สืบเนื่องจากข่าวว่าคลาราได้ฟ้องอ้างว่าประธานของค่ายโพลาริสคุกคามทางเพศ
http://pantip.com/topic/33105937
ทางโพลาริสโต้กลับว่า
"หลังจากเซ็นสัญญากับเราแล้ว คลาราได้ผิดสัญญาหลายครั้ง เราได้เตือนไปหลายทีแต่เขาก็ไม่สนใจจนเราต้องส่งโนติสไป เมื่อเห็นว่าเราไม่ยอมเลิกสัญญา เขาขู่ว่าจะฟ้องว่าทางเราคุกคามทางเพศเขา แล้วก็ฟ้องจริงด้วย พอเราฟ้องเขา เขาก็มาฟ้องเรากลับเป็นคดีแพ่ง
เราได้ฟ้องคลาราแล้ว ตอนนี้เขากำลังถูกสอบสวนอยู่ พ่อของเขาก็ถูกฟ้องฐานเป็นตัวการร่วม ถ้าที่เขาอ้างเป็นความจริง ทำไมไม่ฟ้องเป็นคดีอาญาไปเลย นั่นก็เพราะถ้าพูดเท็จในคดีอาญาอาจโดนคดีได้ เขาเลยเลือกจะฟ้องเป็นคดีแพ่งแทน (อันนี้ไม่น่าจะจริง โจทก์หรือจำเลย จะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง ไม่ว่าจะคดีอาญาหรือคดีแพ่ง) ข้อกล่าวหาที่ว่าถูกคุกคามทางเพศนั้นไม่เป็นความจริงเลย นี่เป็นการกระทำที่ร้ายแรงมากต่อประธานที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ
ก่อนหน้านี้ทางเราได้ส่งโนติสให้คลาราปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ก็จ่ายค่าปรับมา หลังจากที่ได้รับโนติส เขากล่าวว่าเขาต้องการเลิกสัญญาด้วยเหตุว่าถูกคุกคามทางเพศ ถ้าเราไม่ทำตาม เขาจะแจ้งตำรวจ
เราได้บอกให้คลาราขอโทษเราจากการข่มขู่เราด้วยเรื่องที่ไม่เป็นความจริง คลาราได้มาที่บริษัท และบอกว่าเรื่องคุกคามทางเพศไม่เป็นความจริง เขากุมันขึ้นมาเพื่อจะเลิกสัญญา และขอให้เรายกโทษให้ด้วยน้ำตา
ด้วยเห็นแก่อนาคตและการงานของเธอ ที่ผ่านมาเราเลยปิดเรื่องนี้เอาไว้และหวังว่าคลาราจะขอโทษเราอย่างเป็นทางการและทำงานตามสัญญาต่อไป แต่แล้วเขากลับมาฟ้องเราและเผยแพร่ข้อมูลต่าสาธารณชน เราจึงจำเป็นต้องเปิดเผยความจริงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทและศิลปินในสังกัดคนอื่นๆ"
ทางทนายของคลาราโต้กลับว่า
"เราฟ้องเป็นคดีแพ่งเพราะคดีอาญา แม้ข้อความที่น่าอับอายเหล่านั้นได้ส่งมาจริงก็ยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีก และคลาราเองก็ไม่ได้ต้องการจะฟ้องเป็นคดีอาญา (ในคดีอาญา ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยผิดเมื่อ "ปราศจากข้อสงสัย" ส่วนในคดีแพ่ง เพียงแค่ "มีเหตุอันควรเชื่อได้" ก็เพียงพอแล้วที่จะพิพากษาให้จำเลยผิด การพิสูจน์ว่าจำเลยผิดในคดีอาญาจึงยากกว่าในคดีแพ่ง)
ต่อให้อีกฝ่ายผิดแค่ไหน การฟ้องคดีอาญาไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับดารา ด้วยความที่เป็นดาราการดำเนินคดีไปแบบเงียบๆย่อมจะดีกว่าเพราะเมื่อเรื่องราวส่วนตัวต่างๆถูกตีแผ่ออกมาในศาลฝ่ายดาราย่อมได้รับผลกระทบมากกว่า
ข้อกล่าวอ้างของโพลาริสว่าคลาราได้ขอโทษและยอมรับว่าเธอกุเรื่องถูกคุกคามทางเพศขึ้นมาก็เป็นการบิดเบือนความจริง
ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๐๑๔ บิดาของคลาราได้ส่งจดหมายแจ้งว่าต้องการเลิกสัญญาเนื่องจากผู้บริหารบริษัทกล่าวข้อความที่ไม่เหมาะสม ทนายของบริษัทกล่าวต่อบิดาของคลาราว่า "ก่อนอื่น คุณต้องขอโทษเราที่มาขอเลิกสัญญาเอาข้างเดียวแบบนี้โดยไม่จ่ายค่าปรับและขู่ว่าจะแจ้งความกับผู้บริหารของเรา จากนั้นเราถึงจะยอมเจรจาเรื่องการเลิกสัญญาและค่าปรับ" ข้อความนี้ส่งมาผ่านทาง kakaotalk และเรามีเก็บไว้เป็นหลักฐาน
