เห็นว่าเดี๋ยวนี้หลายคน รวมทั้งคนรุ่นใหม่เข้าใจคำสอนในพุทธผิดไปมากซึ่งต่อไปน่าจะเกิดปัญหาในอนาคตแน่ๆ เพราะบางทีก็ไปคิดว่าการทำ
เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น เป็นคำสั่งสอนของศาสนาพุทธ ซึ่งมันไม่ใช่เลยครับ
ผมคิดว่าการไหว้ผีอะไรพวกนี้น่าจะมีในไทยมาตั้งแต่ก่อนศาสนาพุทธจะเข้ามาอีก ต่อมาพอคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามา เรื่องพวกนี้ก็เบาบางลงไปบ้างแต่ก็ยังไม่หมด เพราะอยู่คู่กันมานาน ในสมัยก่อนเท่าที่ได้อ่านประวัติครูบาอาจารย์ทางภาคอีสานมา ครูบาอาจารย์เหล่านั้นเดินธุดงค์ไปที่ๆมีการไหว้ผี นับถือผี ท่านก็สั่งสอนชาวบ้านจนชาวบ้าน หันมารับไตรสรณคมน์ และเลิกนับถือผีในที่สุด
ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วพุทธเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ
ส่วนในกรณีที่ปัจจุบันพระสงฆ์บางวัดมีการปลุกเสกอะไรแปลกๆ ไบ้หวย อะไรพวกนี้ จริงๆแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควรทำ ก็ถือว่าเป็นการไม่สมควรสำหรับวัดนั้นๆครับ ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนในพุทธเลย ขอให้พิจารณาด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เขมาเขมสรณทีปิกคาถา
พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ, อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา
มนุษย์เป็นอันมาก, เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว ก็ ถือเอาภูเขาบ้าง, ป่าไม้บ้าง, อารามและรุกขเจดีย์บ้างเป็นสรณะ
เนตัง โข สะระณัง เขมัง, เนตัง สะระณะมุตตะ มัง, เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะ ทุกขา ปะมุจจะ ติ
นั่น มิใช่สรณะอันเกษมเลย, นั่นมิใช่สรณะอัน สูงสุด, เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ ทั้งปวงได้
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต, จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ
ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว, เห็นอริยสัจคือความจริงอันประเสริฐสี่ด้วย ปัญญาอันชอบ
ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติ กกะมัง, อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง
คือเห็นความทุกข,์ เหตุให้เกิดทุกข์, ความก้าว ล่วงพ้นทุกข์เสียได้, และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐเครื่องถึง ความระงับทุกข์
เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะ มัง, เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม, นั่นเป็นสรณะอัน สูงสุด, เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้ง ปวงได้
แก้ความเข้าใจผิดเรื่อง ชาวพุทธไหว้เจ้า ไหว้ผี เข้าทรง ขอหวย ฯลฯ
ผมคิดว่าการไหว้ผีอะไรพวกนี้น่าจะมีในไทยมาตั้งแต่ก่อนศาสนาพุทธจะเข้ามาอีก ต่อมาพอคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามา เรื่องพวกนี้ก็เบาบางลงไปบ้างแต่ก็ยังไม่หมด เพราะอยู่คู่กันมานาน ในสมัยก่อนเท่าที่ได้อ่านประวัติครูบาอาจารย์ทางภาคอีสานมา ครูบาอาจารย์เหล่านั้นเดินธุดงค์ไปที่ๆมีการไหว้ผี นับถือผี ท่านก็สั่งสอนชาวบ้านจนชาวบ้าน หันมารับไตรสรณคมน์ และเลิกนับถือผีในที่สุด
ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วพุทธเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ
ส่วนในกรณีที่ปัจจุบันพระสงฆ์บางวัดมีการปลุกเสกอะไรแปลกๆ ไบ้หวย อะไรพวกนี้ จริงๆแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควรทำ ก็ถือว่าเป็นการไม่สมควรสำหรับวัดนั้นๆครับ ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอนในพุทธเลย ขอให้พิจารณาด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เขมาเขมสรณทีปิกคาถา
พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ, อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา
มนุษย์เป็นอันมาก, เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว ก็ ถือเอาภูเขาบ้าง, ป่าไม้บ้าง, อารามและรุกขเจดีย์บ้างเป็นสรณะ
เนตัง โข สะระณัง เขมัง, เนตัง สะระณะมุตตะ มัง, เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะ ทุกขา ปะมุจจะ ติ
นั่น มิใช่สรณะอันเกษมเลย, นั่นมิใช่สรณะอัน สูงสุด, เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ ทั้งปวงได้
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต, จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ
ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว, เห็นอริยสัจคือความจริงอันประเสริฐสี่ด้วย ปัญญาอันชอบ
ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติ กกะมัง, อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง
คือเห็นความทุกข,์ เหตุให้เกิดทุกข์, ความก้าว ล่วงพ้นทุกข์เสียได้, และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐเครื่องถึง ความระงับทุกข์
เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะ มัง, เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม, นั่นเป็นสรณะอัน สูงสุด, เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว, ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้ง ปวงได้