สวัสดีค่ะทุกคน รักสายหมอกเองค่ะ หลายคนที่ชอบเข้าไปในห้องเทคนิกการถ่ายภาพบ่อยๆอาจจะคุ้นนะคะ เพราะปกติงานอดิเรกของฉันคือการถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆแล้วเอาลงพันทิปบ่อยๆ สำหรับคนที่อยู่ในห้องมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอาจจะมีบางคนที่จำฉันได้บ้าง เพราะช่วงนี้ตัวเองมักจะเข้ามาตั้งกระทู้ถามข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนการสอบของมฟล.บ่อยจนมีหลายคนจำได้แล้ว 555 มาวันนี้ฉันขอเปลี่ยนจากการตั้งกระตู้คำถามบ่อยๆมาเป็นตั้งกระทู้สนทนา แชร์ภาพและประสบการณ์ให้คนอื่นๆมั่งดีกว่า อิๆ
เข้าเรื่องเลยนะคะ เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ฉันได้เดินทางจากชัยนาทมาสอบที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และมีหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย! ซึ่งบอกตรงๆว่าตัวเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนเรื่องภาษาอังกฤษอยู่ จึงทำให้มีหลายครั้งๆๆที่คิดจะทิ้งความฝันที่ตัวเองอยากจะเข้ามาเรียนที่มอนี้ คือกลัวเรียนไม่ไหวอ่ะ แต่ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างที่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่มฟล.หลายคน พ่อแม่ และอาจารย์ ทำให้เราเริ่มคิดได้ว่าในเมื่อมอนี้เป็นความฝันของเรามาตลอด5ปี แล้วเราจะทิ้งมันไปง่ายๆเพียงเพราะความกลัวอนาคตเนี่ยนะ ไม่มีทางซะหรอก ในเมื่อเราฝันแล้ว เราก็ต้องกล้าและพยายามไขว่คว้ามันให้ได้ และเมื่อได้มันมาแล้วก็ต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อตัวเราเองและพ่อแม่เรา ด้วยเหตุนี้ทำให้เราได้มายืนอยู่ ณ สนามสอบแห่งความฝันของเราในวันนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง!
ขอเล่าประสบการณ์เลยแล้วกันนะคะ
วันแรก...เราออกเดินทางจากที่พักซึ่งอยู่ดอยฮางในเพื่อมาสอบที่ม.แม่ฟ้าหลวง บรรยากาศวันนี้ขอบอกว่าหนาวมากกกก ตามปกติอากาศที่เชียงรายช่วงมกราก็หนาวมากอยู่แล้ว นี่ฝนดันตกอีก อ๊ากกกก แต่สำหรับฉันมันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดด อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ามาถึงที่ เข้ามาถึงตัวมหาวิทยาลัยนี่รู้สึกว่าสถานที่จริงสวยกว่าในภาพอีก แถมบรรยากาศแบบนี้ทำให้เราเห็นหมอกหนาปกคลุมดอยแง่มซึ่งเป็นฉากหลังของมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยยิ่งดูสวยมากขึ้นในสายตาเรา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จและไปลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบขึ้นมาสอบที่ตึกC5 (เดินหาตึกนี้แทบตาย จะถามทางพวกคนที่มาสอบด้วยกัน คำตอบที่ได้รับกลับมาจากทุกรายก็คือ"เราก็ตามหาC5อยู่เหมือนกัน" อ้าววว -*-) และแล้วเวลาสอบก็มาถึง วิชาแรกคืออังกฤษ บอกเลยวิชานี้ติวเข้มว่าวิชาอื่นเลย แบบว่าลงทุนซื้อหนังสือแกรมม่าฉบับสมบูรณ์เล่มหนา ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอ่านจบทัน555 ต่อนะ คือมันก็เหมือนข้อสอบทั่วไป มีแกรมม่า คอนเวอเซชั่น Vocab แล้วก็พวกรีดดิ่ง ก็ถือว่าไม่ยากมาก วิชาต่อมาคือสังคม คงเพราะเราอ่านเน้นมาแต่พระพุทธกะประวัติ (เพราะรุ่นพี่ทุกคนบอกว่ามาว่าส่วนมากออกเรื่องนี้) พอทำข้อสอบบร๊ะเจ้าา กฎหมายโคตรเยอะอ่ะ แทบไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลย พระพุทธออกนิดเดียวเอง งือออ พอสังคมสอบเสร็จก็ลงมากินข้างกลางวัน ภาคบ่ายพอได้เวลาก็ขึ้นมาสอบวิชาวัดแววครูต่อ สุดท้ายแล้วเย้ อ้อ ลืมบอก วิชานี้ไม่ยากเท่าไหร่ ฉันสมัครสาขาการสอนภาษาจีนนะคะ^^ เพราะเหตุนี้เลยอยากเข้าที่นี่ไง อิๆ พอสอบวิชาสุดท้ายนี้เสร็จแล้วก็ชวนคุณพ่อไปถ่ายภาพสวยๆบริเวณต่างๆของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตามประสาคนชอบถ่ายภาพท่องเที่ยวเป็นงานอดิเรก หลังจากนั้นพอเห็นว่าใกล้เย็นก็เดินทางกลับที่พักกัน คืนนี้จะรีบกลับไปนอนเอาแรงเตรียมสอบสัมภาษณ์พรุ่งนี้
วันที่สอง...เมื่อฉันเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยและลงทะเบียนเสร็จก็พาคุณพ่อมาประชุมที่C5 วันนี้ท่านอธิการบดีให้ทุกคนที่สมัครสอบในสำนักจีนวิทยามาประชุมเพื่อรับฟังข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโครงการและการเรียนการสอนของสำนักนี้ เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาตื่นเต้นนนน อ๊ากกก สอบสัมภาษณ์เป็นคนแรกของสาขาเลย พอได้ยินอาจารย์เรียก4คนแรกให้เข้ามาเท่านั้นแหละ มือเย็น ใจสั่นมากกก โอ๊ยย อุตส่าห์บอกกับตัวเองตั้งแต่เมื่อวันเดินทางแล้วนะว่าอย่าตื่นแต้นๆ ขนาดรุ่นพี่ที่อ่อนอิ้งหลายคนยังทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ เอาล่ะ สู้ๆ เมื่อเราเข้าไปก็เจอกับอาจารย์ผู้หญิง2คนนั่งอยู่ ไทยคน จีนคน ดูท่าทางใจดี นั่นช่วยให้หายตื่นเต้นได้เยอะเลย เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาจารย์ก็เชิญให้นั่ง เราก็ยิ้มให้แล้วนั่ง และการสอบสัมภาษณ์อังกฤษก็เริ่มขึ้น อาจารย์ให้เราแนะนำตัว เราก็แนะนำตามสคริปต์ที่เราเขียนพลางยิ้ม(คือทุกคำถามเรายิ้มให้พวกเค้าตลอด ประมาณว่าตอบได้ไม่ได้ ขอยิ้มไว้ก่อน^^) พอแนะนำตัวเสร็จ อาจารย์คนจีนกับครูไทยก็ถามสลับกันไป เท่าที่จำได้ก็มีงานอดิเรกของเรา มาอยู่มฟล.แล้วจะเป็นโรคHomesickไหม เคยมาเชียงรายไหม คิดยังไงกับเชียงราย รู้อะไรเกี่ยวกับมอนี้บ้าง เคยเรียนจีนไหม พูดได้ไหม พอเราบอกว่าพูดได้อยุ่ ก็ให้ไปสัมภาษณ์กะอาจารย์คนจีน เอิ่มคือไม่ได้เตรียมสคริปต์พูดเป็นจีนมาเลย คิดว่าเราเลือกสอบเป็นอังกฤษจะให้พูดแค่อังกฤษอย่างเดียว แต่ไม่เปนไรตอนนี้ต้องใช้สติคิดอย่างเดียว พอตั้งสติได้ก็เริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาจีน แล้วครูจีนก็ถามว่าทำไมชอบภาษาจีน เรียนจีนยากไหม เรียนจีนมากี่ปีแล้ว และถามซ้ำเกี่ยวกะว่าเรารู้จักมฟล.แค่ไหน(เปลี่ยนเป็นภาษาจีน) นี่ก็เรียบเรียงคำถูกมั่งผิดมั่ง แต่ก็ฟังออก คำถามสุดท้ายคือเคยสอบhskไหม เคยสอบมาตั้งแต่วัน/เดือน/ปีอะไร ฉันก็เปิดพอร์ตตัวเองให้อาจารย์ดูผลสอบhskระดับ3ให้อาจารย์ทั้งสองดูแล้วก็มองเรายิ้มๆ จากนั้นก็กล่าวขอบคุณ ฉันก็กล่าวขอบคุณพวกเขาแล้วพูดเสริมว่าถ้าได้เข้ามาเรียนที่มฟล. ฉันหวังว่าจะได้เจออาจารย์ที่ดีเหมือนพวกคุณทั้งสอง พวกเค้าก็ยิ้มกล่าวขอบคุณและเราก็เดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์ ความรู้สึกตอนนั้นคือเหมือนยกภูเขาออกจากอก แบบโล่งมาก ฉันก็หวังว่าจะได้เจออาจารย์สองคนนั้นอีกถ้าได้เข้ามาที่นี่ ฉันชอบพวกเขามาก ดูเป็นอาจารย์ที่มีอัธยาศัยดี ร่าเริงและเป็นกันเอง คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเดินตามความฝันของตัวเองโดยการมาสอบที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ การเรียนที่นี่จะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเราเลยแม้แต่น้อย ถ้าเรามีความพยายาม ความฝันก็เป็นหนึ่งในแรงผลักดันซึ่งช่วยให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายได้ หวังว่าการที่ฉันนำประสบการณ์เหล่านี้มาแชร์จะสามารถช่วยตอบคำถามในใจให้ใครหลายๆคนได้นะคะ








อัลบั้มภาพด้านล่างคือ ศูนย์จีนของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ ถือเป็นเอกลักษณ์ของม.แม่ฟ้าหลวงที่สำคัญอีกอย่างซึ่งบ่งบอกให้เรารู้ว่าที่นี่นอกจากการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นภาษาและวัฒนธรรมจีนเป็นสำคัญด้วยนะคะ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงสนใจที่จะเข้ามาเรียนในสำนักจีนวิทยาของที่นี่กันมาก โดยเฉพาะปีนี้ เพราะอีกไม่นานเราก็จะเข้าอาเซียนกันแล้ว ภาษาอังกฤษและภาษาจีนจึงมีความสำคัญมากในการนำไปใช้ประกอบอาชีพและธุรกิจต่างๆ
เป็นภาพวาดที่ได้เรื่องราวมากค่ะ เดาว่าน่าจะเป็นผลงานของนักศึกษาที่เรียนในสาขาด้านภาษาจีน น่าสนใจ เหมาะสมแล้วที่จะนำมาเป็นผลงานให้ผู้ที่ได้มาเยือนศูนย์จีนนี้ได้ชมเพื่อเป็นประโยชน์ ยังมีภาพอื่นอีกนะคะ อยากให้ลองเข้าไปชมกัน
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าตัวเองจะสอบติดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนักศึกษาที่นี่ มีความสุขกับการเรียน ได้ทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่ที่นี่ และได้ทำอาชีพครูสอนภาษาจีนในอนาคตตามที่ใจหวังไว้ แต่ในกรณี...ถ้าเราไม่ติดที่นี่ฉันก็จะไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราไม่ได้ทิ้งความฝัน5ปีของเรา เราทำมันอย่างเต็มความสามารถเพื่อความฝันนี้แล้ว และแค่ได้มีโอกาสมาสอบที่นี่เราก็ดีใจแล้ว ^_^
...ท้ายสุดก็อยากบอกทุกคนว่าจงอย่าทิ้งความฝันของตัวเองนะคะ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหรือใจเราจะกลัวแค่ไหน เราก็ต้องพยายาม มีหลายคนที่ทิ้งความฝันเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้โดยที่พวกเขาเองก็ยังไม่ได้ลองทำมันเลย แล้วรู้ได้ไงว่าจะทำไม่ได้ ขนาดคนที่พิการเค้ายังสามารถเป็นนักกีฬาทีมชาติได้เลย แล้วเราคนปกติทำไมจะทำไม่ได้ล่ะคะ สิ่งสำคัญที่แท้จริงไม่ใช่อยู่ที่สติปัญญาหรือร่างกายเรา แต่มันอยู่ที่"ใจของเรา"ต่างหาก หากทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ใจปรารถนาก็อย่าเอาสิ่งนี้ไปบั่นทอนตัวเองว่าคงทำมันไม่ได้อีกแล้ว คุณคิดผิดค่ะ ความผิดพลาดนี่แหละจะเป็นตัวสอนให้เราทำฝันครั้งใหม่ให้สำเร็จ ฉันเคยเห็นคนคนหนึ่ง เขาไม่เคยทำฝันตัวเองสำเร็จเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเริ่มใหม่แค่ไหน แต่หากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าในแต่ละครั้งที่ล้มเหลว ยิ่งเริ่มต้นใหม่หลายครั้งต่อหลายครั้งความล้มเหลวเหล่านั้นมันก็เริ่มน้อยลงๆจนปัจจุบันนี้เขาสามารถทำฝันของเขาให้เป็นจริงได้ และเขาก็สามารถต่อยอดมันให้ดียิ่งขึ้นๆได้ เขากล่าวกับหลายคนว่า"หากความผิดพลาดและความล้มเหลวในอดีตไม่สอนผม ผมก็คงไม่มีวันนี้"...