คลาราจึงคิดว่าจะขอโทษผู้บริหารของโพลาริสเพื่อให้ฝ่ายนั้นเลิกสัญญาและได้ไปพบกับผู้บริหารของบริษัทที่สำนักงานกฎหมายและทำตามทุกอย่างที่ทนายของบริษัทบอกให้ทำและขอโทษ อย่างไรก็ดี ทางโพลาริสได้บันทึกการสนทนาครั้งนี้ไว้และส่งให้แก่ตำรวจพร้อมกับฟ้องคดีอาญาต่อคลารา กล่าวหาว่าเธอต้องการจะเลิกสัญญาโดยไม่จ่ายค่าปรับและข่มขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารของบริษัท คดีอาญานี้ส่งฟ้องหลังจากที่ได้คลาราทำตามที่ทนายของโพลาริสบอกให้เธอทำ
ระหว่างการสอบปากคำ คลาราจึงได้บอกแก่ตำรวจว่า เธอเพียงทำตามที่ทนายของโพลาริสบอกให้ทำและขอโทษเพราะเธอเข้าใจว่าทางบริษัทจะยอมเลิกสัญญาถ้าเธอทำเช่นนั้น เธอถูกคุกคามทางเพศจริง และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการเลิกสัญญา เธอได้แสดงข้อความที่ส่งผ่าน kakaotalk หลายข้อความต่อตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน"
ทางโพลาริสตอบโต้ว่า "เราประสงค์จะเปิดเผยข้อความที่คลาราและประธานส่งถึงกันซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้ รวมถึงเนื้อหาของสัญญาทั้งหมด ทว่าการกระทำเช่นนั้นอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทเนื่องจากเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เราจึงขอความเห็นชอบจากคลาราเพื่อจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชน"
http://www.allkpop.com/article/2015/01/polaris-entertainment-says-clara-had-previously-admitted-to-them-that-she-lied-about-sexual-harassment-in-order-to-get-out-of-her-contract
http://www.allkpop.com/article/2015/01/claras-side-speaks-up-in-more-detail-about-the-sexual-harassment-case-against-polaris-entertainment
http://www.allkpop.com/article/2015/01/polaris-entertainment-fires-back-at-clara-by-revealing-their-willingness-to-publicly-release-kakaotalk-messages-and-contract 
Polaris ฉะกลับ Clara โกหก
ทางโพลาริสโต้กลับว่า
"หลังจากเซ็นสัญญากับเราแล้ว คลาราได้ผิดสัญญาหลายครั้ง เราได้เตือนไปหลายทีแต่เขาก็ไม่สนใจจนเราต้องส่งโนติสไป เมื่อเห็นว่าเราไม่ยอมเลิกสัญญา เขาขู่ว่าจะฟ้องว่าทางเราคุกคามทางเพศเขา แล้วก็ฟ้องจริงด้วย พอเราฟ้องเขา เขาก็มาฟ้องเรากลับเป็นคดีแพ่ง
เราได้ฟ้องคลาราแล้ว ตอนนี้เขากำลังถูกสอบสวนอยู่ พ่อของเขาก็ถูกฟ้องฐานเป็นตัวการร่วม ถ้าที่เขาอ้างเป็นความจริง ทำไมไม่ฟ้องเป็นคดีอาญาไปเลย นั่นก็เพราะถ้าพูดเท็จในคดีอาญาอาจโดนคดีได้ เขาเลยเลือกจะฟ้องเป็นคดีแพ่งแทน (อันนี้ไม่น่าจะจริง โจทก์หรือจำเลย จะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง ไม่ว่าจะคดีอาญาหรือคดีแพ่ง) ข้อกล่าวหาที่ว่าถูกคุกคามทางเพศนั้นไม่เป็นความจริงเลย นี่เป็นการกระทำที่ร้ายแรงมากต่อประธานที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ
ก่อนหน้านี้ทางเราได้ส่งโนติสให้คลาราปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ก็จ่ายค่าปรับมา หลังจากที่ได้รับโนติส เขากล่าวว่าเขาต้องการเลิกสัญญาด้วยเหตุว่าถูกคุกคามทางเพศ ถ้าเราไม่ทำตาม เขาจะแจ้งตำรวจ
เราได้บอกให้คลาราขอโทษเราจากการข่มขู่เราด้วยเรื่องที่ไม่เป็นความจริง คลาราได้มาที่บริษัท และบอกว่าเรื่องคุกคามทางเพศไม่เป็นความจริง เขากุมันขึ้นมาเพื่อจะเลิกสัญญา และขอให้เรายกโทษให้ด้วยน้ำตา
ด้วยเห็นแก่อนาคตและการงานของเธอ ที่ผ่านมาเราเลยปิดเรื่องนี้เอาไว้และหวังว่าคลาราจะขอโทษเราอย่างเป็นทางการและทำงานตามสัญญาต่อไป แต่แล้วเขากลับมาฟ้องเราและเผยแพร่ข้อมูลต่าสาธารณชน เราจึงจำเป็นต้องเปิดเผยความจริงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทและศิลปินในสังกัดคนอื่นๆ"
