อย่าเอาตัวเรา ไปวัดหัวใจพระโพธิสัตว์

กระทู้สนทนา
เผอิญได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง อ่านแล้วสะดุดใจบางอย่าง เลยขออนุญาตสมาชิกทุกท่าน ลอกบางส่วนมาให้อ่านกันครับ
สิ่งใดขาดตกบกพร่อง ไม่ถูกใจ ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ
สิ่งดีๆ ใดที่ได้จากบทความเป็นความดีขอให้ท่านผู้ประพันธ์ สิ่งใดที่ไม่ดีไม่ถูกใจ ผมขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว เพื่อขัดเกลาแก้ไขตนเองต่อไป

'อย่าเอาตัวเรา ไปวัดหัวใจพระโพธิสัตว์ ท่านใจใหญ่
ทำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ใครไม่เข้าใจ หลงไปติเตียนท่าน
จะเป็นกรรมหนัก แบกบาปมหาศาล'

การทำความดี สั่งสมบุญบารมีนั้น มีความเข้มข้นหลายระดับ ดังนี้
1. ทำบุญ คือการทำความดีของบุคคลทั่วไป
2. สร้างบารมี คือ การทำบุญแบบเข้มข้น
3. อุปบารมี คือ การสร้างบารมีที่เข้มข้นมากขึ้น ระดับยอมสละอวัยวะได้
4. ปรมัตถบารมี คือ การสร้างบารมีที่เข้มข้นสูงสุด ระดับยอมสละชีวิตได้

นักสร้างบารมีที่มุ่งหวังผลที่สูง เช่น พระโพธิสัตว์ ท่านจะมีใจที่ใหญ่มาก
กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ในสิ่งดีๆ อย่างอุทิศชีวิต และทำอย่างต่อเนื่องไม่ใช่นานๆ ทำที
ทำชนิดคนธรรมดาคาดฝันไม่ถึงเลย

หากใครไม่เข้าใจ ใช้ความรู้สึกของตัวเองไปวัดการสร้างบุญบารมีของพระโพธิสัตว์
แล้วหลงไปตำหนิท่าน ว่าทำมากเกินไป โง่ หลงบุญ บ้าบุญ ทิ้งลูกทิ้งเมียออกบวช
เราลองคิดว่า คนๆนั้น จะมีวจีกรรมแบกบาปหนาขนาดไหน มีนรกเป็นที่ไป ไม่คุ้มเลย

ใจของเรา หากยังอยู่ที่ระดับการทำบุญขั้นแรก ทำแบบเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป
เมื่อเห็นคนอื่นเขาทำความดีอย่างอุกฤษฏ์ ไม่ใช่ไปตำหนิเขา แต่ควรอนุโมทนา เราจะได้บุญด้วย

การทำความดีจริงๆแล้ว ไม่มีคำว่าทำมากเกินไป อยู่ที่หัวใจของคน ๆ นั้น มีเป้าหมายชีวิตที่สูงส่งเพียงใด
จะวัดว่าดีหรือไม่ดี ไม่ได้ดูว่าทำมากไปไหม แต่ดูที่สาระของการกระทำ ถ้าเป็นเรื่องดี ก็คือดี ยิ่งทำมากยิ่งดี

การให้ทาน อย่างอุทิศได้แม้แต่ชีวิต เป็นสิ่งควรอนุโมทนา
การรักษาศีล โดยยอมตายไม่ยอมละเมิดศีล เป็นสิ่งควรอนุโมทนา
การเจริญภาวนา โดยทำสมาธิอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นสิ่งควรอนุโมทนา

แม้ในยุคใกล้ๆ ของเรานี้ ก็มีพระเถระผู้บวชอุทิศตน สร้างบารมีอย่างชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันหลายรูป
ซึ่งในช่วงแรกทุกท่านจะมีลักษณะคล้ายกัน คือ ถูกเข้าใจผิด ถูกโจมตีด่าว่านานาชนิด

เพราะการสร้างบารมีอย่างเอาจริงเอาจัง ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่ทำนั้น เป็นสิ่งที่สังคมไม่คุ้นเคย จึงถูกระเเวงสงสัย
จับผิด โจมตี แต่ด้วยความหนักแน่น อดทน ไม่หวั่นไหว ทำความดีอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายสังคมก็ยอมรับ
สิ่งที่ท่านเหล่านี้ได้ทำสร้างคุณูปการแก่พระพพุทธธศาสนามากมาย

ผู้มีปัญญาเพียงพินิจดู ก็จะรู้ว่า สิ่งที่ท่านเหล่านั้นทำ ต้องทำด้วยชีวิต ผู้มีเจตนาทุจริต ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ศาสนสถาน
และศาสนบุคคลที่ท่านสร้าง ก็จะเป็นสมบัติของแผ่นดินและพระพุทธศาสนาสืบไป

ผู้มีเจตนาไม่สุจริต มักจะอยู่ไม่ได้นาน ก็จะมีเหตุให้ต้องออกไป ยากที่จะยืนหยัดทำความดี

คนในโลกนี้ ส่วนมากคิดถึงตนเองก่อน ถ้าเป็นเรื่องส่วนรวมก็ทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เหยาะแหยะ ผู้มีใจใหญ่เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำความดี
ใหม่ๆ จึงมักถูกมองว่าทำอะไรใหญ่โต เว่อร์ เพี้ยน มีวัตถุประสงค์แอบแฝง

เราชาวพุทธ เมื่อเห็นพระภิกษุรูปใดตั้งใจทำงาน เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง แม้เริ่มต้นเราอาจไม่เห็นด้วยในวิธีการ เพราะความไม่คุ้นเคย
เป็นเรื่องค่อนข้างแปลกใหม่ เราอย่าเพิ่งไปตำหนิด่าว่าท่าน จะกลายเป็นวิบากกรรม คนที่ไปด่าพระภิกษุที่ทำความดีอย่างอุทิศชีวิตเหมือนพระโพธิสัตว์
ว่าบ้า ผลกรรมน่ากลัวมาก

ใครชอบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบไหน ก็ชวนคนให้มาปฏิบัติแบบที่ตนเองชอบ อย่าเอาเวลา สติปัญญา ความสามารถของเรา ไปใช้ในทางทำลาย
ก่อบาป แต่ให้เอามาใช้ในทางสร้างสรรค์ดีกว่า จะส่งผลให้พระพุทธศานาเจริญก้าวหน้า ตัวเราก็จะไม่มีกรรมหนักติดตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่