ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า คงไม่ได้ประโยชน์มากนัก สำหรับคนที่ต้องการจะเดินทางไปเที่ยวแล้วก็หาข้อมูลการเดินทาง เพราะว่าการไปของ จขกท เป็นการเดินทางไปเยี่ยมญาติ ก็คือ พี่สาว ของ กจกท เอง แกทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่ซูริค ก็เลยมีโอกาสได้ไปเยี่ยม พอดีพึ่งไปสอบสัมภาษณ์เพื่อที่จะไปรอบที่ 3 มา ก็เลยอยากจะมาแบ่งปัน ความสวยงาม และการไปยื่นวีซ่านั้น ต้องทำอย่างไรบ้าง
ครั้งแรกที่ไป จขกท ไปทำที่สถาณฑูตสวิส อยู่ที่ถนนวิทยุ ใกล้รถไฟฟ้าเพลินจิต (ตอนนั้น ยังไม่มีเอเจนซี่) จขกท ต้องดำเนินการผ่านบริษัททัวร์เพราะว่าอยู่เชียงใหม่ แล้วก็ไม่มีข้อมูลอะไรมากเกี่ยวกับการทำวีซ่าเลย ไปสัมภาษณ์ก็เกรงมากๆเลย เพราะว่าเราจะไปคนเดียว เป็นผู้หญิงคนเดียว แต่วีซ่าก็ผ่านเพราะว่าให้พี่สาวรับรองให้ ไม่ต้องยื่นสเตทเม้นเอง และมีที่พักแน่นอน ไม่แอบอยู่ต่อ หรือไปค้าบริการแน่นอน
แต่ไปครั้งที่ 2 ไปกับครอบครัว พ่อแม่ ได้ยื่นผ่าน TLScontact (www.tlscontact.com) เข้าไปดูและทำตามขั้นตอนที่เวป นัดวันไปสัมภาษณ์ เค้าจะมีสถานะแจ้งตลอดว่า ตอนนี้ขั้นตอนถึงไหนแล้ว สะดวกสบายมากค่ะ ไม่ต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มเอง แค่เข้าไปกรอกในเวป ข้อมูลก็จะไปที่แบบฟอร์มได้เลย ส่วนวีซ่าแบบไหนต้องเตรียมเอกสารอะไรเค้าก็บอกไว้หมดเลย แต่...ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เค้า 863 บาท ค่าทำวีซ่า 2650 EMS 180 บาท ถ้าไปทำเองที่สถานฑูต ไม่ต้องเสีย 863 บาทค่ะ
ทั้ง 2 ครั้ง ในกรณี ให้ญาติ รับรองค่าใช้จ่ายให้ หลังจากที่สถานฑูตดำเนินการแล้ว ประมาณ 6-10 วันทำการ เค้าก็จะส่ง พาสปอร์ตของเรา มาพร้อมกับจดหมาย เราต้องส่งจดหมายนี้ไปให้กับญาติของเราที่โน่น เค้าก็จะไปที่เขตแล้วก็ไปยื่นเอกสารของเค้า อีกประมาณ 5 วัน ก็สามารถนำพาสปอร์ตไปประทับตราวีซ่าได้พร้อมกับหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินของเราด้วยค่ะ .....ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง รอครั้งนี้ค่ะ ว่าจะผ่านหรือไม่ เพราะว่าครั้งนี้พาเพื่อนไปด้วย 1 คน สถานะโสดทั้งคู่ ต้องรอเค้าพิจารณาก่อน
ส่วนระยะเวลาที่ให้มา จะเป๊ะมากๆๆๆๆ ตามใบจองตั๋วเครื่องบินเราเลยค่ะ ไม่มีเกินกว่านั้นแล้ว "_"
ครั้งเเรก เราไปช่วงธันวาคม ปี 2011 ใกล้คริสมาส ครั้งที่ 2 เราไปช่วง กรกฎาคม ปี 2013 บรรยากาศมันต่างกันมากๆเลยค่ะ
