สวัสดีครับ ที่ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่ออยากเลาเรื่องราวของเด็กซิ่วคนนึง เผื่อเป็นแนวทางให้ใครที่กำลังคิดจะซิ่วในเร็ววันนี้
ผมได้เจอหลากหลายเหตุการณ์ หลังจากผมได้เรียนมา1เทอมในฐานะเด็กซิ่วแล้ว มีเรื่งอยากเล่าสู่กันฟังหน่อยนึง
"สาเหตุที่ซิ่ว"
.....สาเหตุที่ผมซิ่วนั้น มีหลากหลายองค์ประกอบ รวมตัวกันจนเป็นคำตอบออกมาว่า "เออ...ต้องซิ่วแล้วหว่ะ"
สาเหตุแรกคือ ดันไปเรียนผิดทางที่ชอบ ตอนแรกก็เล่นไปเรื่อยครับ แล้วดันยื่นคะแนนติดเลย เอาว่ะ เอาไว้ก่อน ขี้เกรียจสอบ
แต่พอได้ไปเรียนจริงๆ แม่เจ้า!! มันยากเกินไป พอยากแล้วทำให้ไม่อยากเรียน และสุดท้ายก็ไม่ไปเรียนในที่สุด
อย่างที่2 ทางบ้านผมมีแค่ แม่-ผม เราก็ห่วงแม่ หาเรื่องกลับบ้านทุกอาทิตย์แต่เดินทางข้ามจังหวัดมันเหนื่อยจริงๆ เลยเป็นอีกส่วนให้อยากซิ่ว
อย่างที่3 ในตอนนั้นเราเป็นคนที่ค่อนข้างเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เพื่อนมีเรื่องก็ไป สุดท้ายก็มีเรื่องมีด เรื่องปืนเข้ามา ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรครับ
แต่พอเห็นน้ำตาแม่ มันแทงหัวใจจริงๆ เลยยอมถอยมา เพื่อให้ทางบ้านสบายใจ ทั้งหมดนี่ก็เป็นสาเหตุหลักในการวางแผนซิ่วของผม
"การเตียมตัว เป็นเด็กซิ่ว"
.....การเตรียมตัวของผมเรื่องต้นตอนเทอม2 คือ ไม่ไปเรียนเลยตื่นก็มาอ่าน GAT PAT แต่ก็ไม่ได้จริงจังทำไปเรื่อย ผิดซะส่วนมาก
แต่ที่ทำตอนนั้นคือผมอยากอยู่กับเพื่อนให้มากที่สุดเพราะรู้ว่าอีกไม่นานก็คงไม่ได้เจอกันทุกวันแล้ว แล้วเพื่อนกลุ่มนี้
เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เลยใช้ชีวิตเต็มที่เลย เที่ยวกับเพื่อน กินกับเพื่อน ไปไหนไปหมด วันที่มาทำเรื่องลาออกนี่น้ำตาไหลเลย
ที่นี่ก็กลับมาบ้าน ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเลยครับ ตอนนั้นมีเวลาประมาณ2เดือนกว่า อ่านเฉพาะ GATเลย เพราะคณะที่จะสอบเข้า
ใช้แต่คะแนนGAT มุ่งมาคะแนนทางนี้เลย
"รู้ได้ไงว่าชอบเรียนอะไร"
......ในตอนแรกเริ่มจะเป็นเฟรชชี่ไม่รู้ครับ ช่วงแรกนี่ไปสอบสถาปัตย์ที่ ศิลปากรเลย แล้วก็ที่ ม.เกษตร ไม่เจียมครับตอนนั้น คิดถ้าเก่งจริงก็ติดอยู่แล้ว
แต่พอไปเจอของจริง แต่ละคนที่เหมือนเกิดมาเพื่อเป็น สถาปนิก สุดท้ายก็ไม่ได้ 555555 แล้วอีกอย่างชอบคอมครับ แต่ในด้าน ฮาร์ดแวร์นะ
ส่วน ซอฟแวร์นี่งูๆปลาๆ ไม่ได้เก่งมากมาย แล้วตอนที่ยื่นคะแนนครั้งแรกแต่สาขา ICM (การจัดการสาระสนเทศ) คิดเลยเอาว้ะ!! ทางนี้แหละ
