อย่างนี้เขาเรียกว่าจีบหรือเปล่าค่ะ

กระทู้คำถาม
เราไม่เคยรู้จักคนนี้เป็นการส่วนตัวหรอก เพียงแต่เห็นผ่านๆ พี่เขาน่ารักดีเราแอบชอบพี่เขามาตั้งแต่ ม.ปลายแล้ว แต่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันนะ พอฉันจบจาก ม.ปลาย ฉันก็ได้ย้ายไปเรียนมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง พอเรียนมหาลัยฉันก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน กลับก็เดือนละครั้ง ฉันก็เลยไม่ค่อยเห็นหน้าพี่เขาเลย พูดง่ายๆก็คือ ต่างคนต่างอยู่มากกว่า แต่นานๆทีถึงจะเจอ เจอดีก็ยิ้มไปดิ 555 แล้วคราวนี้ด้วยความที่น้องชายของฉันเรียนมัธยมแล้ว ทางบ้านจึงต้องติดเน็ตเพื่อเอาไว้ใช้งาน แต่เน็คค่อนข้างจะมีปัญหาบ่อย ฉันจึงต้องดำเนินเรื่องโทรแจ้งอยู่ตลอด เวลาช่างมาซ่อมเน็ตฉันก็ไม่เคยได้อยู่บ้านเลยเพราะช่วงนั้นเรียนอยู่ จนมาในช่วงปิดเทอม เน็ตมีปัญหาจึงโทรไปแจ้ง แล้วสัก 1-2 วันทางบริษัทก็ได้เข้ามาซ่อม ฉันก็ไม่ได้อะไร ก็นั่งเล่นอยู่ในห้อง ก็มีรถมาจอด เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆอยู่แล้ว สักพักก็มีคนลงมา รู้แล้วแหละว่าเป็นช่างซ่อมเน็ต (เรียกกันอย่างนี้ป่าวอ่ะ) ก็เฉยๆ แล้วเดินไปเปิดประตู สักพักช่างก็เดินเข้ามา พอเราเห็นเท่านั้นแหละ อ้าว!!!!!!!!!!!!เฮ้ย พี่คนนั้นนี่หน่า ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว ทำงานทางด้านสายนี้แล้วหรอ ด้วยความที่ไม่เจอกันนาน ฉํนก็ไม่รู้ว่าพี่เขาอะไรยังไง ทำงานอะไร มาเจออีกทีก็คราวนี้แหละ พี่เขาเห็นเขาก็ตกใจ ว่า อ้าว!!!นี่เป็นบ้านของเราหรอ ฉันก็ทำตัวปรกติ สอบถามเกี่ยวกับเน็ตที่มีปัญหา แต่ถามว่ารู้สึกได้ไหมว่าพี่เขาก็แปลกๆนะ ก็รู้สึกได้นะว่าแปลกๆ แต่เราก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ก็คิดอยู่ว่าเป็นไปได้ยากมาก พอพี่เขาแก้ปัญหาเน็ตเสร็จเขาก็กลับ ก็ไม่ได้มีอะไร พอดีตอนเย็นของวันนี้มีงานกาชาดแล้วมีนักร้องที่พี่สาวฉันชื่นชอบมา ฉันจึงต้องไปเป็นเพื่อนพี่สาว เราก็ไปกันแต่ด้วยความที่เป็นลานเบียร์ ถ้าจะนั่งโต๊ะก็ต้องมีซื้ออาหารหรือสินค้าต่างๆมากิน แต่เรา 2 พี่น้องไม่ได้ซื้ออะไรก็เลยไม่ได้นั่งได้แต่ยืนดูตลอด มันไกลจากเวทีมากเราเลยขยับเข้าไปเรื่อยๆ แต่พอเดินเข้าไปจึงเห็นพี่คนนั้นเขามากับกลุ่มเพื่อนแล้วน้องๆของเขา แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมทั้งโต๊ะนั้นแหงะมามองหน้าเราเป็นตาเดียวกัน เราก็เฉยๆไม่ได้สนใจอะไรแล้วตอนนั้น เราก็ยืนดูปรกติ แต่รู้สึกว่ามีคนจ้องมองบ่อย ทุกครั้งที่เราแหงะไปจะจบตากับพี่เขาตลอด เราก็งง ว่าทำไมเขาถึงมองแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เวลาผ่านไปสักพักเขาเห็นฉันกับพี่สาวยืนดู พี่เขาเลยให้น้องโต๊เดียวกันเอาเก้าอี้มาให้ฉันกับพี่นั่ง ฉันก็เลยขอบคุณไป คคราวนี้โต๊ะที่พวกพี่เขานั่งเก้าอี้ก็ไม่พอนั่ง เราก็รู้สึกแย่นะที่ทำให้พวกเขาเก้าอี้ไม่พอนั่ง แต่ทำไงได้ก็ได้แต่ขอบคุณแล้วกันค่ะ ตอนเรานั่งดูอยู่ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนมองนะ แล้วแหงะไปก็เจอสายตาของพี่เขาตลอดเลย แล้วเขาก็ยิ้มๆให้ เราก็ยิ้มกลับ แล้วก็เฉยๆไม่ได้อะไร แต่กลุ่มๆน้องของพี่เขาสูบบุหรี่กันจัดมาก บอกตรงๆนะว่าเราเองเป็นคนที่แพ้ควันบุหรี่ จะกลิ่นแล้วจะหายใจไม่ออก ก็เลยเอาเสื้อปิดจมูกบ้าง ลุกออกไปตรงอื่นบ้าง พี่เขาคงเห็นแหละ เขาเลยสกิดบอกน้องๆกลุ่มนั้น แล้วสักพักทั้งโต๊ะนั้นก็หันมามองเราพร้อมกัน เราก็ไม่ได้อะไรก็เหม็นจริงๆนิ น้องกลุ่มที่สูบบุหรี่จากที่สูบตรงนั้นก็เดินออกไปสูบข้างนอกบ้างมุดใต้โต๊ะสูบบ้าง แต่เราไม่เห็นพี่เขาสูบบุหรี่นะ เสร็จจากงานวันนั้นก็แยกย้ายกลับบ้าน ก็ไม่มีอะไรเลย ต่างคนต่างกลับ แต่พอมาเดือนมกราคมปี 58 เน็ตที่บ้านมีปัญหาอีกแล้ว เราก็ติดต่ออีก พี่เขามาซ่อม2-3 ครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่ได้อยู่บ้าน เพราะช่วงนั้นทำโปรเจ็คจบ แต่เน็ตก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันเรียนจบแล้ว ได้กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว พอพี่เขามาซ่อม เราเลยเจอกัน ก็พูดคุยธรรมดานะ แต่เห็นว่าพี่เขาแอบๆแซวรุ่นพี่ ผช ที่มาซ่อมด้วยกัน เราก็เฉยๆ เพราะคิดว่าเขาคงแซวตามประสาของ ผช แล้วก็ได้นั่งคุยเกี่ยวกับปัญหาของเน็ต จบบทสนทนา ฉันก็นนั่งเฉยๆรอพี่เขาซ่อมให้เสร็จ
สักพักพี่เขาก็พูดขึ้นมาว่า : "ถ้าวันอาทิตย์เน็ตมีปัญหาอะไรบอกผมก็ได้นะ บ้านผมอยู่แค่นี้เองเดี๋ยวผมมาดูให้"
ฉัน : แล้วจะให้อะไรยังไงค่ะ ไปบอกที่บ้านหรอ (แม่ของฉันรู้จักกับยายของพี่เขา ง่ายๆเลยแล้วกันเป็นคนอำเภอเดียวกัน)
พี่คนนั้น : เอาเบอร์ผมไว้แล้วกัน
    แล้วฉ้นก็จดเบอร์ไว้ ตั้งแต่วันที่พี่เขาซ่อมจนวันนี้ เน็ตไม่มีปัญหาเลยจ้า แต่ก็ดีเพราะเกรงใจพี่เขาเหมือนกัน แต่ที่ งง คือ พี่เขารู้จักชื่อเรา แต่บอกตรงๆนะว่า ขนาดเราแอบชอบพี่เขา เรายังไม่รู้จักชื่อเลย มารู้จักชื่อพี่เขาก็ตอนที่มาซ่อมเน็ตที่บ้านนี่แหละค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่