ใบหย่าปลอม.....พลิกชีวิต

กระทู้สนทนา
***เราขอแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต เพื่อที่ใช้เป็นข้อคิดหรือข้อเตือนใจสำหรับทุกคน***(ยาวหน่อยนะคะ)

เราได้มีโอกาสรู้จักกับ พ. ผู้ชายคนหนึ่งในที่ทำงานใหม่ผ่านการแนะนำจากเพื่อนร่วมงาน(เราทำOffice ส่วน พ. ทำอีกสาขาซึ่งไม่ไกลกันมากแต่เป็นบริษัทเดียวกัน) ตอนแรกที่เจอเราไม่ได้พูดคุยกันสักคำแค่มองหน้าและยิ้มให้  หลังจากนั้นเราได้มีโอกาสติดต่องานกันมากขึ้น พ. มักเข้ามาที่ Office เกือบทุกวัน ครั้งหนึ่ง พ.ได้ให้เราช่วยเป็นธุระในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับหน่วยงานที่ พ.ดูแลอยู่ (พ. รอรับอุปกรณ์อยู่)เราเองก็ไม่ได้สนใจอะไร พ. มากเพราะเรารับเรื่องแล้วจึงหันไปทักทายกับพี่อีกคนที่เพิ่งเดินผ่านมา แล้วเราก็มีแซวเล่นกันว่าขอเบิกถุงผ้าสีนี้ทำไมได้สีนี้ไม่เข้าใจหรอ(ถุงที่ตั้งใจจะใส่อุปกรณ์ให้ พ.) อยู่ๆ พ. ก็พูดขึ้นมาประมาณว่าอยากจะแซวเล่นบ้างแต่ใช้คำพูดที่ไม่ค่อยเข้าหูเราเท่าไหร่นัก เราเลยพูดไปว่างั้นธุระของพี่จะทำเองมั๊ยคะ หน้า พ. เปลี่ยนนิ่งไปเลย คืนนั้น พ. มีส่งข้อความมาหาเราประมาณว่าขอโทษที่พูดไม่ดีด้วย แต่ก็ต้องขอบใจที่ช่วยเป็นธุระให้พี่ เราก็ไม่ได้มีตอบอะไรกลับไป จนเช้าไปทำงานน้องที่แผนกเริ่มมีแซวประมาณว่าขายออกแล้ว มีคนให้มาถามกลับบ้านยังไง เราก็ไม่ได้ตอบอะไรไป พอเย็นเลิกงาน เรานั่งรอน้องอีกคนที่จะกลับบ้านด้วย มีพี่ต่างแผนกเดินมาชวนเราไปงานเลี้ยงส่งน้องในแผนกที่เราค่อนข้างสนิท แต่เราปฏิเสธเพราะว่าได้มีเลี้ยงภายในไปแล้ว อีกอย่างเราไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง พี่เขาก็พยายามคะยั้นคะยอที่จะให้เราไปให้ได้และบอกว่าเดี๋ยวให้ พ. ไปส่งก็ได้เพราะบ้านเรากับ พ. ไปทางเดียวกัน เราปฎิเสธอย่างเดียวเพราะเราไม่ได้สนิทกับ พ. จึงไม่กล้าที่จะไปไหนด้วย หลังจากวันนั้น พ. มักจะส่งข้อความมาหาเราตอนกลางคืนประมาณว่างานเยอะ ยังไม่ได้กลับบ้านเลย เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนที่ พ. จะโทรมาคุย แรกๆก็คุยเรื่องงาน ให้ช่วยดูโน่น ดูนี่ให้หน่อย หลังๆนี่ชวนมาทำงานพร้อมกันเพราะทางผ่าน 2 สัปดาห์แรกนี่เรากลัวมาก พ. มักจะโทรมาดักตอนเช้า ถามว่าอยู่ไหนกำลังจะถึงที่ๆเรายืนรอรถแล้ว ไปพร้อมกันนะเราปฎิเสธตลอดขึ้นรถแล้วบ้าง หรือจะถึงที่ทำงานแล้วบ้าง ผ่านไปประมาณเกือบ2 เดือนเราตัดสินใจลองคุยๆกับ พ. ดูเพราะมีเสียงเชียร์จากพี่ๆด้วยว่า ลองคุยๆดูไม่เห็นจะเป็นอะไร เท่าที่รู้จักกันมา พ. ก็เป็นคนดีระดับหนึ่ง หลังจากนั้นมาเรากับ พ. ก็คุยกันมากขึ้นเริ่มไปทำงานพร้อมกัน พอได้คุยกันมีความรู้สึกว่า พ. เป็นผู้ใหญ่มากมีอะไรสามารถปรึกษาได้ และที่สำคัญ พ. วางตัวดีมาก จนวันหนึ่ง พ. บอกว่าจะไปส่ง และได้มีการพูดคุยกัน พ. บอกว่าต่อไปนี้ พ. ขอไปรับไปส่งเรา ถึงบ้านเลยได้มั๊ย เพราะบ้านเราค่อนข้างเปลี่ยวเดินทางลำบาก อีกอย่าง พ. จะได้รู้จักกับที่บ้านเราด้วย  (พ. เป็นผู้ชายคนแรกที่เราแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก ) แต่ก่อนที่จะแนะนำ เราได้ถาม พ. แล้วว่ามีแฟนหรือยัง เพราะเราไม่อยากมีปัญหา พ. บอกว่าเพิ่งจะเลิกกันไป ขอให้เชื่อใจว่า พ. ไม่มีใคร และนี่ก็เป็นคำตอบเดียวกับที่ พ. พูดต่อหน้าพ่อแม่เราในวันที่เราพา พ. มาทำความรู้จัก พ่อเรายังถาม พ. เลยว่ารับได้หรอเราเอาแต่ใจขนาดนี้ทำอะไรก็ไม่เป็น หลักจากนั้น พ. ก็มารับมาส่งเราทุกวัน กลางวันมารับไปกินข้าวด้วยตลอด เป็นที่รับรู้ว่าเราคบกัน ปกติตอนเช้าเราจะมาแวะกินข้าวแถวๆ Office แล้ว พ.จึงไปทำงาน หลังๆพอมักจะสายเราเลยทำกับข้าวใส่กล่องมาให้ พ. ทุกเช้าเพื่อที่จะได้ไปกินที่ทำงาน เป็นแบบนี้ได้สักพัก พ. มักจะบอกว่าไม่มีเวลากิน งานเยอะ กินบนรถเลยแล้วกันนะ จากคนละกล่องก็เหลือกล่องเดียวคือกินด้วยกันบนรถเลย ความสัมพันธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีผู้หญิงส่งข้อความมาหาเราบอกว่าเป็นแฟน พ. ให้เราเลิกยุ่งเพราะเขาคบกันมานานกำลังจะแต่งงาน จะซื้อบ้าน ตอนนั้นเรารู้สึกโกรธ พ. มากถาม พ. ว่าจะโกหกกันทำไม เราไม่ไปต่อนะหยุดเถอะ วันนั้น พ. ขอร้องให้เราใจเย็นๆ มีอะไรขอให้ถามกันก่อนอย่าตัดสินใจเพราะคำพูดคนอื่น เราเลยบอกว่า พ. ก็มีแค่คำพูดเหมือนกัน พ. จึงโทรหา ผู้หญิงคนนั้นพร้อมเปิดโฟนให้เราฟัง บทสนทนาคือ พ. บอกให้ผู้หญิงคนนั้นหยุดการกระทำที่ระราน และให้ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคน2คนไปด้วยกันไม่ได้ มันก็ต้องจบ ตอนนี้ พ. กำลังคบกับเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นว่าเรากลับ พ. จึงบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ว่าเรา เพราะเขากับ พ. จบกันแล้ว หลังจากวางสาย พ. ได้ขอร้องให้เราเชื่อใจ พ. บ้าง พ. ไม่อยากทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนนั้นมากไปกว่านี้ คงต้องให้เวลาเขาบ้าง หลังจากวันนั้นเราไม่เคยถาม พ. เรื่องนี้อีกเลย และ พ. ก็ปฎิบัติต่อเราและครอบครัวเราดีมาตลอด พาแม่เราไปหาหมอ มารับตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาส่งอีกทีก็ 4โมงเย็น มีมานั่งกินข้าวในบ้านบ้างบางครั้ง เย็นวันหนึ่งระหว่างกลับบ้าน พ. ได้พูดขึ้นมาว่า เราโตแล้วนะกับข้าวบางอย่างก็ต้องหัดทำไว้.....แล้วก็เงียบ เราเลยแซวไปว่าทำไมหรอทุกวันนี้ต้องฝืนใช่มั๊ยมันแย่ขนาดนั้นเลย?? แล้ว พ. ก็พูดว่า ถ้า พ. มาขอเราพ่อแม่จะว่าอะไรมั๊ย.....เรานี่อึ้งเลย แต่ก็รู้สึกดีนะที่ พ. พูดแบบนี้ เราบอกว่ามันเร็วไปอ่ะขออีก 2 ปีเนอะค่อยคุยกัน พ. มักจะเล่าถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัวเขาให้เราฟังว่าแต่ละคนเป็นยังไง เผื่อวันหนึ่งพาไปแนะนำจะได้ทำตัวถูก และ พ. บอกว่า พ. รักเราและรักครอบครัวของเราด้วย เพราะ พ. สามารถเข้าได้กับทุกคนในครอบครัวเรา ตลอดเวลาที่คบหากัน พ. มักจะมีปัญหาเรื่องการหึงหวง เราจะทะเลาะกันแค่เรื่องนี้ แต่เราเองก็พยายามเคลียร์ถึงแม้ว่าคนที่ พ. ระแวงอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่เราก็ยอมตัดความสัมพันธ์เพื่อรักษาความรู้สึกของ พ. มาตลอด ทุกเทศกาล ไม่ว่าจะวาเลนไทน์ หรือวันเกิด พ. มักจะทำอะไรเซอร์ไพร์ให้เสมอ หรือถ้า พ. ไปต่างจังหวัดกับที่บ้านก็มักจะมีของฝากถึงที่บ้านเราตลอด พ. จะพูดเสมอว่าอยากมีลูกสาว ตอนที่ พ. ทำงานเหนื่อยๆกลับเข้ามาบ้าน มีลูกคอยถามว่าป๊าเหนื่อยมั๊ย กินน้ำมั๊ย เป็นสิ่งที่ พ. อยากได้ยินมากที่สุด และ พ. อยากให้ลูกพูดจาเพราะๆเหมือนเรา อยากให้เราเลี้ยงลูกเอง ทั้งการกระทำ คำพูด และความคิด ของ พ. มันทำให้เราเชื่อใจเขามาก.........จนวันหนึ่งมีสายเข้า พ. รับสายแล้วพูดว่า อืม...ถึงแล้วหรอ แล้ววางสาย เราสงสัยนะแต่ไม่ถาม เหมือน พ. จะรู้เลยบอกว่าลูกน้องโทรมาว่ารถขนส่งไปถึงหน้างานแล้ว แต่ด้วยความที่รนจนกลัวว่าเราจะไม่เชื่อ พ. จึงยื่นโทรศัพท์มาให้เราดูเบอร์ที่โทรเข้า......เอ๊ะ!! เบอร์คุ้นๆ เราจึงเช็คเบอร์จากเครื่องของเรา....นี่มันเบอร์ผู้หญิงคนนั้นนิ่ แล้วเราก็เริ่มทะเลาะกัน ไหนว่าเลิกแล้วไม่ได้ติดต่อกันแล้วไง ตกลงจะเอายังไง ทำไมต้องโกหก เราเริ่มโกรธจนลืมตัว ต่อว่า พ. ไปหลายคำและเผลอไปตบหน้า พ. อย่างแรง พ. อึ้งและร้องไห้ค่ะ บอกว่าอย่าทิ้ง พ. ไป พ. ไม่เหลือใครแล้ว พร้อมกับกอดเราไว้ เราไม่ฟังจะลงจากรถอย่างเดียว แล้ว พ. ก็ยกมือไห้วเรา แต่เราโกรธจนไม่ฟังอะไรแล้ว พ. พยายามอธิบายแต่เราไม่ฟังแล้วลงจากรถได้เข้าบ้านและไม่รับสาย พ. อีก จน พ. ต้องโทรหาแม่ พูดกับแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้แม่มาช่วยพูดกับเราให้เรารับสาย พ. หน่อย เรายอมรับสายและฟังในสิ่งที่ พ. อธิบาย พ. บอกว่าคนเลิกกันแล้วเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอ ทุกวันนี้ พ. มีเวลาให้ตัวเองแค่ตอนนอน เช้า กลางวัน เย็น พ. ให้เวลากับเราหมด แม้แต่ก่อนนอน พ. ยังโทรหาเราทุกวัน วันหยุดถ้าไม่ไปไหนกับที่บ้าน พ. ก็จะมาหาเรา แล้ว พ. จะเหลือเวลาให้ใครอีกหรอ เราฟังแล้วก็ใจอ่อนค่ะ คิดว่าเราเองที่เอาแต่ใจ เรื่องราวของเรายังคงดำเนินต่อไปในทางที่ดีขึ้น ที่บ้านเราไว้ใจ พ. มากขึ้น ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน พ. จะไม่ปล่อยให้ข้ามวัน ดึกแค่ไหนก็ต้องขับรถมาหา มาคุยกัน .....คืนหนึ่ง พ. โทรมาพร้อมกับร้องไห้ บอกว่าเขาทำให้ม๊าต้องเสียใจ  ผู้หญิงคนนั้นชนะแล้ว ที่บ้านพี่ยอมตัดกับพี่เพื่อเลือกผู้หญิงคนนั้น พี่ต้องเป็นคนไม่มีพ่อแม่พี่น้อง แล้วพี่จะอยู่ยังไง ......มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นไปได้ขนาดนี้ คำถามมันเกิดขึ้นมาในหัวเราเต็มไปหมด พ. พูดต่อว่าที่บ้าน พ. กำลังเข้าใจเราผิด คิดว่าเราเป็นคนที่ทำให้เขา2คนเลิกกัน แต่ยังไง พ. จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นได้พูดฝ่ายเดียว พ. จะปกป้องเราเอง ตอนนั้นเราทำได้แค่ปลอบ และคุยเป็นเพื่อน พ. ไปจนเกือบเช้า จึงขอให้ พ. ไปพักผ่อนพรุ่งนี้เราต้องทำงานกันทั้งคู่ เช้ามา พ. ดูซึมมาก เราสงสารจนบอกไม่ถูก เป็นเพราะเราหรอที่ทำให้ พ. ต้องมีปัญหากับที่บ้าน เราจับมือ พ. ไปตลอดทางไม่มีคำพูดอะไรออกมากันสักคำ จนถึงที่ทำงาน พอกลับบ้านเราถามว่า ไหวมั๊ย โอเคมั๊ย พ. ร้องไห้แล้วกอดเราไว้....พ. ร้องหนักขึ้นเรื่อยๆเรานี่ร้องตามเลย รู้ว่า พ. คงอึดอัดมาก แล้ว พ. ก็พูดว่าเราจดทะเบียนกันมั๊ย เรานี่ขนลุกเลย เราคิดว่า พ. คงอึดอัด แต่ทางออกต้องไม่ใช่แบบนี้ เรารัก พ. นะแต่เราปฎิเสธที่จะจดทะเบียน เพราะเรากลัวปัญหาในอนาคต ไหนจะพ่อแม่เราอีก เราจึงได้แต่ปลอบว่าต้องใช้เวลา เรามั่นใจในตัว พ. ค่อยๆพูดกับที่บ้านอย่าทำอะไรรุนแรง พ. บอกว่าป๊ากับม๊าจะให้ พ. จดทะเบียนกับผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่ต้องกลัวนะวันนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นแน่วันนั้นเราต้องอยู่ข้างๆ พ. แล้ว พ. ก็โทรหาม๊า บอกม๊าว่าเลิกกับเราไม่ได้ ม๊าเลยบอกว่าก็ตามใจแต่ต่อไปนี้ก็ไปสร้างกันเอาเองม๊าไม่ช่วยเหลืออะไรบ้านที่ พ. อยู่ม๊าจะขายให้ พ. ไปหาที่อยู่เอาเอง ถ้า พ. คิดถึงม๊าก็มาหาม๊าได้....เรานี่ยิ่งรู้สึกแย่ไปใหญ่ต้องทำให้แม่ลูกเขามีปัญหากัน แต่แล้ววันนั้นก็ใก้ลเข้ามา เรากลัวมาก กลัวว่า พ. จะทิ้งเราไป พ. บอกว่าไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้จะมารับไปทำงานตามปกติ แต่พอ พ. ถึงบ้านกลับบอกว่าแบตจะหมดลืมที่ชาร์ตไว้ที่ทำงาน เราให้ไปหาซื้อเขาก็ทำเป็นไม่พอใจ และส่งข้อความมาว่าเดินดูทุกร้านแล้วไม่มีเลย แบตหมดแล้วพรุ่งนี้ไปทำงานดีๆนะคะ ....เรานี่นอนไม่หลับเลยภาวนาอย่าให้เป็นแบบที่กลัวเลย....แล้วก็จริงตอนเช้าเราไม่สามารถติดต่อ พ. ได้ จึงใช้เบอร์แม่โทรไป...โทรติดค่ะแต่ไม่รับพอโทรอีก พ. ก็ปิดเครื่องไปเลย เราแทบไม่เป็นอันทำงานร้องไห้อย่างหนัก จนสายๆ พ. ส่งข้อความมาว่าขอโทษที่ไม่สามารถดูแลเราได้อีก เขาไม่สามารถต้านแรงกดดันจากทางบ้านได้เลย เขาต้องจดทะเบียนเพราะต้องการเอาบ้านให้ป๊ากับม๊า แล้วเย็นนั้นเรามีโอกาสได้คุยกับ พ. ก่อนจะหยุดยาว 5 วัน พอขอร้องให้เรารอ เขาจะหย่า ใบสมรสสำหรับเขาเป็นแค่กระดาษใบเดียวไม่มีความหมายอะไร ระหว่าง 5 วันนี้เราไม่มีความสุขเลย ความคิดและคำถามหลายๆอย่างมันเกิดขึ้นเต็มไปหมด ช่วงนี้ พ. พยายามที่จะติดต่อเราตลอด ทั้งโทรทั้งส่งข้อความเราอยากตัดเราพยายามที่จะไม่ตอบหรือรับสาย พ. จน พ. ส่งข้อความมาว่าอย่าทิ้ง พ. อย่าใช้ 5 วันนี้เพื่อลืมกัน พ. จะรีบกลับมาหาเรา เราทำอะไรไม่ถูกได้แต่บอกว่าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเรารอได้แต่ไม่นาน พ. จึงถามว่าให้เวลาเขาถึงเมื่อไหร่ เราบอกว่าแค่สิ้นเดือนนี้ เพราะเราอยากเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าคบกันไปแบบนี้เราไม่เอา พอสิ้นเดือน พ. ส่งใบหย่ามาให้เราดู พร้อมกับบอกว่าเขาได้ทำอย่างที่พูดแล้ว (ทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นเราบอกที่บ้านหมด พ่อแม่เราไม่เห็นด้วยที่เราจะกลับไปคุยต่อแต่ด้วยความดื้อรั้นของเราเองจึงเป็นที่มาของเรื่องทั้งหมด) และ พ. ได้บอกเราว่าเอาให้พ่อแม่ดูนะ ว่าพี่จัดการเรียบร้อยแล้ว(แต่เราไม่ได้ให้ดู) หลังจากที่เห็นใบหย่าแล้วเราก็เข้าข้างตัวเองว่า พ. คงรักเราจริงๆ ทุกอย่างจึงเป็นเหมือนเดิมเพราะเรามั่นใจว่าเราไม่ได้คบซ้อนผ่านไปเกือบปี พอรู้ว่าท้อง เรานี่แทบเป็นลม ตกใจมาก ไม่พร้อมสักอย่าง รีบโทรหา พ. บอกว่าเราท้อง พ. จึงพาเราไปตรวจที่รพ.อีกครั้งผลคือเราท้องได้ 5 สัปดาห์กับ 5วันแล้ว ดู พ.จะเฉยๆมากแล้วถามเราว่าเราจะเอายังไง ตอนนั้นเราไม่อยากมีไม่รู้จะบอกที่บ้านยังไง กลัวไปหมดตอนนั้นออกจากงานกำลังรอสัมภาษณ์ที่ใหม่ด้วย แต่ พ. บอกว่าอย่าทำมันบาปเราจะทำอะไรไม่ขึ้น วันนั้นเราตกลงกันไม่ได้ไม่มีความรับผิดชอบหรือวิธีการแก้ปัญหาออกจากปากเขา มีแต่คำว่ากลัวบาป..............
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่