By...รักสายหมอก
....Good Luck To Travel....
"ม.แม่ฟ้าหลวง" มหาวิทยาลัยในฝันของฉัน
เข้าเรื่องเลยนะคะ เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ฉันได้เดินทางจากชัยนาทมาสอบที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และมีหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย! ซึ่งบอกตรงๆว่าตัวเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนเรื่องภาษาอังกฤษอยู่ จึงทำให้มีหลายครั้งๆๆที่คิดจะทิ้งความฝันที่ตัวเองอยากจะเข้ามาเรียนที่มอนี้ คือกลัวเรียนไม่ไหวอ่ะ แต่ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างที่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่มฟล.หลายคน พ่อแม่ และอาจารย์ ทำให้เราเริ่มคิดได้ว่าในเมื่อมอนี้เป็นความฝันของเรามาตลอด5ปี แล้วเราจะทิ้งมันไปง่ายๆเพียงเพราะความกลัวอนาคตเนี่ยนะ ไม่มีทางซะหรอก ในเมื่อเราฝันแล้ว เราก็ต้องกล้าและพยายามไขว่คว้ามันให้ได้ และเมื่อได้มันมาแล้วก็ต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อตัวเราเองและพ่อแม่เรา ด้วยเหตุนี้ทำให้เราได้มายืนอยู่ ณ สนามสอบแห่งความฝันของเราในวันนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง!
ขอเล่าประสบการณ์เลยแล้วกันนะคะ
วันแรก...เราออกเดินทางจากที่พักซึ่งอยู่ดอยฮางในเพื่อมาสอบที่ม.แม่ฟ้าหลวง บรรยากาศวันนี้ขอบอกว่าหนาวมากกกก ตามปกติอากาศที่เชียงรายช่วงมกราก็หนาวมากอยู่แล้ว นี่ฝนดันตกอีก อ๊ากกกก แต่สำหรับฉันมันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดด อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ามาถึงที่ เข้ามาถึงตัวมหาวิทยาลัยนี่รู้สึกว่าสถานที่จริงสวยกว่าในภาพอีก แถมบรรยากาศแบบนี้ทำให้เราเห็นหมอกหนาปกคลุมดอยแง่มซึ่งเป็นฉากหลังของมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยยิ่งดูสวยมากขึ้นในสายตาเรา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จและไปลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบขึ้นมาสอบที่ตึกC5 (เดินหาตึกนี้แทบตาย จะถามทางพวกคนที่มาสอบด้วยกัน คำตอบที่ได้รับกลับมาจากทุกรายก็คือ"เราก็ตามหาC5อยู่เหมือนกัน" อ้าววว -*-) และแล้วเวลาสอบก็มาถึง วิชาแรกคืออังกฤษ บอกเลยวิชานี้ติวเข้มว่าวิชาอื่นเลย แบบว่าลงทุนซื้อหนังสือแกรมม่าฉบับสมบูรณ์เล่มหนา ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอ่านจบทัน555 ต่อนะ คือมันก็เหมือนข้อสอบทั่วไป มีแกรมม่า คอนเวอเซชั่น Vocab แล้วก็พวกรีดดิ่ง ก็ถือว่าไม่ยากมาก วิชาต่อมาคือสังคม คงเพราะเราอ่านเน้นมาแต่พระพุทธกะประวัติ (เพราะรุ่นพี่ทุกคนบอกว่ามาว่าส่วนมากออกเรื่องนี้) พอทำข้อสอบบร๊ะเจ้าา กฎหมายโคตรเยอะอ่ะ แทบไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลย พระพุทธออกนิดเดียวเอง งือออ พอสังคมสอบเสร็จก็ลงมากินข้างกลางวัน ภาคบ่ายพอได้เวลาก็ขึ้นมาสอบวิชาวัดแววครูต่อ สุดท้ายแล้วเย้ อ้อ ลืมบอก วิชานี้ไม่ยากเท่าไหร่ ฉันสมัครสาขาการสอนภาษาจีนนะคะ^^ เพราะเหตุนี้เลยอยากเข้าที่นี่ไง อิๆ พอสอบวิชาสุดท้ายนี้เสร็จแล้วก็ชวนคุณพ่อไปถ่ายภาพสวยๆบริเวณต่างๆของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตามประสาคนชอบถ่ายภาพท่องเที่ยวเป็นงานอดิเรก หลังจากนั้นพอเห็นว่าใกล้เย็นก็เดินทางกลับที่พักกัน คืนนี้จะรีบกลับไปนอนเอาแรงเตรียมสอบสัมภาษณ์พรุ่งนี้
