[CR] รีวิวซ้ำ... สิงคโปร์... วางแผนเดินทาง.. แนะนำวิธีเข้าเกาะ Sentosa แบบจ่ายมากขึ้นนิด แต่สบายกว่าเยอะ โดยใช้บริการจาก UBER

กระทู้นี้ผมเคยเขียนไว้แล้วเมื่อ 20 เมษายน ปีก่อน แต่หลังจากเขียนกระทู้แล้ว มีคนส่งข้อความมาถามผมตลอดเรื่องการใช้ UBER ที่สิงคโปร์ ผมเลยคิดว่าน่าจะเอามาตั้งกระทู้ใหม่ เพราะยังมีคนสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก และเผื่อใครที่ไม่เคยเห็นกระทู้ เผื่อจะมีประโยชน์มากขึ้นครับ

=============================
ด้านล่างนี้คือเนื้อหาเก่าที่ยกมา
=============================
ช่วงสงกรานต์ผมไปเที่ยวสิงคโปร์มา ไปแบบฟรีเกือบตลอดรายการ ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม และค่าเดินทาง
แต่พวกนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลังครับ วันนี้พอดีนึกขึ้นมาได้ เลยจะมาแนะนำวิธีเข้าเกาะ Sentosa แบบสบายๆก่อนดีกว่า..

ต้นทางที่จะเข้าเกาะผมตั้งไว้ที่ย่าน China Town นะครับ ซึ่งถ้าปกติแล้ว คนส่วนมากจะใช้การเดินทางแบบนี้คือ
ลงใต้ดินและไปต่อโมโนเรลเข้าเกาะ ซึ่งค่าเกินทางปกติจะอยู่ที่
MRT China Town > MRT HarbourFront = 1.02$ (คิดจากการใช้บัตร EZ Link)
และ Sentosa Express Vivo City > Waterfront = 4$
ซึ่งถ้ามีผู้เดินทางทั้งหมด 4 คน ค่าเดินทางรวมกันก็จะ = (1.02x4)+(4x4) = ประมาณ 20$

ทีนี้ เรามาดูการใช้บริการจาก UBER กันบ้าง .. ใครที่สงสัยว่า UBER คืออะไร ? อ่านได้ที่นี่นะครับ
http://www.beartai.com/news/9351 แต่คิดว่าชาวพันทิปส่วนมากน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
เพราะเคยมีกระทู้รีวิวเป็นกระทู้แนะนำอยู่เกือบอาทิตย์เลยทีเดียวเมื่อช่วงเดือนก่อน

สำหรับรถที่มารับ ก็จะประมาณนี้หละครับ อันนี้ผมถ่ายจากหน้าโรงแรม Fullerton แถวๆ Merlion ครับ


ค่าบริการของ UBER จาก China Town ไป Universal Studio ในวันที่ผมนั่งไป อยู่ที่ราคา 25$ (ไม่เสียค่าเข้าเกาะ) ตามบิลนี้ครับ

ซึ่งในวันนั้น ผมเดินทางช่วงเกือบๆเที่ยงวัน รถติดอยู่ 2 ไฟแดงในเวลาสั้นๆ และใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที

ตรงนี้เห็นความต่างแล้วหรือยังครับ
UBER 25$ ส่วนไปเอง 20$ ต่างกันราวๆ 5$
แต่ผมแนะนำ UBER เพราะอะไรน่ะหรอครับ
1. ประหยัดเวลาเดินทาง เรียกมารับหน้าโรงแรมได้เลย ซึ่งถ้าต้องต่อรถไฟเอง เวลาที่ต้องมีอย่างน้อยๆผมว่าครึ่งชั่วโมงขึ้นไป
2. ไม่ต้องเหนื่อย เสียเวลาเดินเข้าสถานีรถไฟ เดินออก เดินขึ้นคึก ลงตึก เพราะ UBER มาส่งชั้นใต้ดิน ลงรถเดินขึ้นไปเที่ยวได้เลย
3. ไปแบบไฮโซ เพราะรถที่มารับ ระดับหลักล้านขึ้นทั้งนั้น Camry Benz หรือ Accord ล้วนๆครับ
^{(ข้อเสียอย่างเดียวของ UBER สิงคโปร์สำหรับผมคือ คนขับพูดมากสุดๆ เป็นกันทุกคน ทุกคัน ขนาดเราเงียบสู้แล้วยังชวนคุยเลย แต่ถ้าใครขาเม้าท์คงสนุกหละครับ)}

ยิ่งช่วงนี้ มีเครดิตให้ทดลองใช้ฟรีในการใช้บริการครั้งแรกด้วยแล้ว ยิ่งประหยัดได้เยอะครับ
อย่างผมไปสิงคโปร์ครั้งนี้ ถ้าต้องจ่ายค่ารถจริงๆ ผมต้องจ่ายหลักหมื่นกันเลยทีเดียว แต่เพราะมีเครดิตฟรีเลยไม่ได้เสียสักบาทครับ
ลองไว้ใช้เป็นอีกทางเลือกครับ ถ้าไม่ได้ฟรี หรือได้ส่วนลด แต่จ่ายเพิ่มอีกร้อยกว่าบาท และกับความสะดวกสบายแล้วผมว่า คุ้ม!






