เรื่องคืนนั้น
ถ้าความสุขอยู่ตรงหน้าคุณ...รีบคว้ามันเอาไว้เถอะ
โดยไม่ต้องนึกถึงความถูกต้อง หรือความเป็นจริงก็ได้
แค่มันทำให้มีความสุขก็พอแล้ว...
“เฮือก!”
ผมสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจจากความฝัน ฝันร้ายอันน่ากลัว มันวนเวียนอยู่หลายครั้ง คนคนหนึ่งพยายามวิ่งไล่ตามผมเรื่อยๆ โดยถือมีดอันแหลมคม แต่โบราณกล่าวไว้ว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี และผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผมนั่งบนเตียงมีเหงื่อท่วมตัว เพราะความฝันมันเหมือนความจริงมาก ผมลุกไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและลงไปข้างล่างเพื่อดื่มน้ำ จากนั้นเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมจากภายนอกและนั่งลงตรงโต๊ะเขียนหนังสือ ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศให้เปลื้องเงินหรอก
ดวงจันทร์คืนนี้ช่างสวยเหลือเกิน กลุ่มดาวต่างๆ ปรากฏเต็มทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงไฟท้องถนนเปิดสว่างเรียงรายไปตามสายถนนในหมู่บ้านทอดยาวไปเรื่อย
บ้านของผมอยู่ติดถนน สองชั้นหลังไม่ใหญ่มาก วันไหนที่ฝันร้ายก็ชอบมานั่งมองดวงจันทร์อย่างนี้ สำหรับเวลานี้ผมก็เริ่มง่วงแล้ว เพราะไม่รู้จะทำอะไร จะให้ทำกิจกรรมอะไรก็ใช่เรื่อง เพราะเป็นเวลาหลับนอนด้วย ผมขอตัวไปนอนก่อนล่ะกัน...
ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย จัดการแต่งตัว เสร็จแล้วลงไปข้างล่างยังห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้ากินเอง เพราะว่าผมอยู่บ้านคนเดียว ส่วนครอบครัวของพากันย้ายสำมะโนครัวไปฝรั่งเศสเมื่อสองปีก่อน ผมอยากเรียนต่อ ม.6 ให้จบก่อน แล้วค่อยย้ายไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศส
เกือบเจ็ดโมง ได้เวลาที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนแล้ว ผมยืนรอรถประจำทางหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ผมมีรถส่วนตัวนะแต่ไม่อยากขับไป เลือกที่จะประหยัดดีกว่า สักพักรถมาถึง คนบนรถเยอะพอเลยทีเดียว
ผ่านไปสามสิบนาทีก็เดินทางมาถึงโรงเรียน ที่นี่เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ หรูหราพอสมควร แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผู้คนไปโรงเรียนดูพลุกพล่านเป็นพิเศษ ผมลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงเรียน
“เฮ้!”
ผมตกใจเล็กน้อย เพราะมีกลุ่มของเด็กสาวมัธยมปลายต่างพากันวิ่งเข้ามาหาผม และยืนดอกกุหลาบ ตุ๊กตา ขนมต่างๆ เยอะแยะเลย
เดี๋ยวนะ...ผมนึกออกแล้วว่ามันเป็นวันแห่งความรักนี่นา ถึงได้มีผู้คนให้ของเยอะขนาดนั้น แต่ส่วนตัวผมยังไม่มีแฟนนะ อยู่คนเดียวก็สบายดีหรอกแต่มีช่วงเหงาเหมือนกัน ก็ยังดีที่มีพวกเพื่อนๆ ไว้คอยสนุก นึกแล้วเดินไปหาพวกมันดีกว่า ด้านหน้าโรงเรียนคนเยอะเหลือเกินจะเป็นลม
