ก็เรื่องก็ตามกระทู้นะ คือเราไปม่อนแจ่มกับเพื่อน วันที่ 10-01-2558 เราเช่ารถมอไซด์ไปกัน 2 คัน 3 คน ตอนขึ้นดอยเราซ้อนเพื่อน เพื่อนก็พาตกถนนไปรอบนึง เพื่อนเราคนขับนี่เข้าต้นไม้ไปพร้อมกับมอไซด์แต่ไม่แรงมาก เรานี่กลึ้งลงเนินลาดลงประมาณ 5 รอบ เพื่อนที่ขับมอไซด์คันหลังบอก - - " แต่ไม่เป็นอะไรกันมาก หลังจากล้มไปแล้วครั้งที่ 1 เราก็ขึ้นไปถึงม่อนแจ่มสำเร็จ เราก็เดินๆ เล่นๆ ถ่ายรูป บนม่อนแจ่มอย่างสนุกสนาน แต่พอถึงตอนลง เราก็จิตตกละคือกลัว เพื่อนที่ขับมอไซด์คันที่เราซ้อน ก็ไม่กล้าขับให้เราซ้อนเเล้วเพราะกลัวจะพาเราลงข้างทางอีก เพื่อนเลยจะขับเองคนเดียวขาลง แต่เราก็ไม่มั่นใจในการขับมอไซด์ของเพื่อนอีกคนนึงที่เราจะไปซ้อน ส่วนเราถ้าให้คนมาซ้อนเราก็ไม่ไหว แล้วเราก็เห็นเพื่อนหน้าเสียด้วย เราเลยบอกว่าเราขับเองละกัน เพื่อนๆ ก็โอเค เพราะว่าเคยเห็นเราขับมอไซด์ไปอ่างขางแล้วเส้น 1178
ตอนลงม่อนแจ่ม เพื่อนเลยดูว่าเราจะล้มโค้งเดิมที่ล้มกันครั้งที่ 1ไหม เพราะเป็นโค้งที่ชันที่สุดแล้ว พอเห็นว่าไม่ล้มเพื่อนก็สบายใจและคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว เราขับมอไซด์ตามเพื่อนไปเรื่อยๆ แต่เราไม่ชอบขับมอไซด์เร็ว เพราะเราไม่ชินทาง และทางโค้งมันเยอะมาก ขับไปได้สักพัก เพื่อนเราทิ้งห่างเราไป เราก็ขับของเราไปเรื่อยๆ เพื่อนก็พอรู้สไตล์ แต่มันมีโค้งอยู่โค้งนึง ทางจากม่อนแจ่ม ไปหมู่บ้าน คือเราพลาดหรืออะไรไม่รู้ หรือเพราะเรามึนกับโค้งเยอะ เราขับซูโม่เอกนะ แต่มันเอาไม่อยู่ มันเป็นทางลงเขามา เเล้วมันก้โค้งหักขวา เราหลุดโค้ง แล้วเข้าข้างทาง ล้อมอไซด์ลื่นโคลน ล้มจ้า คือรู้ตัวเลยว่าต้องล้มแน่ๆ พอล้มปั๊บ ก็ได้ยินเสียงพี่ผู้ชายคนนึง ถามเป็นอะไรมากป่าว คือพี่เค้ามาไวมาก ไม่รู้มาจากไหน เหมือนเราล้มปั๊ป พี่มาถามปั๊ปเลย พอได้ยินพี่เค้าถามในใจคิดละ ' นี่ตูล้มจริงๆ หรอ อิเ_ย ด่าตัวเองแปป (คือไม่เคยประสบอุบัติเหตุอะไรแบบนี้มาก่อนเลย) นี่ตูเป็นไรปะหวะ พี่เค้าถามแบบนี้ ใจไม่ดีเลย ' พอได้ยินเสียงพี่เค้าเรียกเราแบบเออ ต้องลุกแล้ว ไม่ลุกเดี๋ยวเค้าใจไม่ดี ก็รีบลุกมา มองตัวเองว่าเป็นไรป่าว ตามจริงคือไม่อยากมองเลย มันเหมือนลุ้นอะไรสักอย่าง พอมองก็รุ้ว่า เข่า ขา แขน ถลอก โคลนนี่สไลค์น่องข้างๆ คือวันนั้นเราใส่ขาสั้นด้วย เพราะว่าเสื้อผ้าที่เราเอามาใส่เที่ยวโดนฝนเปียกหมด ตากไม่แห้ง เห้อ พอลุกมาได้เหมือนพี่เค้าก็งงๆ เหมือนกัน เหมือนทำไรไม่ถูก จนเพื่อนเค้าเดินมาเอากระดาษทิชชู่เปียกมาช่วยเช็ดแผล ตอนนั้นมันพูดไม่ถูกเลย งง กลัวก็กลัว เพื่อนตูอยู่ไหน