ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้ที่
http://pantip.com/topic/33094699/comment5
Ep. 2-1 ดอยสุเทพจ๋าฉันมาแล้วจ๊ะ 28 ธค. 57
หลังจากพักประคองตัวไม่ให้ของเก่าที่กินไปออกมาก่อนกำหนด พวกเราจึงเริ่มเดินทางเพื่อหาที่พักกางเต็นท์ซึ่งทราบมาว่าอยู่ไม่ไกลแต่ระยะทางขึ้นเขาก็พอทำให้เหนื่อยเอาการ ตลอดทางน้ำใจของรถแดงก็หยิบยื่นมาด้วยคำว่า "เหมาไหมน้องร้อยเดียวเดินไม่ไหวหรอก" สักพักใหญ่กระบะใจดีก็ให้เราติดรถขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์รวมระยะทางกิโลกว่า ถ้าเดินด้วยความชันระดับปีนดอยคงทำให้หมดแรงเอาได้ง่ายๆ จุดกางเต็นท์ดอยสุเทพนั้นอยู่ห่างจากพระธาตุไม่มากถ้าเทียบในระดับความสูงเดียวกัน ทำให้เราได้ยินเสียงประกาศจากวัดเป็นระยะๆ เราลงหลักทำเลทองใกล้ห้องน้ำเป็นที่ตั้ง ประชากรเต็นท์กับคนก็ไม่ต่างกับที่อื่นเลย แน่นขนัดต่างตรงที่ไม่มีวงดนตรีสดกับสิงห์ต้านภัยหนาว สกิลการกางเต็นท์ของเราพัฒนาอย่างรวดเร็วไม่ถึงสิบนาทีบ้านหลังน้อยก็พร้อมอยู่ ทันเวลาอาทิตย์ลับขอบฟ้าแสงไฟสปอร์ตไลน์แรงจ้าก็เข้ามาแทนที่ บ้านน้อยของเราคืนนี้ไม่ขาดไฟเป็นแน่เพราะแสงนั่นส่องตรงลงกลางจนแสบตา มาม่าขาประจำถูกนำออกมาเป็นอาหารเย็น เมื่อท้องอิ่มเราจึงเริ่มหามุมเพื่อถ่ายรูป ที่นี่มีจุดชมวิวที่เห็นทั้งพระธาตุดอยสุเทพและตัวเมืองเชียงใหม่ที่เปิดไฟระยิบระยับแข่งกับแสงจันทร์ เก็บภาพจนพอใจก็ถึงเวลาเด็กน้อยต้องแปรงฟันนอน ขณะเดินผ่านไปห้องน้ำเกือบสะดุดสายไฟที่ทอดยาวออกมาจากบ้านพักหลังนึ่งปลายสายเป็นปลั้กพ่วงที่โดนเสียบทำร้ายพะรุงพะรังอยู่ทุกช่อง หมู่บ้านเต็นท์ครอบครัวใหญ่คงเป็นเจ้าของการกระทำนี้ ใจคิดถ้าพี่อยากสบายขนาดนี้อีกหน่อยคงพกทีวีตู้เย็นมาด้วย เมื่อพูดอะไรไม่ได้เราก็เดินกลับเต็นท์โดยดี ไฟสปอร์ตไลน์ยังคงทำงานของมันอย่างแข็งขันเหมือนนอนอยู่กลางแดด แต่ด้วยความเหนื่อยพวกเราจึงหลับไปโดยง่าย