เห็นแล้ว...พวกมันนั่งตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารเรียน บนโต๊ะมีพวกของขวัญ ดอกไม้ อะไรอีกเยอะแยะ Popular กันเหลือเกิน
“เฮ้! ว่าไงวะเพื่อนรักโดนจัดหนักหรือเปล่า ฮ่าๆ” พุฒ หนุ่มหล่อขี้เล่น ทะเล้น ขี้หลี (ผมหล่อกว่ามันเยอะมากครับ) ทักผมก่อน
“จัดหนักอะไรวะ” ผมถามอย่างงงๆ
“ดูไอ้ไทม์มันสิ โดนรุมหอมแก้มรอยลิปสติกเลอะเสื้อเลอะหน้าหมดแล้วน่ะ” พุฒคลายความสงสัย
“โหย! ของขวัญ! ดอกไม้! ตุ๊กตาได้มาเพียบ! แบ่งเพื่อนบางสิ” น้ำชา สาวน่ารักทักขึ้นมา
“แหมคุณเพื่อนครับ แล้วนั่นอะไรกองอยู่บนโต๊ะล่ะ ไหนจะกองเต็มพื้นอีก จะเอาไปถมที่เพิ่มเหรอครับ” ผมค้อนใส่ขำขำ
“จะใกล้เวลาเข้าแถวแล้วนะ ไปกันเถอะ” เสียงของใบหม่อน สาวน้อยเด็กเรียนขัดขึ้น
“ใบหม่อน! เธอจะตรงเวลาไปถึงไหนกัน” ไทม์ หนุ่มหล่อเข้มแขวะใบหม่อน
“เอาเป็นว่าเราไปกันเลยดีกว่านะ ฉันอยากเอาของไปเก็บเต็มทีแล้ว รำคาญจะตายชัก” ผมบอกทุกคนและตัดบทสนทนานี้
วิชาพละศึกษา
วันนี้อาจารย์ไม่ได้มาสอนห้องผม เพราะเรียนจบและปิดคอร์สเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมจึงเสนอไอเดียโดยการให้เพื่อนๆ รวบรวมลูกโป่งจากงานวันวาเลนไทน์ นำมาใส่น้ำกับแป้ง จากนั้นให้จับคู่กันแบบชายหญิง และแต่ละคู่ต้องช่วยกันประคองลูกโป่งวิ่งแข่งกัน โดยมีอุปสรรคเล็กน้อย คือ มีคนกลุ่มหนึ่งคอยขัดขวางไม่ให้ไปถึงเส้นชัยได้ง่ายๆ แต่ถ้าคู่ไหนไปถึงเส้นชัยได้ จะได้รับตุ๊กตา ช็อกโกแลต เป็นของรางวัล
“ทุกคนพร้อมหรือยัง!!!” ผมถามเพื่อนผู้ร่วมสนุกทั้งหมดห้าคู่พร้อมยกมือขึ้น ทุกคนดูคึกครื้นกันมาก
“พร้อมแล้ว!!!” รวมพลังกันตอบ
“เริ่มได้!!!” ผมพูดพร้อมกับเอามือลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคู่ต่างพากันวิ่งไปหยิบลูกโป่ง และวิ่งประครองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บางคู่พยายามหลบกันอย่างเต็มที่ จนทำลูกโป่งหล่นแตกกระจาย บางคู่วิ่งขาพันกันพากันสะดุดล้มใส่ลูกโป่งแตกเลอะหน้าเลอะเสื้อผ้ากันให้วุ่น ส่วนกองเชียร์ก็พากันหัวเราะเฮฮาและส่งเสียงเชียร์แต่ละคู่กันอย่างสนุกสนาน
ได้เวลาพักกินข้าวเที่ยงสักที ผมหิวมากเลย โอย...อยากกินมัสมั่นมากๆ เป็นอาหารที่ผมชอบที่สุด ผมและเพื่อนๆ แวะเอาของมาเก็บที่ล็อกเกอร์กันก่อน
พรึ่บ!
เปิดล็อกเกอร์ออกมา จดหมายพร้อมกับดอกกุหลาบดอกเล็กแห้งๆ หนึ่งดอก ของใครก็ไม่รู้ตกลงมา สงสัยจะสอดไว้ตรงช่องด้านบน ผมไม่ทันได้สังเกตเสียด้วย ลองเปิดจดหมายอ่านดูดีกว่า
‘เดย์...ฉันชอบนาย ฉันรักนายมาก ฉันอยากมีเวลาอยู่กับนายบ้าง ขอเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ให้ฉันได้มีความสุขอยู่กับนาย ขอร้องนะ ถ้านายตกลง ฉันขอให้นายไปรอฉันที่...’
“...”
ผมชินกับการถูกบอกรักแล้ว วาเลนไทน์ของทุกปีก็เป็นแบบนี้ จดหมายบอกรัก ของขวัญ ดอกไม้ ตุ๊กตาและอีกมากมาย แต่ผมรู้สึกว่าคนคนนี้จะจริงจังกับผมมากแน่เลย สงสัยจะรักผมมากถึงได้ต้องการขนาดนี้
“เดย์ ไปกินข้าวกันเถอะ ยืนทำอะไรอยู่วะ” ไทม์เรียกผม สงสัยคงเห็นผมยืนอยู่นาน
“เออๆ” ผมตอบรับและเก็บของเดินตามออกไป
ลืมไปเลยว่าตัวเองหิวข้าวมาก...
คาบเรียนตอนบ่ายผมว่าง พวกเพื่อนๆ มันชวนไปว่ายน้ำและดูหนังสามกันที่บ้านของพุฒ แต่ผมไม่ไปหรอกรู้สึกเหนื่อยและขี้เกียจ เลยบอกพวกมันว่าจะกลับบ้านพักผ่อน ผมจึงแวะไปหยิบของในล็อกเกอร์และหยิบซองจดหมายกับกุหลาบมาด้วย ก่อนจะออกไปรอรถกลับบ้าน
กลับถึงบ้าน ผมรีบตรงมายังห้องนอน พอเปิดประตูเข้ามาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน และรู้สึกไม่สบายใจด้วย ผมเป็นอะไรกัน...
...ฝันร้าย
...มันกลับมาทำร้ายผมอีกแล้ว
...ผู้ชายคนนั้นกำลังถือมีดวิ่งไล่ฆ่าผม
...ผมวิ่งสุดชีวิต ยังไงผมก็ต้องรอด ยังไงก็ต้องรอด
...แต่ความโชคร้ายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเผชิญ
...ผมสะดุดล้มกับพื้นหญ้า ล้มกลิ้งลงกับพื้น
...ผู้ชายคนนั้นเข้ามาถึงตัวของผมแล้ว
...ความตาย ผมกำลังจะตาย ผมกำลังจะตาย
“เฮือก!!!”
ผมสะดุ้งตื่น หลับไปตอนไหนกัน ฝันร้ายมันกลับมาอีกแล้ว ฝันเห็นมันอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะวิ่งหนีให้มันพ้นๆ จนความชั่วร้ายนั่น ผมอยากจะรอดพ้นจากชายคนนั้น...
...ผมอยากจะรอด!
ผมลงมาห้องครัว หาอะไรกินรองท้องก่อนสักนิด เปิดตู้เย็นดูเหลืออะไรบ้างนา กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง กับผลไม้พวกฝรั่ง องุ่นพวงเล็กน้อยๆ และไข่ไก่ เอาเป็นว่าผมผัดหน่อไม้ฝรั่งผสมกะหล่ำปลีใส่ไข่แล้วกัน ยังดีที่ข้าวยังเหลือจากมื้อเช้าเลยได้อุ่นกิน
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมไปอาบน้ำเพื่อจะออกไปข้างนอก อยู่บ้านมันน่าเบื่อเหมือนกัน ผมหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่านมันอีกครั้ง...
...ฉันชอบนาย ฉันรักนายมาก ฉันอยากมีเวลาอยู่กับนายบ้าง ขอเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ให้ฉันได้มีความสุขอยู่กับนาย ขอร้องนะ ถ้านายตกลง ฉันขอให้นายไปรอฉันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับหมู่บ้านของนายนะ เดี๋ยวฉันไปนั่งรอนายที่นั่นหกโมงเย็น ฉันจะใส่เชิ้ตสีแดงกับกางเกงขายาวสีดำ ฉันจะรอนายนะ...
ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะออกไป คงไม่เสียหายหรอกแค่การนัดพบเอง อาจไม่เจอก็ได้นี่นา ผมเลือกจะใส่เชิ้ตสีแดงกับกางเกงสีขาวพร้อมผ้าพันคอสีดำ เพราะข้างนอกเริ่มหนาว...
