อันนี้เป็นความเดือดร้อนทางอ้อมของผมเลยมาสอบถามเผื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาในอนาคตครับ
ผมเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพนักงานขับรถที่คอยส่งพนักงานขับรถให้ผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งมีเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดเลยมาสอบถามครับ
เรื่องมีอยู่ว่าพนักงานขับรถในสังกัดของผมคนหนึ่ง ขอเรียกย่อๆว่านาย ว นะครับ
เหตุการณ์เกิดเมื่อประมาณสี่ทุ่มนะครับ
นาย ว แกนัดเพื่อนคนหนึ่งมากินเหล้า และพอกินเสร็จก็จะออกไปส่งเพื่อนที่ปากซอยด้วยรถมอเตอรไซเพื่อให้เพื่อนนั่งแท้กซี่กลับบ้าน แต่เผอิญว่าตรงปากซอยมีตำรวจ สถานี ต. ตั้งด่าน และนาย ว โดนจับเป่าแอลกฮอลล์ ผลออกมาได้ ๗๐ ซึ่งเกินกำหนดความปลอดภัย เจ้าตัวรับสารภาพโดยดีว่ากินเบียก่อนออกมา
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า หลังจากเป่าเสร็จ ในด่านนั้นมีตำรวจประมาณ สามคน เขาได้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งนายเข้ามาตรวจค้นล้วงกระเป๋า และหยิบกระเป๋าสตางกับโทรศัพท์มือถือไปโดยอ้างว่า เอาไว้เป็นของกลาง และที่ตรวจล้วงกระเป๋าเพื่อตรวจหายาเสพติด
ซึ่งหลังจากโดนยึดมือถือไป ทางตำรวจได้ส่งนาย ว ไปฝากขังไว้ และทางนาย ว ได้สอบถามก่อนว่า ขอโทรศัพท์ไปบอกที่ทำงาน หรือ ผู้ดูแลก่อนได้มั้ย เพราะพรุ่งงนี้เขามีรับนายต่างชาติ ถ้าไปสายจะมีปัญหา ซึ่งทางตำรวจที่ยึดไม่ยอมให้โทรศัพท์ โดยอ้างว่า เป็นของกลาง เด๋วเส็ดจากตั้งด่านจะกลับไปคืนให้ที่ฝากขัง
ผลปรากฏว่าหลังจากนาย ว อยู่ห้องขัง เวลาผ่านไปนานมากกกกก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเอาโทรศัพท์มาคืน จนกระทั่งมีตำรวจคนหนึ่งแวะมาแถวห้องขัง นาย ว ถามว่า ตำรวจคนที่เอามือถือไป เขาจะเอามาคืนเมื่อไร ปรากฏว่าตำรวจบอกว่า อ๋อ ถ้าเป็นคนนั้น เขาออกเวรกลับบ้านไปแล้ว ให้รอเอาอีกทีวันพรุ่งนี้ ตอนกลางวัน
งานนี้ก็เลยเป็นเรื่องกระทบถึงผม เพราะในวันถัดมา นายโทรมาแจ้งว่าคนขับไม่ไปรับ และผมก็ไม่สามารถติดต่อคนขับได้ เนื่องจากโดนปิดเครื่อง และทางนาย ว ก็ไม่สามารถติดต่อผมไดเเช่นกันเพราะเบอร์ติดต่อสำคัญอยู่ในกระเป่าสตางกับโทรศัพท์หมด ผลลัพธ์คือ เมื่อวานนี้ผมไม่สามารถส่งคนขับไปดำเนินการแทนได้ เพราะนายโทรมาหาผมตอน๙โมง และบอกให้ส่งคนขับมาแทนให้ทันในเก้าโมงครึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะ ออฟฟิศผมอยู่แถวราม ในขณะที่บ้านนายอยู่ซอยสามัคคี นิชดาธานี แม้ว่าผมจะขอเวลาเขาให้เป็นสิบครึ่ง เขาก็ไม่ยอม และบอกให้นายนั่งแท้กซี่ไปก่อนโดยบริษัทพร้อมจะจ่ายค่าเดินทางชดใช้คืนให้ทีหลัง เขาก็ไม่รับฟัง สวนกลับมาว่า คุณคิดว่าการจ่ายเงินให้ผมนั่งแท้กซี่เองเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหรอ
ทางผู้บริหารได้บอกว่า บริษัทผมขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้เขาไม่ไว้วางใจในการจ้างบริการผม และจะเล็งยกเลิกสัญญาใช้บริการในอนาคต
คำถามผมมีอยู่ว่า
๑.ตำรวจมีอำนาจในการยึดกุญแจรถ กระเป่าสตางค์ มือถือได้หรือไม่ ถ้าโดนข้อหาเมาแล้วขับ
๒.สมมติว่าทำได้ เหตุผลที่ต้องยึดมือถือคืออะไร เพราะมือถือคนขับทีใช้ก็แค่ซัมซุงฮีโร่ธรรมดา ไม่มีลูกเล่นอะไรมาก จะบอกว่าเป็นของกลางหลักฐาน คือโดนเป่าแอลกฮอลก็ผิดอยู่แล้ว เขาจะยึดมือถือไปเพื่ออะไร
๓.ถ้ายึดมือถือไม่ได้ ผิดกฏหมาย ผมสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้ตำรวจชดใช้ได้หรือไม่
๔.กรณีโดนจับเป่าแอลกฮฮล์ข้อหาเมาแล้วขับ ถ้าสมมติผิดจริง ตำรวจมีอำนาจสามารถทำอะไรกับเราได้บ้าง และเราสามารถบอกกับตำรวจแบบไหน เพื่อขอโทรศัพท์คืนถึงจะดีที่สุดครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ
โดนด่านตำรวจจับข้อหาเมาแล้วขับ ตำรวจมีอำนาจในการยึดกุญแจรถ กระเป่าสตางค์ มือถือได้หรือไม่
ผมเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพนักงานขับรถที่คอยส่งพนักงานขับรถให้ผู้บริหารชาวต่างชาติ ซึ่งมีเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดเลยมาสอบถามครับ
เรื่องมีอยู่ว่าพนักงานขับรถในสังกัดของผมคนหนึ่ง ขอเรียกย่อๆว่านาย ว นะครับ
เหตุการณ์เกิดเมื่อประมาณสี่ทุ่มนะครับ
นาย ว แกนัดเพื่อนคนหนึ่งมากินเหล้า และพอกินเสร็จก็จะออกไปส่งเพื่อนที่ปากซอยด้วยรถมอเตอรไซเพื่อให้เพื่อนนั่งแท้กซี่กลับบ้าน แต่เผอิญว่าตรงปากซอยมีตำรวจ สถานี ต. ตั้งด่าน และนาย ว โดนจับเป่าแอลกฮอลล์ ผลออกมาได้ ๗๐ ซึ่งเกินกำหนดความปลอดภัย เจ้าตัวรับสารภาพโดยดีว่ากินเบียก่อนออกมา
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า หลังจากเป่าเสร็จ ในด่านนั้นมีตำรวจประมาณ สามคน เขาได้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งนายเข้ามาตรวจค้นล้วงกระเป๋า และหยิบกระเป๋าสตางกับโทรศัพท์มือถือไปโดยอ้างว่า เอาไว้เป็นของกลาง และที่ตรวจล้วงกระเป๋าเพื่อตรวจหายาเสพติด
ซึ่งหลังจากโดนยึดมือถือไป ทางตำรวจได้ส่งนาย ว ไปฝากขังไว้ และทางนาย ว ได้สอบถามก่อนว่า ขอโทรศัพท์ไปบอกที่ทำงาน หรือ ผู้ดูแลก่อนได้มั้ย เพราะพรุ่งงนี้เขามีรับนายต่างชาติ ถ้าไปสายจะมีปัญหา ซึ่งทางตำรวจที่ยึดไม่ยอมให้โทรศัพท์ โดยอ้างว่า เป็นของกลาง เด๋วเส็ดจากตั้งด่านจะกลับไปคืนให้ที่ฝากขัง
ผลปรากฏว่าหลังจากนาย ว อยู่ห้องขัง เวลาผ่านไปนานมากกกกก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเอาโทรศัพท์มาคืน จนกระทั่งมีตำรวจคนหนึ่งแวะมาแถวห้องขัง นาย ว ถามว่า ตำรวจคนที่เอามือถือไป เขาจะเอามาคืนเมื่อไร ปรากฏว่าตำรวจบอกว่า อ๋อ ถ้าเป็นคนนั้น เขาออกเวรกลับบ้านไปแล้ว ให้รอเอาอีกทีวันพรุ่งนี้ ตอนกลางวัน
งานนี้ก็เลยเป็นเรื่องกระทบถึงผม เพราะในวันถัดมา นายโทรมาแจ้งว่าคนขับไม่ไปรับ และผมก็ไม่สามารถติดต่อคนขับได้ เนื่องจากโดนปิดเครื่อง และทางนาย ว ก็ไม่สามารถติดต่อผมไดเเช่นกันเพราะเบอร์ติดต่อสำคัญอยู่ในกระเป่าสตางกับโทรศัพท์หมด ผลลัพธ์คือ เมื่อวานนี้ผมไม่สามารถส่งคนขับไปดำเนินการแทนได้ เพราะนายโทรมาหาผมตอน๙โมง และบอกให้ส่งคนขับมาแทนให้ทันในเก้าโมงครึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะ ออฟฟิศผมอยู่แถวราม ในขณะที่บ้านนายอยู่ซอยสามัคคี นิชดาธานี แม้ว่าผมจะขอเวลาเขาให้เป็นสิบครึ่ง เขาก็ไม่ยอม และบอกให้นายนั่งแท้กซี่ไปก่อนโดยบริษัทพร้อมจะจ่ายค่าเดินทางชดใช้คืนให้ทีหลัง เขาก็ไม่รับฟัง สวนกลับมาว่า คุณคิดว่าการจ่ายเงินให้ผมนั่งแท้กซี่เองเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหรอ
ทางผู้บริหารได้บอกว่า บริษัทผมขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้เขาไม่ไว้วางใจในการจ้างบริการผม และจะเล็งยกเลิกสัญญาใช้บริการในอนาคต
คำถามผมมีอยู่ว่า
๑.ตำรวจมีอำนาจในการยึดกุญแจรถ กระเป่าสตางค์ มือถือได้หรือไม่ ถ้าโดนข้อหาเมาแล้วขับ
๒.สมมติว่าทำได้ เหตุผลที่ต้องยึดมือถือคืออะไร เพราะมือถือคนขับทีใช้ก็แค่ซัมซุงฮีโร่ธรรมดา ไม่มีลูกเล่นอะไรมาก จะบอกว่าเป็นของกลางหลักฐาน คือโดนเป่าแอลกฮอลก็ผิดอยู่แล้ว เขาจะยึดมือถือไปเพื่ออะไร
๓.ถ้ายึดมือถือไม่ได้ ผิดกฏหมาย ผมสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้ตำรวจชดใช้ได้หรือไม่
๔.กรณีโดนจับเป่าแอลกฮฮล์ข้อหาเมาแล้วขับ ถ้าสมมติผิดจริง ตำรวจมีอำนาจสามารถทำอะไรกับเราได้บ้าง และเราสามารถบอกกับตำรวจแบบไหน เพื่อขอโทรศัพท์คืนถึงจะดีที่สุดครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