แต่พอเข้าจริงๆ นี่เขียนโปรแกรมนู้นนี่นั้น ไหนจะต้องเรียนพวกวิชาคำนวณการบัญชี ซึ่งมันไม่ใช่เลย ที่นี่พอคิดจะซิ่วและกลับมาบ้าน
ก็คิดว่าเราชอบอะไร วันนึงช่วงนั้นการเมืองนี่ดุเดือด เพื่อนก็เอาเรื่องที่ฟังข่าวมาพูดกัน แต่เรากลับมองอีกแบบ ซึ่งไม่ได้เข้ากับฝ่ายไหน
เลยสะดุดนหัวว่า หรือเรามาทางนี้ว้ะ พอนึกย้อนไปเราจะขัดใจที่ฟังข่าวเกี่ยวกับการเมืองที่บางครั้งไม่เป็นธรรม แล้วอีกตัวบ่งชี้นึง
คือลองเปิดรายการ "เจาะข่าวตื้น"ให้เพื่อนฟังเพราะเราว่ามันเข้าใจง่าย ดูเฮฮา แต่เปิดได้10น่ทีเพื่อนเดินมาปิด
แล้วบอกว่า "คุณฟังตัวเงินตัวทองอะไรหรือครับ หมี่แห้งเครียดสัตว์ สัตว์ ปิดเลยนะ คุณอหิวาห์" แต่ทำไมเราฟังแล้วเพลินอ่ะ
ฟังตั้งแต่EP1 มาตลอดและรายการการเมืองหลายๆสื่อ เลยสรุปได้ว่า "เาน่าจะเรียนสาย การเมืองนะ ซึ่งคือ รัฐศาสตร์"
"เลือกที่เรียนยังไง"
.....บ้านผมอยู่สงขลาครับ สถานที่ เรียนที่ใกล้บ้านและมีวิชาที่ชอบก็มี ม.ทักษิณ กับ มอ.(สงขลานคริทร์) ตอนนั้นคิดสั้นเลยว่า2ที่ไม่ต่างกันเลย
แค่เพื่อนอยู่ มอ.มากกว่า เลยเรียน มอ.แต่ด้วยคะแนนที่สูง(สำหรับผม) เลยฟิตเต็มที่ แม่ถึงกับตกใจบอกว่า ตั้ง18ปีผ่านมานี่ครั้งแรกที่ลูกตั้งใจอ่านหนังสือ
ก็จริงครั้งนี่คือครั้งแรกจริงๆที่ทุ่มเทเต็มที่ก็หลังชนฝาแล้วหนิ แต่ผมลัพธ์ก็ออกมาตามความพยายาม ผมก็สามารถเข้าตามที่อยากได้(ด้วยความพยายามสุดแรงตีนถีบ)
"เป็นเด็กซิ่วแล้วมันยังไง"
.....ไม่ยังไงหรอกครับ ก็เป็น นศ.ปี1เหมือนกันแต่ ที่อยากบอกคือแอ๊บเถอะครับ เข้าร่วมกิจกรรมตามที่เขาบอก ผมนี่พลาดอย่างนึงคือไม่ได้เข้ากิจกรรม
อะไรเท่าไหร่ รับน้อง กีฬานู้นนี่นั้นก็ไม่ได้ไป ทำให้เสียประโยชน์ไปเยอะเลย คือไม่ค่อยรู้จักใครเพราะผมอยู่หอนอกด้วย ก็คือถ้าไม่มีเรียน
ก็ไม่เจอใครเรียนที่เรียนสาขาเดียวกัน พอวันไหนไม่ได้เข้าเรียน จะถามใครก็ยากครับเพราะที่รู้จักก็น้องจาก รร.เก่า แต่ก็ไม่สนิทเพราะไม่ได้อยู่หอเดียวกัน
กิจกรรมก็ไม่ได้เข้าร่วม ทำให้เรียนแบบลำบาก จะว่าเรียนคนเดียวก็ไม่ได้ผิดไปเท่าไหร่ วันไหนที่วิชาที่ไม่ได้เรียนรวมเนี้ย เขินตลอด
ไม่รู้จะหัน จะคุยกับใคร แล้วไหนจะข่าวสารที่มันไม่ได้แจ้งหรือแจ้งกันในกลุ่ม เลยแนะนำว่าให้แอ๊บ ทำตัวประหนึ่งเข้า มหาลัยเป็นครั้งแรก
เพราะเรามีประสบการณ์มาแล้ว ยังไงกแนะนำน้องๆได้ เพื่อนก็จะได้มีเยอะแยะ ไม่ลำบาก โดดเดี่ยว เดียวดายแบบผม 55555
"ก็หวังว่าสิ่งที่เขียนจะเป็นสิ่งหนึ่งในการตัดสินใจให้ใครหลายๆคนได้นะครับ ขอให้โชคดีเด็กซิ่วปี58 นะครับ"
