เนื่องจากเมื่อต้นเดือน ธันวาคม พี่ที่รู้จักกันขับมอเตอร์ไซด์กับลูกไปซื้อของที่ห้างใกล้ๆบ้าน
ขณะที่กำลังออกจากห้าง จอดรอเพื่อให้รถทางด้านขวาว่าง ก็มีรถเก่งที่ออกจากห้างขับมาชน
ซึ่งมีกล้องวงจรปิด ของห้างร้านค้าฝั่งตรงข้ามถ่ายไว้ได้ จากที่ดูวิดีโอแล้วเห็นว่า
รถชนครั้งแรกแล้วรถมอเตอร์ไซด์ล้ม แล้วก็มีการชนอีกรอบ โดยอ้างว่าไม่เห็น
หลังจากชนแล้ว พี่เขาก็กระดูกหลังเท้าหัก และลูกชายอายุ 4ขวบก็
หัวกระแทกพื้น บวมโน โดยคู่กรณีบอกว่าให้คุยกับประกันอย่างเดียว
(รถคู่กรณีเป็นประกันชั้น1)
ตลอดระยะเวลาที่เกิดอุบัติเหตุนั้น จนถึงวันนี้ คู่กรณีไม่เคยถามอาการ
ไม่เคยไปเยี่ยมอะไรเลย ทั้งๆที่บ้านอยู่ห้างเพียงแค่หมู่บ้านถัดไป
เวลานัดเจอกันที่โรงพัก จะพูดอยู่อย่างเดียวคือ ให้คุยกับประกันอย่างเดียว
ในส่วนประกันที่ดูแลในส่วนพื้นที่นั้น ก็บอกให้ไปรักษาก่อน แล้วค่อยมาคุย
กับเขา พี่ที่รู้จักเลยไปรักษา โดยให้ทางโรงพยาบาลคิดคำนวณให้ก่อนนั้น
สองหมื่นถึงสี่หมื่นบาท ทางประกันก็ยืนยันว่าให้ไปรักษาก่อน ค่อยมาคุยกับเขา
พี่เขาไม่ใช่คนรวยอะไรจะได้มีเงินใช้จ่ายในคราวเดียวแบบนั้น แต่ดีที่
ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ เลยใช้ประกันในส่วนนั้นรักษาแทน
ทางประกันของรถยนต์ทราบ ก็ไม่ว่าอะไร หนำซ้ำ ชื่อจริงหรือนามบัตร
ก็ยังไม่มีให้ เมื่อหมอตรวจแล้ว สั่งให้พี่เขาหยุดพัก 1 เดือน
ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการนัดเจอกันที่โรงพัก พี่ที่รู้จักก็เตรียมเอกสาร
เตรียมใบเสร็จ เตรียมวิดีโอที่ถ่ายไว้จากร้านค้าฝั่งตรงข้าม ไปด้วย
เมื่อไปถึงโรงพัก ประกันบอกว่าทางพี่ที่รู้จัก ใช้ประกันอย่างอื่นรักษา
ประกันจะไม่จ่ายให้แล้ว อ้าวไหง แบบนั้นละ แล้วตอนนั้นที่รู้ว่าใช้ประกันอื่นรักษา
ทำไมไม่ห้าม ไม่พูดอะไรเลย นี้คือวิธีการทำงานของ "เมืองไทยประกันภัย"
หรือครับ
ส่วนพี่ที่รู้จักนั้น (เป็นผู้หญิง) ช่วงระยะเวลาที่รักษาตัว ก็ต้องลางานกับที่ทำงาน 1 เดือน
ทำให้โบนัสที่ได้ก็ถูกหักลดไปเยอะ เงินเดือนที่เพิ่มทุกเมษาก็คิดว่าไม่ได้เพิ่ม
เพราะบริษัทนำจำนวนวันลามาคิดคำนวณทุกอย่าง (สำหรับโบนัสและเงินเดือน)
เบี้ยเลี้ยงรายเดือน ที่บริษัทให้ ก็ถูกตัดไป 1 เดือน นี้
เวลาไปหาหมอก็ต้องนั่งแท๊กซี่ไป ถ้าไม่นั่งแท๊กซี่ สามีก็ต้องลางาน เพื่อพาไปหาหมอ
แล้วรถมอเตอร์ไซด์ที่พี่เขาขับวันนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมเลย
โดยอ้างแต่เพียงว่า อะไหล่ไม่มี
รถมอเตอร์ไซด์พี่เขา เป็นแบบทั่วๆไป อะไหล่หายากขนาดนั้นเลยหรือครับ
สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ คู่กรณีสำนึกบ้างหรือครับ ไปเยี่ยมสักครั้งก็ยังดี น้ำใจนะมีมั้ยครับ
"เมืองไทยประกันภัย" นี้หรือคือการทำงานของท่านนะครับ muangthaiins008
แล้วบอกพนักงานของท่านด้วยนะครับว่า เวลามีปัญหา ให้แจ้งชื่อ นามสกุล หรือนามบัตร
