจะเป็นการดูแลตัวเองแบบง่ายๆไปก่อน
เราไม่ค่อยเจอพี่เค้าเลยเพราะปีนี้พี่เค้าอยู่ม.6 เค้าก็น่าจะยุ่งๆเพราะต้องเตรียมสอบนู่นนั่นนี่สัพเพเหระ จนมาวันนึงเราเดินสวนกัน พอเราทำท่าจะยกมือไหว้ เค้าก็เมินเชิ่ดหน้าหนีเราไปเฉยเลย เราก็แบบเฟลนิดๆ แต่ก็คิดว่าเค้าคงไม่เห็นเรามั้ง
แต่มาพักหลังๆนั้มันไม่ใช่อ่ะ...เค้าพยายามจะหลบหน้าเราตลอด จนเราเริ่มโกรธ หลังจากนั้นเวลาเราเจอหรืเดินสวนกันเราก็ไม่เคยได้พูดคุยทักทายกันอีกเลย
จนมาวันที่พี่เค้าจบ...เราก็เลยเอาดอกไม้ไปให้เค้าช่อนึงแล้วก็ขอเค้าถ่ายรูป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น... แล้วเราก็เดินหันหลังกลับมา
พี่เค้าฉุดข้อมือเราไว้แล้วบอกเราว่า "สวยขึ้นนะ ^^"
เราไม่ได้ยิ้มให้กันนานเท่าไหนแล้วนะ ....
"คิดถึงจัง" พี่เค้าพูดแล้วก็ขยับตัวเข้ามาสวมกอดเราเลยค่ะ เอาหน้ามาวางที่ไหล่ด้วย เราก็แบบ...ความโกรธก่อนหน้านี้นี่มลายหายสิ้นไปหมดแล้วจ้ะ =///=
พอดีว่าบริเวณนั้นคนพลุกพล่านทากถึงมากที่สุดเพราะฉะนั้นเสียงโห่ล้อเลียนนี่ต้องมีอยู่แล้ว...
และสิ่งที่คนที่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่มาตลอดอย่างเราที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ในสิ่งนี้
"เป็นแฟนกันนะ" ถึงบทจะขอก็ขอกันง่ายๆไปเลยทีเดียว=//=
เราเลยบอกพี่เค้าไปว่า "เราอ้วนมากเลยนะ"
พี่เค้าก็ตอบกลับมา "ก็รักอ่ะ"
"เราดำด้วยนะ"
"ก็รักอ่ะ"
"เราเตี้ยนะ"
"ก็รักอ่ะ"
"เราเรียนไม่เก่งนะ"
"ก็รักอ่ะ"
ตายๆๆๆๆ...แบบนี้ตายแน่ๆ คุยตอบกันไปมาแบบนี้ตายแน่ๆ ตอนนี้เรานี่อยากจะเอาหัวมุดกระดาษห่อดอกไม้แล้ววาร์ปไปโผล่ที่อื่นจังเลยค่ะ เขินจนตัวบิดเป็นเกลียวๆแล้ว
เอาล่ะ...แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณและค่อนข้างที่จะมั่นคง เราก็เลยบอกเค้าไปว่าให้รอจนกว่าเราจะขึ้นม.ปลาย แล้วถ้าตอนนั้นต่างก็ยังรัก แล้วเรามาเป็นแฟนกัน เพราะเราคิดว่าคนจะมาเป็นแฟนกันนี่ควรจะดูใจไว้เป็นปีๆ เพื่อศึกษาและปรับตัวเข้าหากัน พี่แกก็ตกลง
เย็นวันนั้นเราไปหาอะไรกินด้วยกันแล้วก็กลับบ้านพร้อมกันเลย... พี่เค้าไปส่งเราที่บ้านแล้วก็เดินไปฟ้องแม่เราว่าลูกสาวแม่ไม่ยอมให้เค้าจีบ...แม่เราก็หัวเราะ
แม่เราบอกว่าชอบพี่เค้า...เค้าเป็นคนชัดเจนดี ดูจริงใจ ตรงไปตรงมา เราทั้งคู่เลยได้รับการสนับสนุนจากแม่เราอีกแรง
จนมาวันนี้เราอยู่ม.5แล้ว ตอนนี้เราเป็นแฟนกันได้ปีกว่าๆแล้ว
แม่ว่าตอนนี้เราจะดูดีขึ้นและมีผู้ชายมามะรุมมะตุ้มบ้างก็ตาม แต่พอว่างพี่เค้าก็ประกบเราตลอด
ถึงได้บอกว่าอย่าหมดหวังกับความรัก...มีหัวใจแล้ว
ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด
ลองให้มากที่สุด
รักให้มากที่สุด
เจ็บให้มากที่สุด
พยายามให้มากที่สุด
....ชีวิต ดี๊ดีย์....