และต่อไปนี้จะเป็นเนื้อหาที่เพิ่มเข้าไปใหม่นะครับ หลายๆคำถามที่ผมพอจะช่วยตอบได้

- เมื่อเครื่องลงที่สิงคโปร์แล้ว จะเรียกรถ ทำยังไง ?? ของผมเอง เนื่องจากมี Account ของสิงคโปร์ ลงทะเบียนโดยเบอร์โทรศัพท์สิงคโปร์อยู่แล้ว ผมสามารถกดเรียกได้เลยครับ แต่คิดว่าหลายคนคงใช้ไปจากเมืองไทย มีเบอร์เมืองไทย อาจจะไม่สะดวกหากคนขับโทรกลับมาถามทาง ผมแนะนำว่า ก่อนไป หาซื้อซิมสิงคโปร์จากไทยไปก่อนดีกว่าครับ แบบที่เราทราบเบอร์ได้เลย แล้วก็ไปเปลี่ยนเบอร์ใน Profile ของ UBER จะได้ใช้ติดต่อคนขับบอกสถานที่ให้มารับเราได้แม่นยำ แต่จริงๆแล้วหากเราลงเครื่องมา มันจะมีชั้นสำหรับผู้โดยสารขาเข้าอยู่แล้วน่ะครับ ถ้ามีเบอร์ไทยอยู่ ก็อาจจะส่ง SMS บอกคนขับว่ารออยู่ Terminal ไหน ขาเข้า แล้วรออยู่เสาต้นที่เท่าไหร่ มันจะมีบอกอยู่ตรงจุดรอรถน่ะครับ

- ใช้บัตรเครดิตไทยได้มั้ย ?? น่าจะได้นะครับ เพราะผมยังใช้บัตรเดบิตของธนาคารกรุงเทพเลย ตัดเงินได้ปกติครับ

- ตัดเงินเป็นสกุลอะไร ?? SGD ครับ แต่บิลจากธนาคารออกมาจะแปลงค่าเงินให้เรียบร้อยแล้ว

- จริงๆ ในสิงคโปร์มันจะมีทั้ง UBERBlack UBERX เหมือนกับไทยนี่หละครับ ถ้านั่งเข้า Sentosa ผมว่าถ้าเรียก X ราคาจะถูกกว่านั่งโมโนเรลเข้าไปมากเลยหละครับ เพราะขนาดผมนั่ง Black เข้าไปยั่งราคาไล่เลี่ยกันเลย

ของผมตอนที่ไปจะมีทริคส่วนตัวนิดหน่อยครับ เพราะฟังภาษาเค้าไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดก็กลัวจะเข้าใจกันไม่ออก ก่อนผมกดเรียกรถ  ถ้าผมอยู่ริมถนนผมจะเดินไปรอที่ป้ายรถเมลครับ แล้วก็ดูชื่อป้าย เลขป้ายว่าเขียนไว้ว่าอะไร แล้วก็พิมพ์ SMS รอไว้เลย พอกดเรียก มีคนขับกดรับแล้ว ผมก็จะส่ง SMS กลับไปทันที (ส่งช้ากลัวเค้าโทรกลับมาก่อนจะเงิบเอาเพราะคุยไม่ได้น่ะครับ) ใน SMS ก็บอกว่า ยืนรออยู่ป้ายรถเมล์นี้นะ คนรอเป็นใคร กี่คน ชายหรือหญิง ใส่เสื้อสีอะไร มีอะไรโดดเด่นบ้าง เผื่อที่จะให้คนขับหาเราได้ง่ายๆน่ะครับ จากที่ผมไปมา แทบไม่ได้คุยกับคนขับตอนเรียกเลย จะได้มาคุยก็ตอนนั่งอยู่บนรถแล้วทุกครั้ง ไม่รู้ว่า UBER เน้นให้คนขับต้องช่างพูดหรือไงก็ไม่รู้นะครับ พูดมากกกก