ของพนักงานทุกครั้งด้วยนะครับ
ถามถึงความมีน้ำใจกับประกันรถยนต์ "เมืองไทยประกันภัย" และคู่กรณี
ขณะที่กำลังออกจากห้าง จอดรอเพื่อให้รถทางด้านขวาว่าง ก็มีรถเก่งที่ออกจากห้างขับมาชน
ซึ่งมีกล้องวงจรปิด ของห้างร้านค้าฝั่งตรงข้ามถ่ายไว้ได้ จากที่ดูวิดีโอแล้วเห็นว่า
รถชนครั้งแรกแล้วรถมอเตอร์ไซด์ล้ม แล้วก็มีการชนอีกรอบ โดยอ้างว่าไม่เห็น
หลังจากชนแล้ว พี่เขาก็กระดูกหลังเท้าหัก และลูกชายอายุ 4ขวบก็
หัวกระแทกพื้น บวมโน โดยคู่กรณีบอกว่าให้คุยกับประกันอย่างเดียว
(รถคู่กรณีเป็นประกันชั้น1)
ตลอดระยะเวลาที่เกิดอุบัติเหตุนั้น จนถึงวันนี้ คู่กรณีไม่เคยถามอาการ
ไม่เคยไปเยี่ยมอะไรเลย ทั้งๆที่บ้านอยู่ห้างเพียงแค่หมู่บ้านถัดไป
เวลานัดเจอกันที่โรงพัก จะพูดอยู่อย่างเดียวคือ ให้คุยกับประกันอย่างเดียว
ในส่วนประกันที่ดูแลในส่วนพื้นที่นั้น ก็บอกให้ไปรักษาก่อน แล้วค่อยมาคุย
กับเขา พี่ที่รู้จักเลยไปรักษา โดยให้ทางโรงพยาบาลคิดคำนวณให้ก่อนนั้น
สองหมื่นถึงสี่หมื่นบาท ทางประกันก็ยืนยันว่าให้ไปรักษาก่อน ค่อยมาคุยกับเขา
พี่เขาไม่ใช่คนรวยอะไรจะได้มีเงินใช้จ่ายในคราวเดียวแบบนั้น แต่ดีที่
ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ เลยใช้ประกันในส่วนนั้นรักษาแทน
ทางประกันของรถยนต์ทราบ ก็ไม่ว่าอะไร หนำซ้ำ ชื่อจริงหรือนามบัตร
ก็ยังไม่มีให้ เมื่อหมอตรวจแล้ว สั่งให้พี่เขาหยุดพัก 1 เดือน
ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการนัดเจอกันที่โรงพัก พี่ที่รู้จักก็เตรียมเอกสาร
เตรียมใบเสร็จ เตรียมวิดีโอที่ถ่ายไว้จากร้านค้าฝั่งตรงข้าม ไปด้วย
เมื่อไปถึงโรงพัก ประกันบอกว่าทางพี่ที่รู้จัก ใช้ประกันอย่างอื่นรักษา
ประกันจะไม่จ่ายให้แล้ว อ้าวไหง แบบนั้นละ แล้วตอนนั้นที่รู้ว่าใช้ประกันอื่นรักษา
ทำไมไม่ห้าม ไม่พูดอะไรเลย นี้คือวิธีการทำงานของ "เมืองไทยประกันภัย"
หรือครับ
ส่วนพี่ที่รู้จักนั้น (เป็นผู้หญิง) ช่วงระยะเวลาที่รักษาตัว ก็ต้องลางานกับที่ทำงาน 1 เดือน
ทำให้โบนัสที่ได้ก็ถูกหักลดไปเยอะ เงินเดือนที่เพิ่มทุกเมษาก็คิดว่าไม่ได้เพิ่ม
เพราะบริษัทนำจำนวนวันลามาคิดคำนวณทุกอย่าง (สำหรับโบนัสและเงินเดือน)
เบี้ยเลี้ยงรายเดือน ที่บริษัทให้ ก็ถูกตัดไป 1 เดือน นี้
เวลาไปหาหมอก็ต้องนั่งแท๊กซี่ไป ถ้าไม่นั่งแท๊กซี่ สามีก็ต้องลางาน เพื่อพาไปหาหมอ
แล้วรถมอเตอร์ไซด์ที่พี่เขาขับวันนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมเลย
โดยอ้างแต่เพียงว่า อะไหล่ไม่มี
รถมอเตอร์ไซด์พี่เขา เป็นแบบทั่วๆไป อะไหล่หายากขนาดนั้นเลยหรือครับ
สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ คู่กรณีสำนึกบ้างหรือครับ ไปเยี่ยมสักครั้งก็ยังดี น้ำใจนะมีมั้ยครับ
"เมืองไทยประกันภัย" นี้หรือคือการทำงานของท่านนะครับ muangthaiins008
แล้วบอกพนักงานของท่านด้วยนะครับว่า เวลามีปัญหา ให้แจ้งชื่อ นามสกุล หรือนามบัตร
ของพนักงานทุกครั้งด้วยนะครับ