PS. มีอะไรก็ลองถามได้เผื่อผมพอจะแนะนำได้นะครับ
เด็กซิ่วที่ผ่านมา1เทอม มีเรื่องอยากเล่าและบอกคนที่กำลังคิดจะซิ่ว
ผมได้เจอหลากหลายเหตุการณ์ หลังจากผมได้เรียนมา1เทอมในฐานะเด็กซิ่วแล้ว มีเรื่งอยากเล่าสู่กันฟังหน่อยนึง
"สาเหตุที่ซิ่ว"
.....สาเหตุที่ผมซิ่วนั้น มีหลากหลายองค์ประกอบ รวมตัวกันจนเป็นคำตอบออกมาว่า "เออ...ต้องซิ่วแล้วหว่ะ"
สาเหตุแรกคือ ดันไปเรียนผิดทางที่ชอบ ตอนแรกก็เล่นไปเรื่อยครับ แล้วดันยื่นคะแนนติดเลย เอาว่ะ เอาไว้ก่อน ขี้เกรียจสอบ
แต่พอได้ไปเรียนจริงๆ แม่เจ้า!! มันยากเกินไป พอยากแล้วทำให้ไม่อยากเรียน และสุดท้ายก็ไม่ไปเรียนในที่สุด
อย่างที่2 ทางบ้านผมมีแค่ แม่-ผม เราก็ห่วงแม่ หาเรื่องกลับบ้านทุกอาทิตย์แต่เดินทางข้ามจังหวัดมันเหนื่อยจริงๆ เลยเป็นอีกส่วนให้อยากซิ่ว
อย่างที่3 ในตอนนั้นเราเป็นคนที่ค่อนข้างเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เพื่อนมีเรื่องก็ไป สุดท้ายก็มีเรื่องมีด เรื่องปืนเข้ามา ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรครับ
แต่พอเห็นน้ำตาแม่ มันแทงหัวใจจริงๆ เลยยอมถอยมา เพื่อให้ทางบ้านสบายใจ ทั้งหมดนี่ก็เป็นสาเหตุหลักในการวางแผนซิ่วของผม
"การเตียมตัว เป็นเด็กซิ่ว"
.....การเตรียมตัวของผมเรื่องต้นตอนเทอม2 คือ ไม่ไปเรียนเลยตื่นก็มาอ่าน GAT PAT แต่ก็ไม่ได้จริงจังทำไปเรื่อย ผิดซะส่วนมาก
แต่ที่ทำตอนนั้นคือผมอยากอยู่กับเพื่อนให้มากที่สุดเพราะรู้ว่าอีกไม่นานก็คงไม่ได้เจอกันทุกวันแล้ว แล้วเพื่อนกลุ่มนี้
เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เลยใช้ชีวิตเต็มที่เลย เที่ยวกับเพื่อน กินกับเพื่อน ไปไหนไปหมด วันที่มาทำเรื่องลาออกนี่น้ำตาไหลเลย
ที่นี่ก็กลับมาบ้าน ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเลยครับ ตอนนั้นมีเวลาประมาณ2เดือนกว่า อ่านเฉพาะ GATเลย เพราะคณะที่จะสอบเข้า
ใช้แต่คะแนนGAT มุ่งมาคะแนนทางนี้เลย
"รู้ได้ไงว่าชอบเรียนอะไร"
......ในตอนแรกเริ่มจะเป็นเฟรชชี่ไม่รู้ครับ ช่วงแรกนี่ไปสอบสถาปัตย์ที่ ศิลปากรเลย แล้วก็ที่ ม.เกษตร ไม่เจียมครับตอนนั้น คิดถ้าเก่งจริงก็ติดอยู่แล้ว
แต่พอไปเจอของจริง แต่ละคนที่เหมือนเกิดมาเพื่อเป็น สถาปนิก สุดท้ายก็ไม่ได้ 555555 แล้วอีกอย่างชอบคอมครับ แต่ในด้าน ฮาร์ดแวร์นะ
ส่วน ซอฟแวร์นี่งูๆปลาๆ ไม่ได้เก่งมากมาย แล้วตอนที่ยื่นคะแนนครั้งแรกแต่สาขา ICM (การจัดการสาระสนเทศ) คิดเลยเอาว้ะ!! ทางนี้แหละ