ทางเดินขึ้นที่กางเต็นท์ดอยสุเทพที่ลาดชัน

พระธาตุจากจุดชมวิวลานการเต็นท์
เช้านี้เราตื่นมาด้วยเสียงปลุกของเด็กน้อยเต็นท์ข้างๆ และเสียงที่ดังมาจากวัดพระธาตุซึ่งจะเป็นจุดหมายของเรา จากจุดกางเต็นท์มีทางลัดไปถึงพระธาตุ ถึงจะเป็นเส้นทางที่บุกป่าไปสักนิดแต่ก็ดีว่าเดินผ่านถนน ทางขึ้นพระธาตุยังคงเดิมมีเด็กน้อยในชุดแม้วแก้มแดงยิ้มรับนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปด้วยด้วยคำว่า"ซาวบาท" วงดนตรีชายเดียวที่ร้องเพลงขับกล่อมในช่วงกลางของบันได ลูกสาวตัวน้อยที่ร้องโยเยให้แม่อุ้ม แต่แม่ก็หมดแรงที่จะอุ้มเพราะขั้นบันไดที่สูงชัน แม่เฒ่าที่ตั้งใจจะมาไหวพระธาตุอย่างไม่ย่อท้อ บันไดทุกขั้นต่างมีเรื่องราวของตัวมันเอง วันนี้เป็นช่วงใกล้ปีใหม่นักท่องเที่ยวจึงแน่นขนัด ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ทุกมุมถูกจับจองด้วยการถ่ายรูป ทั้งหมู่ เดียว และเซลฟี่ พวกเราจึงมีพื้นที่น้อยนิดในการสักการะพระธาตุ เสียงระฆังถูกตีดังไม่ขาดสาย โดยมีป้ายที่เขียนไว้เป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ห้ามเขย่าระฆัง!!! เงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพนักท่องเที่ยวชาวจีนต่อคิวกันเขย่าระฆังอย่างบ้าคลั่งเป็นทิวแถว คงผิดที่ป้ายไม่มีภาษาจีนด้วย

เด็กน้อยต่างชาติสนุกกับการเติมน้ำมันตะเกียง

สนามบินเชียงใหม่จากมุมสูง

ภาพนี้จากไอแพด
พวกเรากลับมาเก็บสัมภาระให้ทันโบกรถนักท่องเที่ยวที่กลับลงดอย วันนี้จุดหมายเราไกลกว่าทุกวันคือปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เป้ใบใหญ่เข้าประจำตำแหน่งของมันเหมือนทุกวัน เมื่อทุกคนพร้อมเราจึงบอกลาดอยสุเทพมุ่งสู่ปาย ถึงถนนใหญ่รถเริ่มแน่นขนัด ซึ่งเป็นโชคดีเราจึงเดินถามรถกระบะที่จอดติดอยู่ได้เป็นรายคัน จนมีกระบะใจดีรับเรา เค้ายอมเปลี่ยนเส้นทางที่จะไปเพื่อที่จะส่งเราไปต่อรถที่แม่ริม พวกเราเลยได้นั่งรถยาวจากยอดดอยถึงทางแยกแม่ริมที่จะไปปาย จากจุดนี้เป็นแยกวัดใจพวกเราเลยทีเดียวถนนใหญ่สี่เลน กับรถกระบะจำนวนน้อยนิด ทุกกระบวนท่าถูกขุดขึ้นมาเพื่อโบกรถ บางคันใจร้ายตบไฟไล่ บางคันใจดีจอดถามแต่ของเต็มหลังรถ บางคันบรรทุกแก๊สมาคนขับขำที่เราจะนั่งทับถังแก๊สไป พวกเรายังคงยืนตากแดดผลัดกันไปโบกรถ จนเวลาผ่านไป 20นาที ในที่สุดกระบะคันหนึ่งก็จอดตรงหน้า “ไปปายไหมคะ” คนขับตอบรับพร้อมให้เราขึ้นท้ายไป การเดินทางของเราจึงเริ่มต้นอีกครั้ง เส้นทางเชียงใหม่ปาย เค้าว่าโหดน้อยกว่าขึ้นทางตาก ซึ่งตอนเด็กๆเราก็เคยขึ้นทางตากมาแล้ว แต่สักพักความทรงจำเดิมๆกลับมา โค้งที่ซับซ้อน ที่เกินกว่าจะเรียกว่าหักศอก ผ่านไปโค้งแล้วโค้งเล่า เส้นทางที่เรียกได้ว่าถ้ามีทางตรงพี่อยากจะลงไปเซลฟี่กันเลยทีเดียว เมื่อเช้าพวกเรารีบหารถลงมาจนไม่มีเวลาหาอะไรกินกัน จึงเริ่มหิว ขนมทุกชนิดที่มีถูกขุดมากินรองท้อง ขนมยี่ห้อหนึ่งที่มีซอสมะเขือเทศในซองถูกฉีกออก "มันต้องกินกับซอสถึงจะเข้ากัน" น้องบอกพลางฉีกซองซอส "เดี๋ยวหกเลอะรถเค้า" เราพูดห้าม และด้วยซอสนี้เองเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น หลังจากรองท้องกันจนหมดห่อพวกเราคุยเล่นกันไปซักพัก ซอสเจ้ากรรมเริ่มออกฤทธิ์ ผลคือน้องท้องเสีย แม่เจ้า!!! อดทนไว้นะหนู 60 กิโลจะถึงปายแล้ว การอั้นแบบมาราธอนจึงเกิดขึ้น "กี่กิโลแล้ว" เสียงถามเป็นระยะ จนถึงสะพานประวัติศาสตร์ พวกเราจึงต้องขอลงด้วยเหตุจำเป็นยิ่งยวด ร้านกาแฟซ้ายขวาผุดดังดอกเห็ดเราเลยเลือกร้านเหมาะนั่งพัก โดยมีน้องวิ่งนำไปปลดปล่อยความทุกข์ร่วม 60 กิโลที่ผ่านมา