ครั้งแรกที่ไปถึง วันแรก หิมะแรกของปีก็มา เป็นเด็กบ้านนอกคนนึงไม่เคยเห็นหิมะ ตื่นเต้นแบบสุดชีวิต กรี๊ดกร๊าด ส่วนครั้งที่ 2 เป็นช่วงหน้าร้อน บรรยากาศก็เขียวๆ สดใสๆ การเกษตรกรรมก็มีหลากหลาย แปะรูปใช้ชมกันค่ะ
ความแตกต่างที่ถ่ายจากมุมเดียวกันแต่ต่างฤดู
เดี๋ยวมีเวลาจะทยอยลงรูปให้ดูเรื่อยๆนะคะ
Switzerland ประเทศนี้ ดีงามจริงๆนะคะ
ครั้งแรกที่ไป จขกท ไปทำที่สถาณฑูตสวิส อยู่ที่ถนนวิทยุ ใกล้รถไฟฟ้าเพลินจิต (ตอนนั้น ยังไม่มีเอเจนซี่) จขกท ต้องดำเนินการผ่านบริษัททัวร์เพราะว่าอยู่เชียงใหม่ แล้วก็ไม่มีข้อมูลอะไรมากเกี่ยวกับการทำวีซ่าเลย ไปสัมภาษณ์ก็เกรงมากๆเลย เพราะว่าเราจะไปคนเดียว เป็นผู้หญิงคนเดียว แต่วีซ่าก็ผ่านเพราะว่าให้พี่สาวรับรองให้ ไม่ต้องยื่นสเตทเม้นเอง และมีที่พักแน่นอน ไม่แอบอยู่ต่อ หรือไปค้าบริการแน่นอน
แต่ไปครั้งที่ 2 ไปกับครอบครัว พ่อแม่ ได้ยื่นผ่าน TLScontact (www.tlscontact.com) เข้าไปดูและทำตามขั้นตอนที่เวป นัดวันไปสัมภาษณ์ เค้าจะมีสถานะแจ้งตลอดว่า ตอนนี้ขั้นตอนถึงไหนแล้ว สะดวกสบายมากค่ะ ไม่ต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มเอง แค่เข้าไปกรอกในเวป ข้อมูลก็จะไปที่แบบฟอร์มได้เลย ส่วนวีซ่าแบบไหนต้องเตรียมเอกสารอะไรเค้าก็บอกไว้หมดเลย แต่...ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เค้า 863 บาท ค่าทำวีซ่า 2650 EMS 180 บาท ถ้าไปทำเองที่สถานฑูต ไม่ต้องเสีย 863 บาทค่ะ
ทั้ง 2 ครั้ง ในกรณี ให้ญาติ รับรองค่าใช้จ่ายให้ หลังจากที่สถานฑูตดำเนินการแล้ว ประมาณ 6-10 วันทำการ เค้าก็จะส่ง พาสปอร์ตของเรา มาพร้อมกับจดหมาย เราต้องส่งจดหมายนี้ไปให้กับญาติของเราที่โน่น เค้าก็จะไปที่เขตแล้วก็ไปยื่นเอกสารของเค้า อีกประมาณ 5 วัน ก็สามารถนำพาสปอร์ตไปประทับตราวีซ่าได้พร้อมกับหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินของเราด้วยค่ะ .....ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง รอครั้งนี้ค่ะ ว่าจะผ่านหรือไม่ เพราะว่าครั้งนี้พาเพื่อนไปด้วย 1 คน สถานะโสดทั้งคู่ ต้องรอเค้าพิจารณาก่อน
ส่วนระยะเวลาที่ให้มา จะเป๊ะมากๆๆๆๆ ตามใบจองตั๋วเครื่องบินเราเลยค่ะ ไม่มีเกินกว่านั้นแล้ว "_"
ครั้งเเรก เราไปช่วงธันวาคม ปี 2011 ใกล้คริสมาส ครั้งที่ 2 เราไปช่วง กรกฎาคม ปี 2013 บรรยากาศมันต่างกันมากๆเลยค่ะ
ครั้งแรกที่ไปถึง วันแรก หิมะแรกของปีก็มา เป็นเด็กบ้านนอกคนนึงไม่เคยเห็นหิมะ ตื่นเต้นแบบสุดชีวิต กรี๊ดกร๊าด ส่วนครั้งที่ 2 เป็นช่วงหน้าร้อน บรรยากาศก็เขียวๆ สดใสๆ การเกษตรกรรมก็มีหลากหลาย แปะรูปใช้ชมกันค่ะ
ความแตกต่างที่ถ่ายจากมุมเดียวกันแต่ต่างฤดู
เดี๋ยวมีเวลาจะทยอยลงรูปให้ดูเรื่อยๆนะคะ