คำพูดที่มีคนกล่าวไว้ว่า
“นักวิ่งตัวจริงต้องมาวิ่งที่สนามจอมบึงสักครั้งในชีวิต” หรือ “ถ้าเป็นนักวิ่งแล้วยังไม่เคยลงวิ่งสนามจอมบึงแล้วล่ะก้อ. ถือว่าคุณไม่ใช่ “นักวิ่งตัวจริง””
มันก็ดูจะเป็นคำพูดที่ออกจะเกินความเป็นจริงไปสักนิด แต่ถ้าลองคิดดูมันก็อาจจะไม่เกินจริงเลยก็ได้ สนามจอมบึง ไม่มีเงินรางวัลมาล่อใจ มีเพียงถ้วยรางวัลพระราชทานสำหรับความสำเร็จในการวิ่งเข้ามาเป็นอันดับต้น ๆ อีกทั้งงานนี้ก็มีชื่อเสียงในหมู่นักวิ่งคนไทยมากกว่าจะเป็นที่รู้จักสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านำไปเทียบกับ งานขอนแก่น ภูเก็ต หรือกรุงเทพมาราธอน ยิ่งไปกว่านั้น อำเภอแห่งนี้ ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณเยี่ยมชม ไม่มีห้องพัก โรงแรม 4-5 ดาวที่จะให้คุณพักผ่อนอย่างหรูหรา ผมเป็นนักวิ่งคนนึงที่ไปที่อำเภอจอมบึง ในเย็นวันเสาร์เพื่อที่จะตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างในวันอาทิตย์เพียงเพื่อที่จะออกไป…วิ่ง ถ้าอย่างนั้นคุณจะมาอำเภอแห่งนี้จริง ๆ หรือถ้าคุณไม่ใช่นักวิ่งตัวจริง?
ถึงกระนั้น สนามจอมบึงก็ยังถือได้ว่าเป็นสนามวิ่งยอดนิยมสำหรับนักวิ่งท้องถิ่นอย่างผมและผมเชื่อว่าอีกหลาย ๆ ท่านก็คิดไปต่างไปจากผมมากนัก เพราะอะไรสนามแห่งนี้ถึงได้มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่นักวิ่ง สำหรับผม:
ประการแรก งานเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการจัดงานครั้งที่ 30 แล้วนะครับ ไม่รู้ว่ามีงานวิ่งที่ไหนที่มีอายุมากกว่าที่นี่อีก แต่เชื่อว่า สนามจอมบึงเป็นสนามวิ่งที่มีการจัดงานต่อเนื่องมายาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยแน่นอน งานกรุงเทพมาราธอนยังไม่ถึงไม่ 30 ปีเลย ถ้ามีใครทราบว่ามีงานวิ่งที่ไหนที่มีการจัดงานต่อเนื่องมากว่า 30 ปี โปรดช่วยแจ้งให้ทราบเป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับนักวิ่งอ่อนประสบการณ์อย่างผมด้วยละกันครับ
ประการต่อมา วิ่งมาก็หลายงาน หลายที่ อาจจะยังไม่หลายประเทศ (แค่ 2 ประเทศเท่านั้น) แต่ยังไม่เคยพบงานที่ไหน ที่จะเห็นกองเชียร์ที่เป็นชาวบ้านในท้องถิ่นออกมาร่วมเชียร์กันอย่างสนุกสนาน เกือบตลอดเส้นทาง ออกมาเชียร์แบบตั้งใจ มีตั้งแสตนด์ เวที ในที่ต่าง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำดื่ม เกลือแร่ ผลไม้ ลูกอม ซึ่งผมเข้าใจว่าไม่ใช่ผู้จัดงานเตรียมมาให้นักวิ่ง แต่เป็นชาวบ้านออกมาตั้งโต๊ะแจกเอง มีน้ำดื่มเยอะจนงงว่า “เอ๊ะ เพิ่งรับน้ำมาเมื่อกี๊เอง ทำไม มันมีจุดให้น้ำอีกแล้ว” อาจจะมีเด็ก ๆ ที่คาดว่าโดนเกณออกมาให้เต้นเชียร์ แต่พอสว่าง เห็นหน้าน้อง ๆ แล้ว ผมว่าเด็ก ๆ แล้วนี้เองก็อยากออกมามีส่วนร่วมในงานท้องถิ่นของเรา น้อง ๆ จะรู้หรือเปล่าว่า มือที่ยื่นออกมารอสัมผัสกับนักวิ่งนี่ สร้างทั้งแรงและกำลังใจให้นักวิ่งอย่างผมวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