แอบเซสฟี่หลังกระบะ

สิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆในการเดินทางครั้งนี้

เริ่มลงโบกรถไปปาย

ทุกท่าเริ่มงัดออกมา
รวมพูดคุยกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/paraporn.yotavong
[CR] จากห้องวิจัยสู่โลกกว้าง: 7 วัน กับครั้งแรกของผู้หญิงแบกเป้โบกรถสู่เส้นทางเชียงใหม่-ปางอุ๋ง กับค่ารถ 355 บาท (Ep. 2)
Ep. 2-1 ดอยสุเทพจ๋าฉันมาแล้วจ๊ะ 28 ธค. 57
หลังจากพักประคองตัวไม่ให้ของเก่าที่กินไปออกมาก่อนกำหนด พวกเราจึงเริ่มเดินทางเพื่อหาที่พักกางเต็นท์ซึ่งทราบมาว่าอยู่ไม่ไกลแต่ระยะทางขึ้นเขาก็พอทำให้เหนื่อยเอาการ ตลอดทางน้ำใจของรถแดงก็หยิบยื่นมาด้วยคำว่า "เหมาไหมน้องร้อยเดียวเดินไม่ไหวหรอก" สักพักใหญ่กระบะใจดีก็ให้เราติดรถขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์รวมระยะทางกิโลกว่า ถ้าเดินด้วยความชันระดับปีนดอยคงทำให้หมดแรงเอาได้ง่ายๆ จุดกางเต็นท์ดอยสุเทพนั้นอยู่ห่างจากพระธาตุไม่มากถ้าเทียบในระดับความสูงเดียวกัน ทำให้เราได้ยินเสียงประกาศจากวัดเป็นระยะๆ เราลงหลักทำเลทองใกล้ห้องน้ำเป็นที่ตั้ง ประชากรเต็นท์กับคนก็ไม่ต่างกับที่อื่นเลย แน่นขนัดต่างตรงที่ไม่มีวงดนตรีสดกับสิงห์ต้านภัยหนาว สกิลการกางเต็นท์ของเราพัฒนาอย่างรวดเร็วไม่ถึงสิบนาทีบ้านหลังน้อยก็พร้อมอยู่ ทันเวลาอาทิตย์ลับขอบฟ้าแสงไฟสปอร์ตไลน์แรงจ้าก็เข้ามาแทนที่ บ้านน้อยของเราคืนนี้ไม่ขาดไฟเป็นแน่เพราะแสงนั่นส่องตรงลงกลางจนแสบตา มาม่าขาประจำถูกนำออกมาเป็นอาหารเย็น เมื่อท้องอิ่มเราจึงเริ่มหามุมเพื่อถ่ายรูป ที่นี่มีจุดชมวิวที่เห็นทั้งพระธาตุดอยสุเทพและตัวเมืองเชียงใหม่ที่เปิดไฟระยิบระยับแข่งกับแสงจันทร์ เก็บภาพจนพอใจก็ถึงเวลาเด็กน้อยต้องแปรงฟันนอน ขณะเดินผ่านไปห้องน้ำเกือบสะดุดสายไฟที่ทอดยาวออกมาจากบ้านพักหลังนึ่งปลายสายเป็นปลั้กพ่วงที่โดนเสียบทำร้ายพะรุงพะรังอยู่ทุกช่อง หมู่บ้านเต็นท์ครอบครัวใหญ่คงเป็นเจ้าของการกระทำนี้ ใจคิดถ้าพี่อยากสบายขนาดนี้อีกหน่อยคงพกทีวีตู้เย็นมาด้วย เมื่อพูดอะไรไม่ได้เราก็เดินกลับเต็นท์โดยดี ไฟสปอร์ตไลน์ยังคงทำงานของมันอย่างแข็งขันเหมือนนอนอยู่กลางแดด แต่ด้วยความเหนื่อยพวกเราจึงหลับไปโดยง่าย