[เรื่องสั้น] เรื่องคืนนั้น
เรื่องคืนนั้น
ถ้าความสุขอยู่ตรงหน้าคุณ...รีบคว้ามันเอาไว้เถอะ
โดยไม่ต้องนึกถึงความถูกต้อง หรือความเป็นจริงก็ได้
แค่มันทำให้มีความสุขก็พอแล้ว...
“เฮือก!”
ผมสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจจากความฝัน ฝันร้ายอันน่ากลัว มันวนเวียนอยู่หลายครั้ง คนคนหนึ่งพยายามวิ่งไล่ตามผมเรื่อยๆ โดยถือมีดอันแหลมคม แต่โบราณกล่าวไว้ว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดี และผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผมนั่งบนเตียงมีเหงื่อท่วมตัว เพราะความฝันมันเหมือนความจริงมาก ผมลุกไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและลงไปข้างล่างเพื่อดื่มน้ำ จากนั้นเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมจากภายนอกและนั่งลงตรงโต๊ะเขียนหนังสือ ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศให้เปลื้องเงินหรอก
ดวงจันทร์คืนนี้ช่างสวยเหลือเกิน กลุ่มดาวต่างๆ ปรากฏเต็มทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงไฟท้องถนนเปิดสว่างเรียงรายไปตามสายถนนในหมู่บ้านทอดยาวไปเรื่อย
บ้านของผมอยู่ติดถนน สองชั้นหลังไม่ใหญ่มาก วันไหนที่ฝันร้ายก็ชอบมานั่งมองดวงจันทร์อย่างนี้ สำหรับเวลานี้ผมก็เริ่มง่วงแล้ว เพราะไม่รู้จะทำอะไร จะให้ทำกิจกรรมอะไรก็ใช่เรื่อง เพราะเป็นเวลาหลับนอนด้วย ผมขอตัวไปนอนก่อนล่ะกัน...
ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย จัดการแต่งตัว เสร็จแล้วลงไปข้างล่างยังห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้ากินเอง เพราะว่าผมอยู่บ้านคนเดียว ส่วนครอบครัวของพากันย้ายสำมะโนครัวไปฝรั่งเศสเมื่อสองปีก่อน ผมอยากเรียนต่อ ม.6 ให้จบก่อน แล้วค่อยย้ายไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศส
เกือบเจ็ดโมง ได้เวลาที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนแล้ว ผมยืนรอรถประจำทางหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ผมมีรถส่วนตัวนะแต่ไม่อยากขับไป เลือกที่จะประหยัดดีกว่า สักพักรถมาถึง คนบนรถเยอะพอเลยทีเดียว
ผ่านไปสามสิบนาทีก็เดินทางมาถึงโรงเรียน ที่นี่เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ หรูหราพอสมควร แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผู้คนไปโรงเรียนดูพลุกพล่านเป็นพิเศษ ผมลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงเรียน
“เฮ้!”
ผมตกใจเล็กน้อย เพราะมีกลุ่มของเด็กสาวมัธยมปลายต่างพากันวิ่งเข้ามาหาผม และยืนดอกกุหลาบ ตุ๊กตา ขนมต่างๆ เยอะแยะเลย
เดี๋ยวนะ...ผมนึกออกแล้วว่ามันเป็นวันแห่งความรักนี่นา ถึงได้มีผู้คนให้ของเยอะขนาดนั้น แต่ส่วนตัวผมยังไม่มีแฟนนะ อยู่คนเดียวก็สบายดีหรอกแต่มีช่วงเหงาเหมือนกัน ก็ยังดีที่มีพวกเพื่อนๆ ไว้คอยสนุก นึกแล้วเดินไปหาพวกมันดีกว่า ด้านหน้าโรงเรียนคนเยอะเหลือเกินจะเป็นลม
เห็นแล้ว...พวกมันนั่งตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารเรียน บนโต๊ะมีพวกของขวัญ ดอกไม้ อะไรอีกเยอะแยะ Popular กันเหลือเกิน
“เฮ้! ว่าไงวะเพื่อนรักโดนจัดหนักหรือเปล่า ฮ่าๆ” พุฒ หนุ่มหล่อขี้เล่น ทะเล้น ขี้หลี (ผมหล่อกว่ามันเยอะมากครับ) ทักผมก่อน
“จัดหนักอะไรวะ” ผมถามอย่างงงๆ
“ดูไอ้ไทม์มันสิ โดนรุมหอมแก้มรอยลิปสติกเลอะเสื้อเลอะหน้าหมดแล้วน่ะ” พุฒคลายความสงสัย
“โหย! ของขวัญ! ดอกไม้! ตุ๊กตาได้มาเพียบ! แบ่งเพื่อนบางสิ” น้ำชา สาวน่ารักทักขึ้นมา
“แหมคุณเพื่อนครับ แล้วนั่นอะไรกองอยู่บนโต๊ะล่ะ ไหนจะกองเต็มพื้นอีก จะเอาไปถมที่เพิ่มเหรอครับ” ผมค้อนใส่ขำขำ
“จะใกล้เวลาเข้าแถวแล้วนะ ไปกันเถอะ” เสียงของใบหม่อน สาวน้อยเด็กเรียนขัดขึ้น
“ใบหม่อน! เธอจะตรงเวลาไปถึงไหนกัน” ไทม์ หนุ่มหล่อเข้มแขวะใบหม่อน
“เอาเป็นว่าเราไปกันเลยดีกว่านะ ฉันอยากเอาของไปเก็บเต็มทีแล้ว รำคาญจะตายชัก” ผมบอกทุกคนและตัดบทสนทนานี้
วิชาพละศึกษา
วันนี้อาจารย์ไม่ได้มาสอนห้องผม เพราะเรียนจบและปิดคอร์สเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมจึงเสนอไอเดียโดยการให้เพื่อนๆ รวบรวมลูกโป่งจากงานวันวาเลนไทน์ นำมาใส่น้ำกับแป้ง จากนั้นให้จับคู่กันแบบชายหญิง และแต่ละคู่ต้องช่วยกันประคองลูกโป่งวิ่งแข่งกัน โดยมีอุปสรรคเล็กน้อย คือ มีคนกลุ่มหนึ่งคอยขัดขวางไม่ให้ไปถึงเส้นชัยได้ง่ายๆ แต่ถ้าคู่ไหนไปถึงเส้นชัยได้ จะได้รับตุ๊กตา ช็อกโกแลต เป็นของรางวัล
“ทุกคนพร้อมหรือยัง!!!” ผมถามเพื่อนผู้ร่วมสนุกทั้งหมดห้าคู่พร้อมยกมือขึ้น ทุกคนดูคึกครื้นกันมาก
“พร้อมแล้ว!!!” รวมพลังกันตอบ
“เริ่มได้!!!” ผมพูดพร้อมกับเอามือลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคู่ต่างพากันวิ่งไปหยิบลูกโป่ง และวิ่งประครองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บางคู่พยายามหลบกันอย่างเต็มที่ จนทำลูกโป่งหล่นแตกกระจาย บางคู่วิ่งขาพันกันพากันสะดุดล้มใส่ลูกโป่งแตกเลอะหน้าเลอะเสื้อผ้ากันให้วุ่น ส่วนกองเชียร์ก็พากันหัวเราะเฮฮาและส่งเสียงเชียร์แต่ละคู่กันอย่างสนุกสนาน
ได้เวลาพักกินข้าวเที่ยงสักที ผมหิวมากเลย โอย...อยากกินมัสมั่นมากๆ เป็นอาหารที่ผมชอบที่สุด ผมและเพื่อนๆ แวะเอาของมาเก็บที่ล็อกเกอร์กันก่อน
พรึ่บ!
เปิดล็อกเกอร์ออกมา จดหมายพร้อมกับดอกกุหลาบดอกเล็กแห้งๆ หนึ่งดอก ของใครก็ไม่รู้ตกลงมา สงสัยจะสอดไว้ตรงช่องด้านบน ผมไม่ทันได้สังเกตเสียด้วย ลองเปิดจดหมายอ่านดูดีกว่า
‘เดย์...ฉันชอบนาย ฉันรักนายมาก ฉันอยากมีเวลาอยู่กับนายบ้าง ขอเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ให้ฉันได้มีความสุขอยู่กับนาย ขอร้องนะ ถ้านายตกลง ฉันขอให้นายไปรอฉันที่...’