ทางทนายของคลาราโต้กลับว่า
"เราฟ้องเป็นคดีแพ่งเพราะคดีอาญา แม้ข้อความที่น่าอับอายเหล่านั้นได้ส่งมาจริงก็ยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีก และคลาราเองก็ไม่ได้ต้องการจะฟ้องเป็นคดีอาญา (ในคดีอาญา ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยผิดเมื่อ "ปราศจากข้อสงสัย" ส่วนในคดีแพ่ง เพียงแค่ "มีเหตุอันควรเชื่อได้" ก็เพียงพอแล้วที่จะพิพากษาให้จำเลยผิด การพิสูจน์ว่าจำเลยผิดในคดีอาญาจึงยากกว่าในคดีแพ่ง)
ต่อให้อีกฝ่ายผิดแค่ไหน การฟ้องคดีอาญาไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับดารา ด้วยความที่เป็นดาราการดำเนินคดีไปแบบเงียบๆย่อมจะดีกว่าเพราะเมื่อเรื่องราวส่วนตัวต่างๆถูกตีแผ่ออกมาในศาลฝ่ายดาราย่อมได้รับผลกระทบมากกว่า
ข้อกล่าวอ้างของโพลาริสว่าคลาราได้ขอโทษและยอมรับว่าเธอกุเรื่องถูกคุกคามทางเพศขึ้นมาก็เป็นการบิดเบือนความจริง
ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๐๑๔ บิดาของคลาราได้ส่งจดหมายแจ้งว่าต้องการเลิกสัญญาเนื่องจากผู้บริหารบริษัทกล่าวข้อความที่ไม่เหมาะสม ทนายของบริษัทกล่าวต่อบิดาของคลาราว่า "ก่อนอื่น คุณต้องขอโทษเราที่มาขอเลิกสัญญาเอาข้างเดียวแบบนี้โดยไม่จ่ายค่าปรับและขู่ว่าจะแจ้งความกับผู้บริหารของเรา จากนั้นเราถึงจะยอมเจรจาเรื่องการเลิกสัญญาและค่าปรับ" ข้อความนี้ส่งมาผ่านทาง kakaotalk และเรามีเก็บไว้เป็นหลักฐาน
คลาราจึงคิดว่าจะขอโทษผู้บริหารของโพลาริสเพื่อให้ฝ่ายนั้นเลิกสัญญาและได้ไปพบกับผู้บริหารของบริษัทที่สำนักงานกฎหมายและทำตามทุกอย่างที่ทนายของบริษัทบอกให้ทำและขอโทษ อย่างไรก็ดี ทางโพลาริสได้บันทึกการสนทนาครั้งนี้ไว้และส่งให้แก่ตำรวจพร้อมกับฟ้องคดีอาญาต่อคลารา กล่าวหาว่าเธอต้องการจะเลิกสัญญาโดยไม่จ่ายค่าปรับและข่มขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารของบริษัท คดีอาญานี้ส่งฟ้องหลังจากที่ได้คลาราทำตามที่ทนายของโพลาริสบอกให้เธอทำ
ระหว่างการสอบปากคำ คลาราจึงได้บอกแก่ตำรวจว่า เธอเพียงทำตามที่ทนายของโพลาริสบอกให้ทำและขอโทษเพราะเธอเข้าใจว่าทางบริษัทจะยอมเลิกสัญญาถ้าเธอทำเช่นนั้น เธอถูกคุกคามทางเพศจริง และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการเลิกสัญญา เธอได้แสดงข้อความที่ส่งผ่าน kakaotalk หลายข้อความต่อตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน"
ทางโพลาริสตอบโต้ว่า "เราประสงค์จะเปิดเผยข้อความที่คลาราและประธานส่งถึงกันซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้ รวมถึงเนื้อหาของสัญญาทั้งหมด ทว่าการกระทำเช่นนั้นอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทเนื่องจากเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เราจึงขอความเห็นชอบจากคลาราเพื่อจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชน"
http://www.allkpop.com/article/2015/01/polaris-entertainment-says-clara-had-previously-admitted-to-them-that-she-lied-about-sexual-harassment-in-order-to-get-out-of-her-contract
http://www.allkpop.com/article/2015/01/claras-side-speaks-up-in-more-detail-about-the-sexual-harassment-case-against-polaris-entertainment
http://www.allkpop.com/article/2015/01/polaris-entertainment-fires-back-at-clara-by-revealing-their-willingness-to-publicly-release-kakaotalk-messages-and-contract