ประการสุดท้าย สภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศ งานจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนมกราคม ซึ่งอากาศจะค่อนข้างเย็น ปีนี้ค่อนไปทางค่อนข้างหนาว วิ่งไปมือเย็นตลอดทาง ไม่แปลกใจเลยที่เห็นนักวิ่งบางคนใส่ถุงมือวิ่ง เป็นสนามวิ่งที่หลาย ๆ คนแนะนำให้มาจัดครั้งแรกที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นฮาล์ฟแรก หรือมาราธอนแรก เพราะว่าอากาศเย็น วิ่งสบาย และสภาพภูมิประเทศที่เป็นทางราบโดยตลอด ถนนก็เรียบ
ตอนนี้ยังคิดอยู่มีอะไรที่ยังน่าจะปรับปรุงได้อีกสำหรับ สนามแห่งนี้….. ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิ่ง “ตัวจริง” ก็ได้ถ้าจะมาวิ่งที่สนามจอมบึง คุณแค่เป็นนักวิ่งที่ใจถึง “ ใจถึง..ถึงที่จะพาตัวคุณให้ถึงเส้นชัยครับ”
ปล. กิโลเมตรที่ 10 เห็นมีคนปฐมพยาบาลนักวิ่ง half marathon อยู่ ไม่ทราบตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วหรือยัง มีใครทราบข่าว ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยซิครับ ขอบคุณ
ครั้งแรกที่ "สนามจอมบึง"
“นักวิ่งตัวจริงต้องมาวิ่งที่สนามจอมบึงสักครั้งในชีวิต” หรือ “ถ้าเป็นนักวิ่งแล้วยังไม่เคยลงวิ่งสนามจอมบึงแล้วล่ะก้อ. ถือว่าคุณไม่ใช่ “นักวิ่งตัวจริง””
มันก็ดูจะเป็นคำพูดที่ออกจะเกินความเป็นจริงไปสักนิด แต่ถ้าลองคิดดูมันก็อาจจะไม่เกินจริงเลยก็ได้ สนามจอมบึง ไม่มีเงินรางวัลมาล่อใจ มีเพียงถ้วยรางวัลพระราชทานสำหรับความสำเร็จในการวิ่งเข้ามาเป็นอันดับต้น ๆ อีกทั้งงานนี้ก็มีชื่อเสียงในหมู่นักวิ่งคนไทยมากกว่าจะเป็นที่รู้จักสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านำไปเทียบกับ งานขอนแก่น ภูเก็ต หรือกรุงเทพมาราธอน ยิ่งไปกว่านั้น อำเภอแห่งนี้ ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณเยี่ยมชม ไม่มีห้องพัก โรงแรม 4-5 ดาวที่จะให้คุณพักผ่อนอย่างหรูหรา ผมเป็นนักวิ่งคนนึงที่ไปที่อำเภอจอมบึง ในเย็นวันเสาร์เพื่อที่จะตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างในวันอาทิตย์เพียงเพื่อที่จะออกไป…วิ่ง ถ้าอย่างนั้นคุณจะมาอำเภอแห่งนี้จริง ๆ หรือถ้าคุณไม่ใช่นักวิ่งตัวจริง?