“...”
ผมชินกับการถูกบอกรักแล้ว วาเลนไทน์ของทุกปีก็เป็นแบบนี้ จดหมายบอกรัก ของขวัญ ดอกไม้ ตุ๊กตาและอีกมากมาย แต่ผมรู้สึกว่าคนคนนี้จะจริงจังกับผมมากแน่เลย สงสัยจะรักผมมากถึงได้ต้องการขนาดนี้
“เดย์ ไปกินข้าวกันเถอะ ยืนทำอะไรอยู่วะ” ไทม์เรียกผม สงสัยคงเห็นผมยืนอยู่นาน
“เออๆ” ผมตอบรับและเก็บของเดินตามออกไป
ลืมไปเลยว่าตัวเองหิวข้าวมาก...
คาบเรียนตอนบ่ายผมว่าง พวกเพื่อนๆ มันชวนไปว่ายน้ำและดูหนังสามกันที่บ้านของพุฒ แต่ผมไม่ไปหรอกรู้สึกเหนื่อยและขี้เกียจ เลยบอกพวกมันว่าจะกลับบ้านพักผ่อน ผมจึงแวะไปหยิบของในล็อกเกอร์และหยิบซองจดหมายกับกุหลาบมาด้วย ก่อนจะออกไปรอรถกลับบ้าน
กลับถึงบ้าน ผมรีบตรงมายังห้องนอน พอเปิดประตูเข้ามาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน และรู้สึกไม่สบายใจด้วย ผมเป็นอะไรกัน...
...ฝันร้าย
...มันกลับมาทำร้ายผมอีกแล้ว
...ผู้ชายคนนั้นกำลังถือมีดวิ่งไล่ฆ่าผม
...ผมวิ่งสุดชีวิต ยังไงผมก็ต้องรอด ยังไงก็ต้องรอด
...แต่ความโชคร้ายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเผชิญ
...ผมสะดุดล้มกับพื้นหญ้า ล้มกลิ้งลงกับพื้น
...ผู้ชายคนนั้นเข้ามาถึงตัวของผมแล้ว
...ความตาย ผมกำลังจะตาย ผมกำลังจะตาย
“เฮือก!!!”
ผมสะดุ้งตื่น หลับไปตอนไหนกัน ฝันร้ายมันกลับมาอีกแล้ว ฝันเห็นมันอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะวิ่งหนีให้มันพ้นๆ จนความชั่วร้ายนั่น ผมอยากจะรอดพ้นจากชายคนนั้น...
...ผมอยากจะรอด!
ผมลงมาห้องครัว หาอะไรกินรองท้องก่อนสักนิด เปิดตู้เย็นดูเหลืออะไรบ้างนา กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง กับผลไม้พวกฝรั่ง องุ่นพวงเล็กน้อยๆ และไข่ไก่ เอาเป็นว่าผมผัดหน่อไม้ฝรั่งผสมกะหล่ำปลีใส่ไข่แล้วกัน ยังดีที่ข้าวยังเหลือจากมื้อเช้าเลยได้อุ่นกิน
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมไปอาบน้ำเพื่อจะออกไปข้างนอก อยู่บ้านมันน่าเบื่อเหมือนกัน ผมหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่านมันอีกครั้ง...
...ฉันชอบนาย ฉันรักนายมาก ฉันอยากมีเวลาอยู่กับนายบ้าง ขอเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ให้ฉันได้มีความสุขอยู่กับนาย ขอร้องนะ ถ้านายตกลง ฉันขอให้นายไปรอฉันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับหมู่บ้านของนายนะ เดี๋ยวฉันไปนั่งรอนายที่นั่นหกโมงเย็น ฉันจะใส่เชิ้ตสีแดงกับกางเกงขายาวสีดำ ฉันจะรอนายนะ...
ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะออกไป คงไม่เสียหายหรอกแค่การนัดพบเอง อาจไม่เจอก็ได้นี่นา ผมเลือกจะใส่เชิ้ตสีแดงกับกางเกงสีขาวพร้อมผ้าพันคอสีดำ เพราะข้างนอกเริ่มหนาว...