วันที่สอง...เมื่อฉันเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยและลงทะเบียนเสร็จก็พาคุณพ่อมาประชุมที่C5 วันนี้ท่านอธิการบดีให้ทุกคนที่สมัครสอบในสำนักจีนวิทยามาประชุมเพื่อรับฟังข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโครงการและการเรียนการสอนของสำนักนี้ เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาตื่นเต้นนนน อ๊ากกก สอบสัมภาษณ์เป็นคนแรกของสาขาเลย พอได้ยินอาจารย์เรียก4คนแรกให้เข้ามาเท่านั้นแหละ มือเย็น ใจสั่นมากกก โอ๊ยย อุตส่าห์บอกกับตัวเองตั้งแต่เมื่อวันเดินทางแล้วนะว่าอย่าตื่นแต้นๆ ขนาดรุ่นพี่ที่อ่อนอิ้งหลายคนยังทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ เอาล่ะ สู้ๆ เมื่อเราเข้าไปก็เจอกับอาจารย์ผู้หญิง2คนนั่งอยู่ ไทยคน จีนคน ดูท่าทางใจดี นั่นช่วยให้หายตื่นเต้นได้เยอะเลย เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาจารย์ก็เชิญให้นั่ง เราก็ยิ้มให้แล้วนั่ง และการสอบสัมภาษณ์อังกฤษก็เริ่มขึ้น อาจารย์ให้เราแนะนำตัว เราก็แนะนำตามสคริปต์ที่เราเขียนพลางยิ้ม(คือทุกคำถามเรายิ้มให้พวกเค้าตลอด ประมาณว่าตอบได้ไม่ได้ ขอยิ้มไว้ก่อน^^) พอแนะนำตัวเสร็จ อาจารย์คนจีนกับครูไทยก็ถามสลับกันไป เท่าที่จำได้ก็มีงานอดิเรกของเรา มาอยู่มฟล.แล้วจะเป็นโรคHomesickไหม เคยมาเชียงรายไหม คิดยังไงกับเชียงราย รู้อะไรเกี่ยวกับมอนี้บ้าง เคยเรียนจีนไหม พูดได้ไหม พอเราบอกว่าพูดได้อยุ่ ก็ให้ไปสัมภาษณ์กะอาจารย์คนจีน เอิ่มคือไม่ได้เตรียมสคริปต์พูดเป็นจีนมาเลย คิดว่าเราเลือกสอบเป็นอังกฤษจะให้พูดแค่อังกฤษอย่างเดียว แต่ไม่เปนไรตอนนี้ต้องใช้สติคิดอย่างเดียว พอตั้งสติได้ก็เริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาจีน แล้วครูจีนก็ถามว่าทำไมชอบภาษาจีน เรียนจีนยากไหม เรียนจีนมากี่ปีแล้ว และถามซ้ำเกี่ยวกะว่าเรารู้จักมฟล.แค่ไหน(เปลี่ยนเป็นภาษาจีน) นี่ก็เรียบเรียงคำถูกมั่งผิดมั่ง แต่ก็ฟังออก คำถามสุดท้ายคือเคยสอบhskไหม เคยสอบมาตั้งแต่วัน/เดือน/ปีอะไร ฉันก็เปิดพอร์ตตัวเองให้อาจารย์ดูผลสอบhskระดับ3ให้อาจารย์ทั้งสองดูแล้วก็มองเรายิ้มๆ จากนั้นก็กล่าวขอบคุณ ฉันก็กล่าวขอบคุณพวกเขาแล้วพูดเสริมว่าถ้าได้เข้ามาเรียนที่มฟล. ฉันหวังว่าจะได้เจออาจารย์ที่ดีเหมือนพวกคุณทั้งสอง พวกเค้าก็ยิ้มกล่าวขอบคุณและเราก็เดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์ ความรู้สึกตอนนั้นคือเหมือนยกภูเขาออกจากอก แบบโล่งมาก ฉันก็หวังว่าจะได้เจออาจารย์สองคนนั้นอีกถ้าได้เข้ามาที่นี่ ฉันชอบพวกเขามาก ดูเป็นอาจารย์ที่มีอัธยาศัยดี ร่าเริงและเป็นกันเอง คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเดินตามความฝันของตัวเองโดยการมาสอบที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ การเรียนที่นี่จะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเราเลยแม้แต่น้อย ถ้าเรามีความพยายาม ความฝันก็เป็นหนึ่งในแรงผลักดันซึ่งช่วยให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายได้ หวังว่าการที่ฉันนำประสบการณ์เหล่านี้มาแชร์จะสามารถช่วยตอบคำถามในใจให้ใครหลายๆคนได้นะคะ