ถึงกระนั้น สนามจอมบึงก็ยังถือได้ว่าเป็นสนามวิ่งยอดนิยมสำหรับนักวิ่งท้องถิ่นอย่างผมและผมเชื่อว่าอีกหลาย ๆ ท่านก็คิดไปต่างไปจากผมมากนัก เพราะอะไรสนามแห่งนี้ถึงได้มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่นักวิ่ง สำหรับผม:
ประการแรก งานเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการจัดงานครั้งที่ 30 แล้วนะครับ ไม่รู้ว่ามีงานวิ่งที่ไหนที่มีอายุมากกว่าที่นี่อีก แต่เชื่อว่า สนามจอมบึงเป็นสนามวิ่งที่มีการจัดงานต่อเนื่องมายาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยแน่นอน งานกรุงเทพมาราธอนยังไม่ถึงไม่ 30 ปีเลย ถ้ามีใครทราบว่ามีงานวิ่งที่ไหนที่มีการจัดงานต่อเนื่องมากว่า 30 ปี โปรดช่วยแจ้งให้ทราบเป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับนักวิ่งอ่อนประสบการณ์อย่างผมด้วยละกันครับ
ประการต่อมา วิ่งมาก็หลายงาน หลายที่ อาจจะยังไม่หลายประเทศ (แค่ 2 ประเทศเท่านั้น) แต่ยังไม่เคยพบงานที่ไหน ที่จะเห็นกองเชียร์ที่เป็นชาวบ้านในท้องถิ่นออกมาร่วมเชียร์กันอย่างสนุกสนาน เกือบตลอดเส้นทาง ออกมาเชียร์แบบตั้งใจ มีตั้งแสตนด์ เวที ในที่ต่าง ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำดื่ม เกลือแร่ ผลไม้ ลูกอม ซึ่งผมเข้าใจว่าไม่ใช่ผู้จัดงานเตรียมมาให้นักวิ่ง แต่เป็นชาวบ้านออกมาตั้งโต๊ะแจกเอง มีน้ำดื่มเยอะจนงงว่า “เอ๊ะ เพิ่งรับน้ำมาเมื่อกี๊เอง ทำไม มันมีจุดให้น้ำอีกแล้ว” อาจจะมีเด็ก ๆ ที่คาดว่าโดนเกณออกมาให้เต้นเชียร์ แต่พอสว่าง เห็นหน้าน้อง ๆ แล้ว ผมว่าเด็ก ๆ แล้วนี้เองก็อยากออกมามีส่วนร่วมในงานท้องถิ่นของเรา น้อง ๆ จะรู้หรือเปล่าว่า มือที่ยื่นออกมารอสัมผัสกับนักวิ่งนี่ สร้างทั้งแรงและกำลังใจให้นักวิ่งอย่างผมวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
ประการสุดท้าย สภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศ งานจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนมกราคม ซึ่งอากาศจะค่อนข้างเย็น ปีนี้ค่อนไปทางค่อนข้างหนาว วิ่งไปมือเย็นตลอดทาง ไม่แปลกใจเลยที่เห็นนักวิ่งบางคนใส่ถุงมือวิ่ง เป็นสนามวิ่งที่หลาย ๆ คนแนะนำให้มาจัดครั้งแรกที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นฮาล์ฟแรก หรือมาราธอนแรก เพราะว่าอากาศเย็น วิ่งสบาย และสภาพภูมิประเทศที่เป็นทางราบโดยตลอด ถนนก็เรียบ
ตอนนี้ยังคิดอยู่มีอะไรที่ยังน่าจะปรับปรุงได้อีกสำหรับ สนามแห่งนี้….. ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิ่ง “ตัวจริง” ก็ได้ถ้าจะมาวิ่งที่สนามจอมบึง คุณแค่เป็นนักวิ่งที่ใจถึง “ ใจถึง..ถึงที่จะพาตัวคุณให้ถึงเส้นชัยครับ”
ปล. กิโลเมตรที่ 10 เห็นมีคนปฐมพยาบาลนักวิ่ง half marathon อยู่ ไม่ทราบตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วหรือยัง มีใครทราบข่าว ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยซิครับ ขอบคุณ