ตอบ? พี่เค้าก็ช่วยตั้งมอไซด์ให้ ระหว่างนั้นเราก็พยายามติดต่อเพื่อนที่นำหน้าไปก่อน แต่เพื่อนไม่รับสาย ในใจก็คิดซวยละตู กลัวก็กลัว จะให้ขับต่อก้ไม่ไหว ใจมันไม่เอาเเล้ว ตอนนั้นคิดแต่อยากลงไปข้างล่างแล้ว ไม่อยากขับมอไซด์แล้ว คือใจเสียมากๆ พี่เค้าบอกว่าดีนะ ที่ล้มแล้วไม่ไปฟาดเข้ากับเสาต้นขาว ดำ (ที่เค้าชอบปักกันทางโค้ง) เราก็คิด เออ จิงหวะ

ไม่งั้นนะ หัวแตกแน่ พี่เค้าเลยช่วยเอามอไซด์ขับไปที่อื่นก่อน เพราะตรงที่ล้มมันอันตราย เป็นทางโค้งกลัวรถคันหลังเสียหลักมา พี่ผู้ชายคนใส่แว่นเลยขับมอไซด์ลงมาให้ แล้วให้เรานั่งรถไปกับพี่อีกคนนึง จนมาถึงหมู่บ้านคน ก็หยุดจอดรถ
เราพยายามติดต่อเพื่อนแต่เพื่อนก็ไม่รับ โทรเกิน 10 กว่าสาย แต่ไม่รับ จนท้อใจแล้ว แบบคิดว่าเพื่อนน่าจะลงไปถึงถนนใหญ่แล้ว ระหว่างที่โทร พี่ก็ชวนคุย คือซึ้งใจพี่มากอะ คือพี่ไม่ต้องช่วยขนาดนี้ก็ได้ พี่เค้าก็พยายามพูดให้ลืมเรื่องมอไซด์ล้ม พูดให้รู้สึกดีขึ้นมา จนโทรหาเพื่อนติดบอกเพื่อนว่ารถล้ม เพื่อนเลยบอกว่าให้รออยู่ จะขับกลับมาหา จนสุดท้ายเจอเพื่อน โอ้โหพระเจ้า ร้องไห้เหมือนเด็กน้อยเลยตู มันรู้สึกแย่มาก เราก็ไม่อยากให้เพื่อนขับขึ้นมา แล้วเพราะทางมันโค้งเยอะละเกิน แต่เราก็รู้ใจตัวเองว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว เรามัวแต่ร้องไห้กับเพื่อนสักพัก พี่เค้าก็เลยขอตัวก่อน เราก็งงๆ แล้วก็มองพี่เค้าเดินขึ้นรถ เเล้วหันมาร้องให้กับเพื่อนต่อ สักพักก็คิดได้ว่าทำไมไม่ขอเบอพี่เค้าไว้จะได้ตอบแทนพี่เค้า เฮ้อ พี่เค้าก็ไปสะเมิงต่อ เราก็กลับเข้าเมือง ในใจก็คิดถึงตอนอุบัติเหตุตลอด เรารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพี่เค้า อย่างน้อยเราน่าจะได้เลี้ยงข้าวพี่เค้าสักมื้อก็ยังดี เลยต้องมาเขียนกระทู้นี้ เผื่อพี่เค้าจะอ่านเนอะ ถ้าได้อ่านนี่ก็บังเอิญละ 55 แต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย มันพูดยากว่าทำไมต้องมาเขียนกระทู้นี้ แต่รู้สึกว่า เวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิต แล้วมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเราในตอนที่เราลำบาก เราว่าเราลืมเค้าไม่ได้ เราอยากเจอพี่ทั้ง 2 คนนี้ ซึ่งเราคิดว่าพี่เค้าเป็นแฟนกันนะ พี่เค้าเป็นคู่เกย์ที่น่ารักนะ 55 เราอยากเลี้ยงข้าวดีๆ เค้าสักมื้อนึง เราอยากขอบคุณที่ช่วยเราในวันนั้น ถ้าได้เจอกันอีกก็คงดีเนอะ
หลังจากกลับจากม่อนแจ่ม เราและเพื่อนก็กลับมากรุงเทพ เรากลับบ้านมา เจอแม่ เจอพี่ เรากอดแม่แน่นเว่อ แม่มีสายตาที่ไม่รับรู้ว่าเราไปเจออะไรมา เรามองหน้าแม่ แม่ก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ แม่มองหน้าเหมือนพร้อมจะรับฟังประสบการณ์ที่เราไปเจอมา เรากอดแล้วบอกว่าคิดถึงแม่จังเลย น้ำตาซึมเลย แต่ไม่ให้แม่เห็น เราเล่าประสบการณ์ของเราให้แม่ฟัง เล่าว่ามันสนุกมาก ไปเจอนั่น เจอนี่ แต่ไม่ได้เล่าว่า แม่หนูรถล้มนะ หนูคิดว่าหนูเกือบไม่ได้มาเจอแม่ละ .. . แม่ก็ทำกับข้าว จัดข้าว จัดปลาให้กิน เราก็กิน แล้วก็ลุกเอาของฝากให้แม่ หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแม่ก็พูดถึงทริปที่ไปประมาณว่าถ้าเป็นอะไรมา คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เสียใจ ครอบครัวเราก็มีกันแค่นี้แม่ไม่อยากให้เราเป็นอะไรไป เรานี่จะร้องไห้ละ แต่ต้องกลั้นน้ำตาไว้ก่อน จากนั้นก็แยกย้าย เราก็มานั่งคิดแล้ว ว่านี่เราทำอะไรลงไป เราประมาทรึปล่าว ถ้าเราไม่รอดจากทริปนี้จะเป็นยังไง เราคิดเยอะมาก ความตายมันอยู่ใกล้เรานิดเดียว เรารู้สึกปลงมาก แล้วก็รู้สึกกลัว กลัวการเดินทาง จนเราคิดว่าเราไม่อยากไปไหนแล้ว แต่คิดไปคิดมาคนเราถ้าอยากได้ประสบการณ์ก็ต้องออกไปเจอโลกเยอะๆ แต่เราไม่ควรประมาทในทางที่เราจะไป ต่อไปออกทริปคงต้องคิดเยอะๆ แต่ตอนนี้ให้ขี่มอไซด์ไปขึ้นเขา ลงเขาอีกคงไม่เอาละ ขอทำใจแปป
กระทู้นี้ก็ไม่มีสาระอะไรมากหรอก 55 แค่อยากเจอพี่ผู้ชาย 2 คนนั้นเนอะ แล้วก็อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านเนอะว่า ถ้าจะเที่ยวก็ขอให้มีสติ ไม่ประมาท ถ้าเช่ารถมาขับ ก็ลองเช็คสภาพรถก่อนเนอะ ของเรามอไซด์เลี้ยวยาก เวลาเลี้ยวตอนเอนตัวตามเยอะๆ ก็ขอให้เพื่อนมีความสุขกับการท่องเที่ยว และปลอดภัยตลอดการเดินทางกันทุกคนนะคะ
ปล. นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาด หรือใช้คำผิด อย่างคำว่าขับ ควรเป็นขี่ อะไรแบบนี้ ก็ขออภัยด้วยนะคะ เราไม่แน่ใจภาษา - -"
อยากขอบคุณพี่ผู้ชาย 2 คนที่ช่วยตอนมอเตอร์ไซด์ล้มที่ม่อนแจ่ม
ตอนลงม่อนแจ่ม เพื่อนเลยดูว่าเราจะล้มโค้งเดิมที่ล้มกันครั้งที่ 1ไหม เพราะเป็นโค้งที่ชันที่สุดแล้ว พอเห็นว่าไม่ล้มเพื่อนก็สบายใจและคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว เราขับมอไซด์ตามเพื่อนไปเรื่อยๆ แต่เราไม่ชอบขับมอไซด์เร็ว เพราะเราไม่ชินทาง และทางโค้งมันเยอะมาก ขับไปได้สักพัก เพื่อนเราทิ้งห่างเราไป เราก็ขับของเราไปเรื่อยๆ เพื่อนก็พอรู้สไตล์ แต่มันมีโค้งอยู่โค้งนึง ทางจากม่อนแจ่ม ไปหมู่บ้าน คือเราพลาดหรืออะไรไม่รู้ หรือเพราะเรามึนกับโค้งเยอะ เราขับซูโม่เอกนะ แต่มันเอาไม่อยู่ มันเป็นทางลงเขามา เเล้วมันก้โค้งหักขวา เราหลุดโค้ง แล้วเข้าข้างทาง ล้อมอไซด์ลื่นโคลน ล้มจ้า คือรู้ตัวเลยว่าต้องล้มแน่ๆ พอล้มปั๊บ ก็ได้ยินเสียงพี่ผู้ชายคนนึง ถามเป็นอะไรมากป่าว คือพี่เค้ามาไวมาก ไม่รู้มาจากไหน เหมือนเราล้มปั๊ป พี่มาถามปั๊ปเลย พอได้ยินพี่เค้าถามในใจคิดละ ' นี่ตูล้มจริงๆ หรอ อิเ_ย ด่าตัวเองแปป (คือไม่เคยประสบอุบัติเหตุอะไรแบบนี้มาก่อนเลย) นี่ตูเป็นไรปะหวะ พี่เค้าถามแบบนี้ ใจไม่ดีเลย ' พอได้ยินเสียงพี่เค้าเรียกเราแบบเออ ต้องลุกแล้ว ไม่ลุกเดี๋ยวเค้าใจไม่ดี ก็รีบลุกมา มองตัวเองว่าเป็นไรป่าว ตามจริงคือไม่อยากมองเลย มันเหมือนลุ้นอะไรสักอย่าง พอมองก็รุ้ว่า เข่า ขา แขน ถลอก โคลนนี่สไลค์น่องข้างๆ คือวันนั้นเราใส่ขาสั้นด้วย เพราะว่าเสื้อผ้าที่เราเอามาใส่เที่ยวโดนฝนเปียกหมด ตากไม่แห้ง เห้อ พอลุกมาได้เหมือนพี่เค้าก็งงๆ เหมือนกัน เหมือนทำไรไม่ถูก จนเพื่อนเค้าเดินมาเอากระดาษทิชชู่เปียกมาช่วยเช็ดแผล ตอนนั้นมันพูดไม่ถูกเลย งง กลัวก็กลัว เพื่อนตูอยู่ไหน ตอบ? พี่เค้าก็ช่วยตั้งมอไซด์ให้ ระหว่างนั้นเราก็พยายามติดต่อเพื่อนที่นำหน้าไปก่อน แต่เพื่อนไม่รับสาย ในใจก็คิดซวยละตู กลัวก็กลัว จะให้ขับต่อก้ไม่ไหว ใจมันไม่เอาเเล้ว ตอนนั้นคิดแต่อยากลงไปข้างล่างแล้ว ไม่อยากขับมอไซด์แล้ว คือใจเสียมากๆ พี่เค้าบอกว่าดีนะ ที่ล้มแล้วไม่ไปฟาดเข้ากับเสาต้นขาว ดำ (ที่เค้าชอบปักกันทางโค้ง) เราก็คิด เออ จิงหวะ
เราพยายามติดต่อเพื่อนแต่เพื่อนก็ไม่รับ โทรเกิน 10 กว่าสาย แต่ไม่รับ จนท้อใจแล้ว แบบคิดว่าเพื่อนน่าจะลงไปถึงถนนใหญ่แล้ว ระหว่างที่โทร พี่ก็ชวนคุย คือซึ้งใจพี่มากอะ คือพี่ไม่ต้องช่วยขนาดนี้ก็ได้ พี่เค้าก็พยายามพูดให้ลืมเรื่องมอไซด์ล้ม พูดให้รู้สึกดีขึ้นมา จนโทรหาเพื่อนติดบอกเพื่อนว่ารถล้ม เพื่อนเลยบอกว่าให้รออยู่ จะขับกลับมาหา จนสุดท้ายเจอเพื่อน โอ้โหพระเจ้า ร้องไห้เหมือนเด็กน้อยเลยตู มันรู้สึกแย่มาก เราก็ไม่อยากให้เพื่อนขับขึ้นมา แล้วเพราะทางมันโค้งเยอะละเกิน แต่เราก็รู้ใจตัวเองว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว เรามัวแต่ร้องไห้กับเพื่อนสักพัก พี่เค้าก็เลยขอตัวก่อน เราก็งงๆ แล้วก็มองพี่เค้าเดินขึ้นรถ เเล้วหันมาร้องให้กับเพื่อนต่อ สักพักก็คิดได้ว่าทำไมไม่ขอเบอพี่เค้าไว้จะได้ตอบแทนพี่เค้า เฮ้อ พี่เค้าก็ไปสะเมิงต่อ เราก็กลับเข้าเมือง ในใจก็คิดถึงตอนอุบัติเหตุตลอด เรารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพี่เค้า อย่างน้อยเราน่าจะได้เลี้ยงข้าวพี่เค้าสักมื้อก็ยังดี เลยต้องมาเขียนกระทู้นี้ เผื่อพี่เค้าจะอ่านเนอะ ถ้าได้อ่านนี่ก็บังเอิญละ 55 แต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย มันพูดยากว่าทำไมต้องมาเขียนกระทู้นี้ แต่รู้สึกว่า เวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิต แล้วมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเราในตอนที่เราลำบาก เราว่าเราลืมเค้าไม่ได้ เราอยากเจอพี่ทั้ง 2 คนนี้ ซึ่งเราคิดว่าพี่เค้าเป็นแฟนกันนะ พี่เค้าเป็นคู่เกย์ที่น่ารักนะ 55 เราอยากเลี้ยงข้าวดีๆ เค้าสักมื้อนึง เราอยากขอบคุณที่ช่วยเราในวันนั้น ถ้าได้เจอกันอีกก็คงดีเนอะ
หลังจากกลับจากม่อนแจ่ม เราและเพื่อนก็กลับมากรุงเทพ เรากลับบ้านมา เจอแม่ เจอพี่ เรากอดแม่แน่นเว่อ แม่มีสายตาที่ไม่รับรู้ว่าเราไปเจออะไรมา เรามองหน้าแม่ แม่ก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ แม่มองหน้าเหมือนพร้อมจะรับฟังประสบการณ์ที่เราไปเจอมา เรากอดแล้วบอกว่าคิดถึงแม่จังเลย น้ำตาซึมเลย แต่ไม่ให้แม่เห็น เราเล่าประสบการณ์ของเราให้แม่ฟัง เล่าว่ามันสนุกมาก ไปเจอนั่น เจอนี่ แต่ไม่ได้เล่าว่า แม่หนูรถล้มนะ หนูคิดว่าหนูเกือบไม่ได้มาเจอแม่ละ .. . แม่ก็ทำกับข้าว จัดข้าว จัดปลาให้กิน เราก็กิน แล้วก็ลุกเอาของฝากให้แม่ หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแม่ก็พูดถึงทริปที่ไปประมาณว่าถ้าเป็นอะไรมา คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เสียใจ ครอบครัวเราก็มีกันแค่นี้แม่ไม่อยากให้เราเป็นอะไรไป เรานี่จะร้องไห้ละ แต่ต้องกลั้นน้ำตาไว้ก่อน จากนั้นก็แยกย้าย เราก็มานั่งคิดแล้ว ว่านี่เราทำอะไรลงไป เราประมาทรึปล่าว ถ้าเราไม่รอดจากทริปนี้จะเป็นยังไง เราคิดเยอะมาก ความตายมันอยู่ใกล้เรานิดเดียว เรารู้สึกปลงมาก แล้วก็รู้สึกกลัว กลัวการเดินทาง จนเราคิดว่าเราไม่อยากไปไหนแล้ว แต่คิดไปคิดมาคนเราถ้าอยากได้ประสบการณ์ก็ต้องออกไปเจอโลกเยอะๆ แต่เราไม่ควรประมาทในทางที่เราจะไป ต่อไปออกทริปคงต้องคิดเยอะๆ แต่ตอนนี้ให้ขี่มอไซด์ไปขึ้นเขา ลงเขาอีกคงไม่เอาละ ขอทำใจแปป
กระทู้นี้ก็ไม่มีสาระอะไรมากหรอก 55 แค่อยากเจอพี่ผู้ชาย 2 คนนั้นเนอะ แล้วก็อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านเนอะว่า ถ้าจะเที่ยวก็ขอให้มีสติ ไม่ประมาท ถ้าเช่ารถมาขับ ก็ลองเช็คสภาพรถก่อนเนอะ ของเรามอไซด์เลี้ยวยาก เวลาเลี้ยวตอนเอนตัวตามเยอะๆ ก็ขอให้เพื่อนมีความสุขกับการท่องเที่ยว และปลอดภัยตลอดการเดินทางกันทุกคนนะคะ
ปล. นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาด หรือใช้คำผิด อย่างคำว่าขับ ควรเป็นขี่ อะไรแบบนี้ ก็ขออภัยด้วยนะคะ เราไม่แน่ใจภาษา - -"