ไม่ได้เข้าราชดำเนินเท่าไหร่ ในช่วงสองเดือนนี้ วันนี้ขอตามกระแสถอดถอน ด้วยการฝากคำถามให้ สนช.ถามคุณยิ่งลักษณ์ในแง่ของความใส่ใจในโครงการสักหน่อย (เผื่อจะตกประเด็นเหล่านี้)
1.ในฐานะที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้บริหารบริษัทมหาชนมาก่อน อยากทราบแนวคิดในเรื่องการลงทุนที่ซื้อสินค้ามาเก็บ แบบไม่ยอมขาย ทำให้สภาพคล่องของโครงการมีปัญหา อันนี้คุณยิ่งลักษณ์มีความเห็นอย่างไร อยากรู้ว่าทำไมช่วงปี 2555 ถึงไม่พยายามผลักดันให้มีการระบายข้าวในปริมาณมากกว่าที่ทำได้ ทั้งๆที่เห็นๆ อยู่ว่าถึงปลายปี 55 รับจำนำข้าวเปลือกแล้วเกือบ 30 ล้านตัน แต่ระบายข้าวออกไปได้ ไม่ถึง 5 ล้านตัน
เพราะจุดนี้คนมีความใส่ใจคงมองปัญหาออก แล้วด้วยความจริงใจต่อชาวนาที่คุณยิ่งละกษณ์พยายามพร่ำบอกมาเสมอ ทำไมไม่เห็น หรือเพราะไม่ได้ใส่ใจจริง เพียงสร้างวารกรรมเรียกความเห็นใจยามจนตรอกแค่นั้น
(ข้อนี้ไม่ต้องอ้างเรื่องปี 56 ว่าโดนขัดขวางมาตอบ เพราะคนละเรื่องกัน)
2.การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่คุณยิ่งลักษณ์ช่วยคุณบุญทรงยืนยัน ในเดือนกันยายน 55 จำนวน 7.328 ล้านตัน ข้าวจำนวนนั้น สรุปถึงวันนี้มีการส่งมอบไปเท่าไหร่แล้ว สาเหตุที่ไม่ส่งมอบจนครบตามสัญญา เป็นเพราะอะไร มีการฟ้องร้องคู่สัญญาที่ไม่รับมอบข้าวหรือไม่อย่างไร
เพราะในวันนั้น คุณบุญทรงยืนยันต่อหน้านักข่าว และนายกฯไม่ได้ทักท้วงใดๆ ว่าเป็นสัญญาซื้อขายแล้ว และจะส่งมอบแล้วเสร็จภายในปลายปี 56 แต่สุดท้ายก็เงียบไป มีแต่คนไทยจ่ายเช็คในประเทศมาขนข้าวไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็เหมือนเงียบไป
3.เงินที่จะใช้ในโครงการจำนำข้าว 56/57 คุณยิ่งลักษณ์มีแผนการใช้เงินมาจากไหน ทำไมในเดือนกันยายนก่อนเริ่มโครงการ ถึงไม่เตรียมเงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 1 แสนล้านบาทตามที่ ธกส.ขอมา วันนั้นคุณยิ่งลักษณ์เชื่อจริงเหรอครับว่า กระทรวงพาณิชย์จะขายข้าวได้เงินมาพอรับจำนำรอบใหม่ได้จริง
ถ้ามองแบบคนไม่เพ้อเจ้อ ผมว่ายังไงก็ต้องรู้แล้วว่าเงินไม่พอแน่นอน ที่จะสามารถคุมยอดเงินให้อยู่ในวงเงินไม่เกินห้าแสนล้านได้ นอกจากตั้งใจจะดึงเงินชาวนาให้พ้นสิ้นปีไปก่อน แล้วปี. 57 ค่อยวางแผนใหม่
ถ้าแบบนี้ยังจะกล้าอ้างว่าทำเพื่อชาวนาได้เหรอครับ เมื่อข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเงินไม่พอ แต่กลับหวังลมๆแล้งๆ ว่าจะขายข้าวมาจ่ายให้ชาวนาได้ โดยไม่มีแผนสำรองใดๆเลย สุดท้ายเมื่อยุบสภาเลยทำให้ชาวนาต้องรอเงินเกือบครึ่งปี
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์รักชาวนา ตั้งใจทำเพื่อชาวนาจริง น่าจะตอบได้แบบชัดเจนว่าทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนั้นในตอนนั้น