ทางเดินขึ้นที่กางเต็นท์ดอยสุเทพที่ลาดชัน
พระธาตุจากจุดชมวิวลานการเต็นท์
เช้านี้เราตื่นมาด้วยเสียงปลุกของเด็กน้อยเต็นท์ข้างๆ และเสียงที่ดังมาจากวัดพระธาตุซึ่งจะเป็นจุดหมายของเรา จากจุดกางเต็นท์มีทางลัดไปถึงพระธาตุ ถึงจะเป็นเส้นทางที่บุกป่าไปสักนิดแต่ก็ดีว่าเดินผ่านถนน ทางขึ้นพระธาตุยังคงเดิมมีเด็กน้อยในชุดแม้วแก้มแดงยิ้มรับนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปด้วยด้วยคำว่า"ซาวบาท" วงดนตรีชายเดียวที่ร้องเพลงขับกล่อมในช่วงกลางของบันได ลูกสาวตัวน้อยที่ร้องโยเยให้แม่อุ้ม แต่แม่ก็หมดแรงที่จะอุ้มเพราะขั้นบันไดที่สูงชัน แม่เฒ่าที่ตั้งใจจะมาไหวพระธาตุอย่างไม่ย่อท้อ บันไดทุกขั้นต่างมีเรื่องราวของตัวมันเอง วันนี้เป็นช่วงใกล้ปีใหม่นักท่องเที่ยวจึงแน่นขนัด ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ทุกมุมถูกจับจองด้วยการถ่ายรูป ทั้งหมู่ เดียว และเซลฟี่ พวกเราจึงมีพื้นที่น้อยนิดในการสักการะพระธาตุ เสียงระฆังถูกตีดังไม่ขาดสาย โดยมีป้ายที่เขียนไว้เป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ห้ามเขย่าระฆัง!!! เงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพนักท่องเที่ยวชาวจีนต่อคิวกันเขย่าระฆังอย่างบ้าคลั่งเป็นทิวแถว คงผิดที่ป้ายไม่มีภาษาจีนด้วย
เด็กน้อยต่างชาติสนุกกับการเติมน้ำมันตะเกียง
สนามบินเชียงใหม่จากมุมสูง
ภาพนี้จากไอแพด
พวกเรากลับมาเก็บสัมภาระให้ทันโบกรถนักท่องเที่ยวที่กลับลงดอย วันนี้จุดหมายเราไกลกว่าทุกวันคือปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เป้ใบใหญ่เข้าประจำตำแหน่งของมันเหมือนทุกวัน เมื่อทุกคนพร้อมเราจึงบอกลาดอยสุเทพมุ่งสู่ปาย ถึงถนนใหญ่รถเริ่มแน่นขนัด ซึ่งเป็นโชคดีเราจึงเดินถามรถกระบะที่จอดติดอยู่ได้เป็นรายคัน