คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
สิ่งแรกเลยคือช่วงกลางวัน - กลางคืน นั้น
จากที่เป็นวงรอบ 24 ชม. จะกลายเป็นวงรอบยาวนานถึง 1 ปี
โดย ณ ตำแหน่งหนึ่งจะได้รับแสงอาทิตย์ 6 เดือน และมืดไปนาน 6 เดือน
โดย 2 ตำแหน่งนี้จะค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้ามากครับ ลักษณะแบบนี้จะทำให้เกิด
ความหนาวเย็นมาก พืชจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ และมนุษย์จะมีปัญหากับเรื่องอาหารมากครับ
แต่หากการหยุดหมุนของโลกนั้น ก่อให้เกิดลักษณะ Tidal lock จะยิ่งแย่ใหญ่เลยครับ
tidal lock คือการหันด้านเดียวของโลกหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา
(เหมือนกับดวงจันทร์หันด้านเดียวให้กับโลกตลอดเวลา) ซึ่งหากเป็นแบบนั้น
โลกจะยิ่งอยู่ในสภาพ "ตายครึ่งซีก" คือด้านหนึ่งหันเข้าหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา จะร้อนมาก
ส่วนอีกด้านจะหันออกสู่อวกาศ จะเย็นและตายสนิทครับ
นอกจาก 2 กรณีข้างต้นแล้ว จะยังจะเกิดปรากฏการณ์แห้งแล้งบริเวณ Equator ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ .....
คือในยามปกติ เมื่อโลกหมุน โลกจะมีแรงเหวี่ยงบริเวณพื้นที่เส้น Equator เรียกว่า Centrifugal force
ซึ่งจะทำให้พื้นที่ต่าง ๆ บริเวณเส้น Equator มีการ "บวม" ออกมาตามลักษณะภูมิศาสตร์ปัจจุบัน
ซึ่งเรียกว่า Equatorial bulge ... และเจ้า Equatorial bulge นี้มีผลต่อทั้งน้ำทะเล ภูมิประเทศ และสภาพอากาศ
เมื่อโลกหยุดหมุน centrifugal force จะหมดไป ทำให้แรงลัพท์ของ gravity - centrifugal force
บริเวณ equator หมดสิ้นไป ทำให้ภูมิประเทศทั้งหมด ทั้งน้ำทะเล กระแสอากาศ ค่อย ๆ ไหล
ไปรวมตัวกันที่ขั้วโลกหมดครับ เพราะ Equatorial bulge ทั้งหมดที่เคยมีจาก centrifugal force บัดนี้ได้หมดแรงยึดใว้แล้ว
มวลน้ำจึงไหลไปรวมตัวกันในที่ "ต่ำกว่า" คือบริเวณขั้วโลกนั่นเอง

ในภาพนี้แสดงถึงพื้นที่แถบ Equator ซึ่งจะกลายเป็นดินแดนแห้งแล้ง
หมดสิ้นซึ่งน้ำทะเล สภาพอากาศ กลายเป็นพื้นที่ที่ตายแล้ว
ส่วนบริเวณขั้วโลกจะเต็มไปด้วยน้ำทะเลที่สูงกว่าเดิมกว่า 30 กิโลเมตร
จากที่เป็นวงรอบ 24 ชม. จะกลายเป็นวงรอบยาวนานถึง 1 ปี
โดย ณ ตำแหน่งหนึ่งจะได้รับแสงอาทิตย์ 6 เดือน และมืดไปนาน 6 เดือน
โดย 2 ตำแหน่งนี้จะค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้ามากครับ ลักษณะแบบนี้จะทำให้เกิด
ความหนาวเย็นมาก พืชจะทยอยตายไปเรื่อย ๆ และมนุษย์จะมีปัญหากับเรื่องอาหารมากครับ
แต่หากการหยุดหมุนของโลกนั้น ก่อให้เกิดลักษณะ Tidal lock จะยิ่งแย่ใหญ่เลยครับ
tidal lock คือการหันด้านเดียวของโลกหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา
(เหมือนกับดวงจันทร์หันด้านเดียวให้กับโลกตลอดเวลา) ซึ่งหากเป็นแบบนั้น
โลกจะยิ่งอยู่ในสภาพ "ตายครึ่งซีก" คือด้านหนึ่งหันเข้าหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลา จะร้อนมาก
ส่วนอีกด้านจะหันออกสู่อวกาศ จะเย็นและตายสนิทครับ
นอกจาก 2 กรณีข้างต้นแล้ว จะยังจะเกิดปรากฏการณ์แห้งแล้งบริเวณ Equator ซึ่งอธิบายได้ดังนี้ .....
คือในยามปกติ เมื่อโลกหมุน โลกจะมีแรงเหวี่ยงบริเวณพื้นที่เส้น Equator เรียกว่า Centrifugal force
ซึ่งจะทำให้พื้นที่ต่าง ๆ บริเวณเส้น Equator มีการ "บวม" ออกมาตามลักษณะภูมิศาสตร์ปัจจุบัน
ซึ่งเรียกว่า Equatorial bulge ... และเจ้า Equatorial bulge นี้มีผลต่อทั้งน้ำทะเล ภูมิประเทศ และสภาพอากาศ
เมื่อโลกหยุดหมุน centrifugal force จะหมดไป ทำให้แรงลัพท์ของ gravity - centrifugal force
บริเวณ equator หมดสิ้นไป ทำให้ภูมิประเทศทั้งหมด ทั้งน้ำทะเล กระแสอากาศ ค่อย ๆ ไหล
ไปรวมตัวกันที่ขั้วโลกหมดครับ เพราะ Equatorial bulge ทั้งหมดที่เคยมีจาก centrifugal force บัดนี้ได้หมดแรงยึดใว้แล้ว
มวลน้ำจึงไหลไปรวมตัวกันในที่ "ต่ำกว่า" คือบริเวณขั้วโลกนั่นเอง

ในภาพนี้แสดงถึงพื้นที่แถบ Equator ซึ่งจะกลายเป็นดินแดนแห้งแล้ง
หมดสิ้นซึ่งน้ำทะเล สภาพอากาศ กลายเป็นพื้นที่ที่ตายแล้ว
ส่วนบริเวณขั้วโลกจะเต็มไปด้วยน้ำทะเลที่สูงกว่าเดิมกว่า 30 กิโลเมตร

แสดงความคิดเห็น
(คิดว่า) ถ้าโลกหยุดหมุนสัก 1 ปีอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง