สามีขอจดทะเบียน แต่ไม่อยากจด ไม่อยากใช้นามสกุลเค้าเพราะความเห็นแก่ตัวของคนในครอบครัวเขา

สวัสดีคะ กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้แรกนะ แต่ไมเคยตั้งกระทู้แนวๆนี้เลยไม่รู้ว่าจะแท็กห้องไหนดี ถ้าแท็กผิดแท็กถูกก้อขอโทดด้วยนะคะ
เริ่มเลยแล้วกันนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของแฟนคนปัจจุบัน ที่จริงก็มากกว่าแฟนหรอกเพราะมีลูกด้วยกันแล้วหนึ่งคน แต่ที่เรียกว่าแฟนเพราะเรายังไม่ได้แต่งงานกันตามประเพณี ซึ่งนี่ก็เป็นข้ออ้างของเราในการปฏิเสธที่จะจดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเค้าเพราะเราไม่อยากใช้ และไม่เคยแคร์ถ้าเค้าจะมีคนอื่น
เรากับแฟนเจอกันในที่ทำงานซึ่งตอนนั้นเราเองถือว่าเป็นคนที่กิ๊กเยอะมากโดยเฉพาะหนุ่มๆฝรั่ง เพราะเจ็บช้ำมาจากแฟนไทยคนแรก เลยตั้งคติว่าไม่อยากได้แฟนคนไทยอีกแล้ว
ตอนนั้นเราเองก็มีแฟนเป็นฝรั่ง แต่เค้ากลับไปบ้านเค้าประมาณปีนึงแล้ว การติดต่อก็ขาดๆหายๆ ได้สไกป์บ้างบางช่วงแต่ครั้งละแป๊ปๆ เราเองก็เหงา เพราะว่ารอแฟนกลับมาแบบไม่มีจุดหมาย แล้วแฟนคนปัจจุบันก็เข้ามาในชีวิต
แรกๆเค้ามาเป็นเพื่อนคุย และช่วยพาเราไปนู่นนี่นั่นเพราะที่ทำงานเราอยู่ไกลจากเมือง หอพักก็อยู่ในที่ทำงาน รถก็ไม่มี ไปไหนเราเดินไปตลอดพอมีเค้าเข้ามาก็คอยรับส่งไม่ว่าจะไปไหน เค้าเป็นคนดีและน่าสงสารสำหรับเราแต่เรารู้ว่าเค้าชอบเรานะ รู้ว่าเค้าจีบ จนมีอยู่ครั้งนึงเค้าเคยถามเราว่าเราสนใจเค้าบ้างไหม เราเลยตอบว่า เราขอโทษเพราะเราไม่อยากมีแฟนไทยอีกแล้ว ผู้ชายไทยไม่ให้เกียรติผู้หญิงเท่าที่เราสัมผัส ทั้งจากพ่อเราและแฟนเก่าเรา ผู้ชายไทยชอบมีเมียน้อยเมียเก็บเพราะคนรอบข้างเรามีทั้งนั้น ทำร้ายผู้หญิงซึ่งเราไม่ชอบเพราะเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต เค้าเลยถอยห่างเราไปนิดหน่อย
แต่เราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนที่ดีได้เลยยังคงคุยต่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่
เค้าบอกว่าเค้าออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ม. 3 ออกมาทำงาน หาเงินเลี้ยงที่บ้านแม่และน้อง ส่วนพ่อเค้าเพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้นี่เองจากโรคมะเร็ง เค้าไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เพราะเค้าเคยเห็นพ่อทำร้ายแม่จนร้องไห้หลายครั้ง ทุกครั้งแม่เค้าจะบอกเค้าว่าอย่าทำแบบพ่อเค้าเลยจำไว้และไม่ทำแบบพ่อ เค้าไม่เที่ยวเพราะเค้าบอกว่าพอแล้ว แต่ก่อนตอนมาทำงานใหม่ๆเค้ามีเพื่อนเยอะแต่พอมีเรื่องเพื่อนก็หายหมด