เพราะถ้าวันนั้นแก้ปัญหาอย่างใส่ใจจริง ปัญหาของโครงการก็คงน้อยกว่าที่ผ่านมาได้ไม่ยาก
ฝากคำถามถึงคุณยิ่งลักษณ์
1.ในฐานะที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้บริหารบริษัทมหาชนมาก่อน อยากทราบแนวคิดในเรื่องการลงทุนที่ซื้อสินค้ามาเก็บ แบบไม่ยอมขาย ทำให้สภาพคล่องของโครงการมีปัญหา อันนี้คุณยิ่งลักษณ์มีความเห็นอย่างไร อยากรู้ว่าทำไมช่วงปี 2555 ถึงไม่พยายามผลักดันให้มีการระบายข้าวในปริมาณมากกว่าที่ทำได้ ทั้งๆที่เห็นๆ อยู่ว่าถึงปลายปี 55 รับจำนำข้าวเปลือกแล้วเกือบ 30 ล้านตัน แต่ระบายข้าวออกไปได้ ไม่ถึง 5 ล้านตัน
เพราะจุดนี้คนมีความใส่ใจคงมองปัญหาออก แล้วด้วยความจริงใจต่อชาวนาที่คุณยิ่งละกษณ์พยายามพร่ำบอกมาเสมอ ทำไมไม่เห็น หรือเพราะไม่ได้ใส่ใจจริง เพียงสร้างวารกรรมเรียกความเห็นใจยามจนตรอกแค่นั้น
(ข้อนี้ไม่ต้องอ้างเรื่องปี 56 ว่าโดนขัดขวางมาตอบ เพราะคนละเรื่องกัน)
2.การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่คุณยิ่งลักษณ์ช่วยคุณบุญทรงยืนยัน ในเดือนกันยายน 55 จำนวน 7.328 ล้านตัน ข้าวจำนวนนั้น สรุปถึงวันนี้มีการส่งมอบไปเท่าไหร่แล้ว สาเหตุที่ไม่ส่งมอบจนครบตามสัญญา เป็นเพราะอะไร มีการฟ้องร้องคู่สัญญาที่ไม่รับมอบข้าวหรือไม่อย่างไร
เพราะในวันนั้น คุณบุญทรงยืนยันต่อหน้านักข่าว และนายกฯไม่ได้ทักท้วงใดๆ ว่าเป็นสัญญาซื้อขายแล้ว และจะส่งมอบแล้วเสร็จภายในปลายปี 56 แต่สุดท้ายก็เงียบไป มีแต่คนไทยจ่ายเช็คในประเทศมาขนข้าวไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็เหมือนเงียบไป
3.เงินที่จะใช้ในโครงการจำนำข้าว 56/57 คุณยิ่งลักษณ์มีแผนการใช้เงินมาจากไหน ทำไมในเดือนกันยายนก่อนเริ่มโครงการ ถึงไม่เตรียมเงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 1 แสนล้านบาทตามที่ ธกส.ขอมา วันนั้นคุณยิ่งลักษณ์เชื่อจริงเหรอครับว่า กระทรวงพาณิชย์จะขายข้าวได้เงินมาพอรับจำนำรอบใหม่ได้จริง
ถ้ามองแบบคนไม่เพ้อเจ้อ ผมว่ายังไงก็ต้องรู้แล้วว่าเงินไม่พอแน่นอน ที่จะสามารถคุมยอดเงินให้อยู่ในวงเงินไม่เกินห้าแสนล้านได้ นอกจากตั้งใจจะดึงเงินชาวนาให้พ้นสิ้นปีไปก่อน แล้วปี. 57 ค่อยวางแผนใหม่
ถ้าแบบนี้ยังจะกล้าอ้างว่าทำเพื่อชาวนาได้เหรอครับ เมื่อข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเงินไม่พอ แต่กลับหวังลมๆแล้งๆ ว่าจะขายข้าวมาจ่ายให้ชาวนาได้ โดยไม่มีแผนสำรองใดๆเลย สุดท้ายเมื่อยุบสภาเลยทำให้ชาวนาต้องรอเงินเกือบครึ่งปี
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์รักชาวนา ตั้งใจทำเพื่อชาวนาจริง น่าจะตอบได้แบบชัดเจนว่าทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนั้นในตอนนั้น
เพราะถ้าวันนั้นแก้ปัญหาอย่างใส่ใจจริง ปัญหาของโครงการก็คงน้อยกว่าที่ผ่านมาได้ไม่ยาก