อัลบั้มภาพด้านล่างคือ ศูนย์จีนของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ ถือเป็นเอกลักษณ์ของม.แม่ฟ้าหลวงที่สำคัญอีกอย่างซึ่งบ่งบอกให้เรารู้ว่าที่นี่นอกจากการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นภาษาและวัฒนธรรมจีนเป็นสำคัญด้วยนะคะ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงสนใจที่จะเข้ามาเรียนในสำนักจีนวิทยาของที่นี่กันมาก โดยเฉพาะปีนี้ เพราะอีกไม่นานเราก็จะเข้าอาเซียนกันแล้ว ภาษาอังกฤษและภาษาจีนจึงมีความสำคัญมากในการนำไปใช้ประกอบอาชีพและธุรกิจต่างๆ
เป็นภาพวาดที่ได้เรื่องราวมากค่ะ เดาว่าน่าจะเป็นผลงานของนักศึกษาที่เรียนในสาขาด้านภาษาจีน น่าสนใจ เหมาะสมแล้วที่จะนำมาเป็นผลงานให้ผู้ที่ได้มาเยือนศูนย์จีนนี้ได้ชมเพื่อเป็นประโยชน์ ยังมีภาพอื่นอีกนะคะ อยากให้ลองเข้าไปชมกัน
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าตัวเองจะสอบติดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนักศึกษาที่นี่ มีความสุขกับการเรียน ได้ทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่ที่นี่ และได้ทำอาชีพครูสอนภาษาจีนในอนาคตตามที่ใจหวังไว้ แต่ในกรณี...ถ้าเราไม่ติดที่นี่ฉันก็จะไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราไม่ได้ทิ้งความฝัน5ปีของเรา เราทำมันอย่างเต็มความสามารถเพื่อความฝันนี้แล้ว และแค่ได้มีโอกาสมาสอบที่นี่เราก็ดีใจแล้ว ^_^
...ท้ายสุดก็อยากบอกทุกคนว่าจงอย่าทิ้งความฝันของตัวเองนะคะ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหรือใจเราจะกลัวแค่ไหน เราก็ต้องพยายาม มีหลายคนที่ทิ้งความฝันเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้โดยที่พวกเขาเองก็ยังไม่ได้ลองทำมันเลย แล้วรู้ได้ไงว่าจะทำไม่ได้ ขนาดคนที่พิการเค้ายังสามารถเป็นนักกีฬาทีมชาติได้เลย แล้วเราคนปกติทำไมจะทำไม่ได้ล่ะคะ สิ่งสำคัญที่แท้จริงไม่ใช่อยู่ที่สติปัญญาหรือร่างกายเรา แต่มันอยู่ที่"ใจของเรา"ต่างหาก หากทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ใจปรารถนาก็อย่าเอาสิ่งนี้ไปบั่นทอนตัวเองว่าคงทำมันไม่ได้อีกแล้ว คุณคิดผิดค่ะ ความผิดพลาดนี่แหละจะเป็นตัวสอนให้เราทำฝันครั้งใหม่ให้สำเร็จ ฉันเคยเห็นคนคนหนึ่ง เขาไม่เคยทำฝันตัวเองสำเร็จเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเริ่มใหม่แค่ไหน แต่หากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าในแต่ละครั้งที่ล้มเหลว ยิ่งเริ่มต้นใหม่หลายครั้งต่อหลายครั้งความล้มเหลวเหล่านั้นมันก็เริ่มน้อยลงๆจนปัจจุบันนี้เขาสามารถทำฝันของเขาให้เป็นจริงได้ และเขาก็สามารถต่อยอดมันให้ดียิ่งขึ้นๆได้ เขากล่าวกับหลายคนว่า"หากความผิดพลาดและความล้มเหลวในอดีตไม่สอนผม ผมก็คงไม่มีวันนี้"...