เค้าเลยไม่ค่อยอยากยุ่งเท่าไหร่ ตอนที่เค้าโดนคดีก็ไม่มีใครช่วยเค้า เค้าโดนเพื่อนที่ยืมเงินเค้าไป โทรมาบอกว่าจะให้เงินคืนแต่ให่ออกไปด้านนอก ตอนนั้นเงินตั้ง 3000 บาท เลยอยากได้คืน พอไปถึงที่ปรากฏว่าเพื่อนยัดของใส่มือเป็นห่อกระดาษเล็กๆแล้ววิ่งหนี เค้ายืนงงอยู่แป๊ปนึงก็หายงงเพราะตำรวจล้อมเค้าไว้เต็มไปหมด ในห่อกระดาษนั้นมียาบ้าอยู่ 4-5 เม็ด ตำรวจเค้นสอบเค้าพอเค้าบอกความจริงก็ไม่เชื่อบังคับให้เค้ารับ สุดท้ายเค้าต้องยอมบอกว่าซื้อมาเสพเอง ฉี่ก็ไม่ตรวจ เค้าโดนคดีไปพักใหญ่ๆต้องโดนไปรายงานตัวอยู่เป็นประจำเพราะตอนนั้นยังเป็นเยาวชน
เราฟังไปก็สงสารเพราะเค้าดูซื่อๆไงคะ คนขี้สงสารก็งี้แหละ เค้าขยันมากซึ่งเราก็เห็น บางครั้งเค้าก็โดนหลอกให้ทำงานฟรีบ้าง โดนเบี้ยวเงินบ้าง (อันนี้คืองานจ๊อบนอกนะไม่ใช่งานประจำ งานประจำไม่เคยมีปัญหา) เค้าขอให้เราช่วยเก็บเงินให้ นั่นแหละเราจึงต้องไปจัดการการเงินให้เค้า รู้จักกันนานขึ้นความสงสารมากขึ้น ความเห็นใจมากขึ้น ความเหงาและไม่มีจุดหมายจากแฟนต่างชาติด้วยเลยทำให้เราตัดสินอยู่กับเขา
พอใช้ชีวิตร่วมกันจึงได้รู้ว่าทั้งบ้านเค้ามีแค่เค้าคนเดียวเท่านั้นที่ทำงานหาเงินเค้าเลยต้องขยัน แต่ไม่คิดว่าครอบครัวเค้าจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้
เราเก็บเงินได้ก้อนนึงอยู่กันแบบไม่เดือดร้อนทำงานกันทั้งสองคน จนถึงเวลาที่เราอยากเปลี่ยนที่ทำงาน ที่ทำงานใหม่เปลี่ยนเวลาเปิดกิจการไปมากกว่าเดิมนิดหน่อย เราจึงยังไม่ลาออกจากที่ทำงานเก่า แต่เค้าขอให้เราลาออกมาพักผ่อนก่อน เราเห็นด้วยเลยยอม ระหว่างนี้เราก็ท้อง เรากังวลมาก แต่ที่ทำงานใหม่เค้าโอเคเพราะเราผ่านการรับเข้าแล้วแต่แรก และพนักงานเค้าก็ท้องอยู่สองสามคน ถือว่าเป็นบุญเราจริงๆ
ระหว่างนี้เราก็เป็นแม่บ้าน แล้วเราก็เก็บเงินกันไปเรื่อยๆ เค้าทำทั้งงานประจำและงานนอกจนมีเงินขึ้นมาก้อนนึง เค้าจึงตัดสินใจว่าจะต้องขยายงานที่เค้ารับจ๊อบนอกมา ก่อนอื่นต้องเพิ่มคน ซึ่งก็คือญาติพี่น้องเค้านั่นเอง เราปรามๆเพราะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่แต่เค้าไม่ยอมเลยต้องตามใจเขา เราต้องกลับบ้านเค้าที่อีสาน จริงๆตั้งใจจะไปแค่ 2-3 วัน แต่มันเกินเพราะคนที่เขาจะเอามาลีลานักจนวินาทีสุดท้าย เขายืมรถกระบะของญาติเขามาใช้ทำงานด้วย ณ เวลานั้นเงินเก็บเราสองคนประมาณแสนนึงหายไปเลยเพียงเวลาแค่ 15 วันที่อีสาน ซึ่งเป็นครั้งแรกของชีวิตฉันที่ได้ไปเยือนและภาวนาขอให้มันเป็นสุดท้ายที่จะไปเหยียบ เพราะอะไรน่ะเหรอเอาตั้งแต่แรกเลยนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่