แต่พอเข้าจริงๆ นี่เขียนโปรแกรมนู้นนี่นั้น ไหนจะต้องเรียนพวกวิชาคำนวณการบัญชี ซึ่งมันไม่ใช่เลย ที่นี่พอคิดจะซิ่วและกลับมาบ้าน
ก็คิดว่าเราชอบอะไร วันนึงช่วงนั้นการเมืองนี่ดุเดือด เพื่อนก็เอาเรื่องที่ฟังข่าวมาพูดกัน แต่เรากลับมองอีกแบบ ซึ่งไม่ได้เข้ากับฝ่ายไหน
เลยสะดุดนหัวว่า หรือเรามาทางนี้ว้ะ พอนึกย้อนไปเราจะขัดใจที่ฟังข่าวเกี่ยวกับการเมืองที่บางครั้งไม่เป็นธรรม แล้วอีกตัวบ่งชี้นึง
คือลองเปิดรายการ "เจาะข่าวตื้น"ให้เพื่อนฟังเพราะเราว่ามันเข้าใจง่าย ดูเฮฮา แต่เปิดได้10น่ทีเพื่อนเดินมาปิด
แล้วบอกว่า "คุณฟังตัวเงินตัวทองอะไรหรือครับ หมี่แห้งเครียดสัตว์ สัตว์ ปิดเลยนะ คุณอหิวาห์" แต่ทำไมเราฟังแล้วเพลินอ่ะ
ฟังตั้งแต่EP1 มาตลอดและรายการการเมืองหลายๆสื่อ เลยสรุปได้ว่า "เาน่าจะเรียนสาย การเมืองนะ ซึ่งคือ รัฐศาสตร์"
"เลือกที่เรียนยังไง"
.....บ้านผมอยู่สงขลาครับ สถานที่ เรียนที่ใกล้บ้านและมีวิชาที่ชอบก็มี ม.ทักษิณ กับ มอ.(สงขลานคริทร์) ตอนนั้นคิดสั้นเลยว่า2ที่ไม่ต่างกันเลย
แค่เพื่อนอยู่ มอ.มากกว่า เลยเรียน มอ.แต่ด้วยคะแนนที่สูง(สำหรับผม) เลยฟิตเต็มที่ แม่ถึงกับตกใจบอกว่า ตั้ง18ปีผ่านมานี่ครั้งแรกที่ลูกตั้งใจอ่านหนังสือ
ก็จริงครั้งนี่คือครั้งแรกจริงๆที่ทุ่มเทเต็มที่ก็หลังชนฝาแล้วหนิ แต่ผมลัพธ์ก็ออกมาตามความพยายาม ผมก็สามารถเข้าตามที่อยากได้(ด้วยความพยายามสุดแรงตีนถีบ)
"เป็นเด็กซิ่วแล้วมันยังไง"
.....ไม่ยังไงหรอกครับ ก็เป็น นศ.ปี1เหมือนกันแต่ ที่อยากบอกคือแอ๊บเถอะครับ เข้าร่วมกิจกรรมตามที่เขาบอก ผมนี่พลาดอย่างนึงคือไม่ได้เข้ากิจกรรม
อะไรเท่าไหร่ รับน้อง กีฬานู้นนี่นั้นก็ไม่ได้ไป ทำให้เสียประโยชน์ไปเยอะเลย คือไม่ค่อยรู้จักใครเพราะผมอยู่หอนอกด้วย ก็คือถ้าไม่มีเรียน
ก็ไม่เจอใครเรียนที่เรียนสาขาเดียวกัน พอวันไหนไม่ได้เข้าเรียน จะถามใครก็ยากครับเพราะที่รู้จักก็น้องจาก รร.เก่า แต่ก็ไม่สนิทเพราะไม่ได้อยู่หอเดียวกัน
กิจกรรมก็ไม่ได้เข้าร่วม ทำให้เรียนแบบลำบาก จะว่าเรียนคนเดียวก็ไม่ได้ผิดไปเท่าไหร่ วันไหนที่วิชาที่ไม่ได้เรียนรวมเนี้ย เขินตลอด
ไม่รู้จะหัน จะคุยกับใคร แล้วไหนจะข่าวสารที่มันไม่ได้แจ้งหรือแจ้งกันในกลุ่ม เลยแนะนำว่าให้แอ๊บ ทำตัวประหนึ่งเข้า มหาลัยเป็นครั้งแรก
เพราะเรามีประสบการณ์มาแล้ว ยังไงกแนะนำน้องๆได้ เพื่อนก็จะได้มีเยอะแยะ ไม่ลำบาก โดดเดี่ยว เดียวดายแบบผม 55555
"ก็หวังว่าสิ่งที่เขียนจะเป็นสิ่งหนึ่งในการตัดสินใจให้ใครหลายๆคนได้นะครับ ขอให้โชคดีเด็กซิ่วปี58 นะครับ"
PS. มีอะไรก็ลองถามได้เผื่อผมพอจะแนะนำได้นะครับ