(หากกระทู้ซ้ำขออภัย จขกท.ฝังใจกับเรื่องพรรค์นี้ ใครไม่ชอบอย่าอ่านจ้า)
จขกท.ชอบอ่านหนังสือ ดูละครซีรีย์ภาพยนต์ไปเรื่อย
ทีนี้เจอหลายกระทู้ บ่นว่าทำไมฟรีทีวีหลัก ถึงไม่ทำละครแบบซีรีย์ต่างประเทศเสียที ก็มีคนแสดงความเห็นไปต่างๆนานา
จขกท.ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงความเห็นไปเหมือนกัน แต่อยากทราบว่า ที่มองอย่างนี้มันดีหรือสมเหตุสมผลหรือเปล่า
โดยส่วนตัวว่า หากฟรีทีวีหลักจะทำ ทำได้ สบายมาก ซีรีย์ที่ว่าเนี่ย
เพียงแต่ว่าแต่ละช่องที่เป็นฟรีทีวีใหญ่ๆนั้น ฐานคนดูทั้งประเทศ เขาต้องเพลย์เซฟ ทำละครหรือสื่อออกมาเพื่อให้ฐานของเขารับได้ในหลายๆกลุ่ม เพราะคนทั้งประเทศมีหลายกลุ่ม หลายฐานะ หลายสังคม ต่างจากซีรีย์ที่ฐานคนดูเป็นคนชั้นกลาง(เน้นว่าคนชั้นกลาง)ในเมืองรุ่นใหม่
ซึ่งในขณะนี้ยังมีเพียงหยิบมือเดียว (แต่คนก็มโนไปว่าใหญ่เพราะชมและบอกต่อๆกันในเน็ต โดยลืมไปว่าเน็ตนั้นก็อยู่คนคนกลุ่มหนึ่ง และคิดว่าตัวเองสูงส่งเสียเต็มประดา) เทียบกับประชากรทั้งประเทศ จะให้ฟรีทีวีไปทำแนวซีรีย์อย่างนั้นเอาใจคนดูเพียงกลุ่มเดียว ก็ไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างถ้าฟรีทีวีหลักหันไปทำละครหรือซีรีย์เอาใจแต่คนชั้นกลางหมด คนที่เหลือเขาจะดูอะไร ต้องให้ urbanized เป็นคนเมืองให้หมด หรือทำได้แค่อ่าน นสพ. ฟังวิทยุทรานซิสเตอร์แบบสมัยก่อนอย่างเดียว แล้วคนในเมืองก็ไปหาว่าเขาไกลปืนเที่ยงเหมือนเดิม อย่างนั้นเหรอ
(ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ รู้สึกว่าสมัยก่อนที่สื่อยังไม่แพร่หลาย คนที่ชอบดูละครหรือภาพยนตร์แนวๆที่เราว่าน้ำเน่า ก็มักเป็นคนในเมือง คนบ้านนอกไม่มีโอกาสได้ดูเท่าไหร่ พอทีวีแพร่หลาย คนในเมืองก็จำเป็นต้องดูอย่างอื่น เพื่อให้ตัวเองดูสูงกว่า)
(ด้วยเหตุนี้ ช่องอย่าง gmm truevision จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเอาใจหรือสนองตัณหาคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ)
เขาเลยต้องทำอย่างนี้ไป โดยเปลี่ยนไปพัฒนาโปรดัคชัน ให้ดูดีขึ้น แต่เนื้อหาเหมือนเดิม ไปก่อน (แต่คนบางคนก็เผือกมโนไปว่าพัฒนา)
เราเชื่อว่าเมื่อต่อไปคน gen x ตอนปลาย gen y genz gen c gen alpha เริ่มเข้ามาเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของประเทศ แทนที่คนกลุ่ม baby boomer หรือ gen x ตอนต้น และชนชั้นกลางกับอินเทอร์เน็ตเริ่มขยายไปมากขึ้นจนครอบคลุม ไม่ได้กระจุกแค่ในเมือง เมื่อถึงเวลานั้นฟรีทีวีหลักก็จะผันมาเป็นซีรีย์ไปเอง เพื่อความอยู่รอด เพราะกลุ่มฐานคนดูมันเปลี่ยนไป แล้วละครแบบเก่าๆที่เราชินจนเบื่อ ก็จะไปอยู่ช่องเล็กๆส่วนน้อยแทน