จนมีกระบะใจดีรับเรา เค้ายอมเปลี่ยนเส้นทางที่จะไปเพื่อที่จะส่งเราไปต่อรถที่แม่ริม พวกเราเลยได้นั่งรถยาวจากยอดดอยถึงทางแยกแม่ริมที่จะไปปาย จากจุดนี้เป็นแยกวัดใจพวกเราเลยทีเดียวถนนใหญ่สี่เลน กับรถกระบะจำนวนน้อยนิด ทุกกระบวนท่าถูกขุดขึ้นมาเพื่อโบกรถ บางคันใจร้ายตบไฟไล่ บางคันใจดีจอดถามแต่ของเต็มหลังรถ บางคันบรรทุกแก๊สมาคนขับขำที่เราจะนั่งทับถังแก๊สไป พวกเรายังคงยืนตากแดดผลัดกันไปโบกรถ จนเวลาผ่านไป 20นาที ในที่สุดกระบะคันหนึ่งก็จอดตรงหน้า “ไปปายไหมคะ” คนขับตอบรับพร้อมให้เราขึ้นท้ายไป การเดินทางของเราจึงเริ่มต้นอีกครั้ง เส้นทางเชียงใหม่ปาย เค้าว่าโหดน้อยกว่าขึ้นทางตาก ซึ่งตอนเด็กๆเราก็เคยขึ้นทางตากมาแล้ว แต่สักพักความทรงจำเดิมๆกลับมา โค้งที่ซับซ้อน ที่เกินกว่าจะเรียกว่าหักศอก ผ่านไปโค้งแล้วโค้งเล่า เส้นทางที่เรียกได้ว่าถ้ามีทางตรงพี่อยากจะลงไปเซลฟี่กันเลยทีเดียว เมื่อเช้าพวกเรารีบหารถลงมาจนไม่มีเวลาหาอะไรกินกัน จึงเริ่มหิว ขนมทุกชนิดที่มีถูกขุดมากินรองท้อง ขนมยี่ห้อหนึ่งที่มีซอสมะเขือเทศในซองถูกฉีกออก "มันต้องกินกับซอสถึงจะเข้ากัน" น้องบอกพลางฉีกซองซอส "เดี๋ยวหกเลอะรถเค้า" เราพูดห้าม และด้วยซอสนี้เองเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น หลังจากรองท้องกันจนหมดห่อพวกเราคุยเล่นกันไปซักพัก ซอสเจ้ากรรมเริ่มออกฤทธิ์ ผลคือน้องท้องเสีย แม่เจ้า!!! อดทนไว้นะหนู 60 กิโลจะถึงปายแล้ว การอั้นแบบมาราธอนจึงเกิดขึ้น "กี่กิโลแล้ว" เสียงถามเป็นระยะ จนถึงสะพานประวัติศาสตร์ พวกเราจึงต้องขอลงด้วยเหตุจำเป็นยิ่งยวด ร้านกาแฟซ้ายขวาผุดดังดอกเห็ดเราเลยเลือกร้านเหมาะนั่งพัก โดยมีน้องวิ่งนำไปปลดปล่อยความทุกข์ร่วม 60 กิโลที่ผ่านมา
แอบเซสฟี่หลังกระบะ
สิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆในการเดินทางครั้งนี้
เริ่มลงโบกรถไปปาย
ทุกท่าเริ่มงัดออกมา
รวมพูดคุยกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/paraporn.yotavong