(เช่นเคเบิลมีช่อง บางขุนพรหม ที่เขามักจะเอาภาพยนตร์ โฆษณาเก่าๆมาฉาย ในอนาคตละครเก่าๆจะไปอยู่แบบนั้นแทน)
อีกอย่างถ้าจะทำแบบส่งออกได้ ก็ต้องข้ามแนวคิดจารีตคร่ำครึบางประการ จึงจะสร้างได้ อย่างซีรีย์ถ้าจะสร้างแนวประวัติศาสตร์ ถ้าข้ามไม่พ้น ปวศ.ฉบับกระทรวง พอทำก็หาว่าดูหมิ่น โดยไม่ได้ดูก่อน อย่างนี้ก็ยาก เรื่องศิลปะวัฒนธรรมไทยเหมือนกัน หากไม่ก้าวข้ามบางอย่าง (ขอไม่เอ่ย คงรู้)
ก็สร้างให้หลากหลายและส่งออกได้ยาก
ประมาณนี้จ้า
(จขกท.เองก็เป็นคนกลุ่มในย่อหน้าที่สอง เพียงแต่ได้ยินหรือผ่านชีวิตแบบที่ไม่ใช่มาก่อน เวลามีคนพูดถึงในทางไม่ดีก็มักรู้สึกไม่ดีและฝังใจ)
(แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าอาจหมดไปได้ยาก คือการยกเอาสิ่งที่ตนชอบมาข่มกัน คนชอบดูช่องนี้ข่มช่องนี้ คนดูซีรีย์ข่มคนดูละคร คนดูซีรีย์ต่างประเทศข่มซีรีย์ไทย คือการข่มกันเองมันฝังในกมลสันดานซีลีบรัมส่วนลึกที่สุดของคนไทยส่วนหนึ่งจำนวนมากไปแล้ว)
แนวคิดนี้สมเหตุสมผลไหมเกี่ยวกับละครโทรทัศน์หรือซีรีย์ไทย
จขกท.ชอบอ่านหนังสือ ดูละครซีรีย์ภาพยนต์ไปเรื่อย
ทีนี้เจอหลายกระทู้ บ่นว่าทำไมฟรีทีวีหลัก ถึงไม่ทำละครแบบซีรีย์ต่างประเทศเสียที ก็มีคนแสดงความเห็นไปต่างๆนานา
จขกท.ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงความเห็นไปเหมือนกัน แต่อยากทราบว่า ที่มองอย่างนี้มันดีหรือสมเหตุสมผลหรือเปล่า
โดยส่วนตัวว่า หากฟรีทีวีหลักจะทำ ทำได้ สบายมาก ซีรีย์ที่ว่าเนี่ย
เพียงแต่ว่าแต่ละช่องที่เป็นฟรีทีวีใหญ่ๆนั้น ฐานคนดูทั้งประเทศ เขาต้องเพลย์เซฟ ทำละครหรือสื่อออกมาเพื่อให้ฐานของเขารับได้ในหลายๆกลุ่ม เพราะคนทั้งประเทศมีหลายกลุ่ม หลายฐานะ หลายสังคม ต่างจากซีรีย์ที่ฐานคนดูเป็นคนชั้นกลาง(เน้นว่าคนชั้นกลาง)ในเมืองรุ่นใหม่
ซึ่งในขณะนี้ยังมีเพียงหยิบมือเดียว (แต่คนก็มโนไปว่าใหญ่เพราะชมและบอกต่อๆกันในเน็ต โดยลืมไปว่าเน็ตนั้นก็อยู่คนคนกลุ่มหนึ่ง และคิดว่าตัวเองสูงส่งเสียเต็มประดา) เทียบกับประชากรทั้งประเทศ จะให้ฟรีทีวีไปทำแนวซีรีย์อย่างนั้นเอาใจคนดูเพียงกลุ่มเดียว ก็ไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างถ้าฟรีทีวีหลักหันไปทำละครหรือซีรีย์เอาใจแต่คนชั้นกลางหมด คนที่เหลือเขาจะดูอะไร ต้องให้ urbanized เป็นคนเมืองให้หมด หรือทำได้แค่อ่าน นสพ. ฟังวิทยุทรานซิสเตอร์แบบสมัยก่อนอย่างเดียว แล้วคนในเมืองก็ไปหาว่าเขาไกลปืนเที่ยงเหมือนเดิม อย่างนั้นเหรอ
(ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ รู้สึกว่าสมัยก่อนที่สื่อยังไม่แพร่หลาย คนที่ชอบดูละครหรือภาพยนตร์แนวๆที่เราว่าน้ำเน่า ก็มักเป็นคนในเมือง คนบ้านนอกไม่มีโอกาสได้ดูเท่าไหร่ พอทีวีแพร่หลาย คนในเมืองก็จำเป็นต้องดูอย่างอื่น เพื่อให้ตัวเองดูสูงกว่า)
(ด้วยเหตุนี้ ช่องอย่าง gmm truevision จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเอาใจหรือสนองตัณหาคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ)
เขาเลยต้องทำอย่างนี้ไป โดยเปลี่ยนไปพัฒนาโปรดัคชัน ให้ดูดีขึ้น แต่เนื้อหาเหมือนเดิม ไปก่อน (แต่คนบางคนก็เผือกมโนไปว่าพัฒนา)
เราเชื่อว่าเมื่อต่อไปคน gen x ตอนปลาย gen y genz gen c gen alpha เริ่มเข้ามาเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของประเทศ แทนที่คนกลุ่ม baby boomer หรือ gen x ตอนต้น และชนชั้นกลางกับอินเทอร์เน็ตเริ่มขยายไปมากขึ้นจนครอบคลุม ไม่ได้กระจุกแค่ในเมือง เมื่อถึงเวลานั้นฟรีทีวีหลักก็จะผันมาเป็นซีรีย์ไปเอง เพื่อความอยู่รอด เพราะกลุ่มฐานคนดูมันเปลี่ยนไป แล้วละครแบบเก่าๆที่เราชินจนเบื่อ ก็จะไปอยู่ช่องเล็กๆส่วนน้อยแทน
(เช่นเคเบิลมีช่อง บางขุนพรหม ที่เขามักจะเอาภาพยนตร์ โฆษณาเก่าๆมาฉาย ในอนาคตละครเก่าๆจะไปอยู่แบบนั้นแทน)
อีกอย่างถ้าจะทำแบบส่งออกได้ ก็ต้องข้ามแนวคิดจารีตคร่ำครึบางประการ จึงจะสร้างได้ อย่างซีรีย์ถ้าจะสร้างแนวประวัติศาสตร์ ถ้าข้ามไม่พ้น ปวศ.ฉบับกระทรวง พอทำก็หาว่าดูหมิ่น โดยไม่ได้ดูก่อน อย่างนี้ก็ยาก เรื่องศิลปะวัฒนธรรมไทยเหมือนกัน หากไม่ก้าวข้ามบางอย่าง (ขอไม่เอ่ย คงรู้)
ก็สร้างให้หลากหลายและส่งออกได้ยาก
ประมาณนี้จ้า
(จขกท.เองก็เป็นคนกลุ่มในย่อหน้าที่สอง เพียงแต่ได้ยินหรือผ่านชีวิตแบบที่ไม่ใช่มาก่อน เวลามีคนพูดถึงในทางไม่ดีก็มักรู้สึกไม่ดีและฝังใจ)
(แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าอาจหมดไปได้ยาก คือการยกเอาสิ่งที่ตนชอบมาข่มกัน คนชอบดูช่องนี้ข่มช่องนี้ คนดูซีรีย์ข่มคนดูละคร คนดูซีรีย์ต่างประเทศข่มซีรีย์ไทย คือการข่มกันเองมันฝังในกมลสันดานซีลีบรัมส่วนลึกที่สุดของคนไทยส่วนหนึ่งจำนวนมากไปแล้ว)