ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 21
http://pantip.com/topic/33086510
“จากนั้นพ่อกับแม่เจ้าก็อยู่ด้วยกันอย่างผัวเมีย เรามีความสุขกันมากช่วงนั้น” ไกรศักดิ์หันไปบอกลูก
“ในเดือนแรกพ่อขอพักงานสงครามไว้ชั่วคราว พ่ออ้างไปว่าบาดเจ็บ” เขาเล่าต่อ
“ใช้ชีวิตอยู่แบบชาวบ้านไปไหนก็ไปด้วยกัน กินอยู่หลับนอนอยู่ด้วยกัน”
“แม่เจ้าไม่เคยอยู่ห่างตัวพ่อและพ่อก็ไม่เคยห่างแม่เจ้าสักเวลา”
“หลังจากช่วงขอพักหมดลงพ่อก็ต้องออกป่าทำงานสงครามต่อ ต้องฝากแม่เจ้าไว้ให้โละดูแล”
“จนล่วงเข้าหมดเดือนที่สามปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น”
ไกรศักดิ์หยุดเล่ามองหน้าโละกับสร้อยแก้ว
นายทหารหนุ่มสาวเท้าเร็วขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมียรักของเขาเมื่อใกล้ถึงบ้าน พรานผาจึงต้องจ้ำเท้าตามด้วยร่างกายที่เล็กกว่ามากจนเข้าใกล้เขตบ้าน ไกรศักดิ์นายทหารหนุ่มชะงักเท้านั่งก้มตัวลงหลังพุ่มไม้ พรานผานั่งลงตามแล้วขยับเข้ามาหา
“พี่ผา มีหลายคนอยู่บนเรือน” เขาพูด
พรานผาขยับเข้ามาแหวกพุ่มไม้มองไปยังบ้านของเขาที่อยู่ไม่ไกล ไกรศักดิ์ปลดอาวุธสงครามลงจากไหล่พลิกมองล็อกไกปืนว่ายังคงล็อกอยู่แล้ว
ประทับปืนใช้กล้องเล็งส่องตรวจบนบ้านและบริเวณลานบ้าน
“สามคนบนเรือน อีกสี่ที่ลานหน้าบ้าน” เขากระซิบบอกพรานผา
พรานผาดึงกล้องส่องทางไกลของตนออกมาส่องมองไปที่บ้าน
“ไอ้ขะมูหัวบ้าน ไอ้คะแยกับพรานพวกมัน” พรานผาบอก
“ผู้พันระวังอยู่เยี่ยงนี้ ข้าจะเร่งเข้าไป”
พรานผารีบลุกขึ้นออกเดินตรงไปยังบ้านของเขาอย่างเร่งรีบ ไกรศักดิ์ยังนั่งอยู่กับที่ประทับปืนวางปากกระบอกไว้บนง่ามของกิ่งไม้เพื่อให้นิ่ง หรี่ตามองผ่านกล้องเล็งแล้วปรับศูนย์ให้เห็นชัด สี่คนที่ลานบ้านนั่งสบายๆไม่มีทีท่าคุกคาม บนเรือนมีโละนั่งอยู่กั้นลอยาของเขาไว้ข้างหลังโดยมีคนที่น่าจะเป็นขะมูหัวบ้านกับพรานอีกสองคนยืนคอยคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ท่าทีพูดจาชี้ไม้ชี้มือของหัวบ้านขะมูและอีกสองคนดูไม่เป็นมิตร ไกรศักดิ์ดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนร้ายแรงเข้ารังเพลิงเล็งไปที่สองคนหลังนิ้วปลดล็อกไกปืน แววเพชฌฆาตฉาบฉายที่ดวงตา เขาพร้อมลั่นไกฆ่าทุกคนที่คิดจะแตะต้องสามชีวิตที่เขารัก
พรานสี่คนที่ลานหน้าบ้านขยับตัวลุกขึ้นถอยหลังออกไปเมื่อเห็นพรานผาเดินเข้ามา พรานผาก้าวขึ้นบันไดไปบนเรือนมองจ้องหน้าทั้งสามคนแล้วไปหยุดยืนกั้นโละกับลอยาไว้ เขาโบกมือให้ทั้งสองขยับถอยหลังไปอีกแล้วหันมาพูด
“พวกเจ้าถอยลงเรือนไปแล้วจึ่งพูดจากับข้า” พรานผาพูดมือกำด้ามมีดยาวที่เอวไว้
ทั้งสามต้องยอมถอยด้วยเกรงบารมี คะแยกับพรานอีกคนลงไปยืนอยู่บนบันได นั่นเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่เขาซึมซับมาจากนายทหารหนุ่มคือผลักให้เป้าหมายไปอยู่ในที่เด่นชัด ขะมูหัวบ้านคนเดียวบนเรือนไม่คะนามือเขา อีกหกในที่แจ้งพรานผารู้แน่ว่าสหายร่วมศึกของเขากำลังหมายหัวพวกมันไว้อยู่แล้ว
“เจ้ามีอันใดขะมู” เขาเริ่มถาม
“อ้ายผา หมู่เผ่าเล่าลือว่าอีลอยามันตั้งท้อง” ขะมูพูดเกรงๆลดท่าทีเกรี้ยวกราดที่ทำกับโละเมื่อครู่ลง
“ผู้ใดมันเล่าแจ้งต่อเจ้า” เขาถามต่อ
“ไอ้คะแย” ขะมูพูดแล้วหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่บนบันได
“มันว่ามันพบเรือนอ้ายผาทัดดอกไม้มากหลายเมื่อสามเดือนก่อน ดั่งมีการผูกข้อมือ” ขะมูพูด
“อีลอยามันผูกกับผู้ใด รึเป็นเจ้าคนนอกเผ่า” ขะมูพูดต่อ
“มิใช่กงการของเจ้า” พรานผาพูด
“มันทำเยี่ยงนี้จะนำอาเพศมาสู่เผ่า” ขะมูพูด
“เหล่าจะเผาลูกกูทั้งเป็นเชียวรึขะมู” พรานผาจ้องตาถามหัวบ้าน
“มันทำเยี่ยงเสนียด มัวรออยู่กระไร เผาให้มันตายยกเรือนเถอะ” คะแยถลึงตาคำรามด้วยความแค้นที่ไม่ได้ครอบครองลอยา มันกระชากดาบออกจากเอวเงื้อง่าวิ่งขึ้นบันได มันหารู้ไม่ว่ามีแววตาของเพชฌฆาตเฝ้ามองอยู่
“ปัง” เสียงคำรามของไรเฟิลสงครามดังขึ้น แรงปะทะของคมกระสุนที่ทะลวงเข้าสีข้าง ส่งร่างของคะแยกระเด็นจากขั้นบันไดหมุนคว้างไปตกนิ่งสนิทอยู่กับพื้นห่างไปสองสามเมตร พรานอีกห้าคนเห็นดังนั้นต่างทิ้งข้าวของวิ่งหนีกลับไปอย่างไม่คิดชีวิต
บนเรือนพรานผากระชากมีดยาวออกจากเอวตรงเข้าหาหัวบ้านขะมู ขะมูนั่งลงยกมือไหว้ท่วมหัวตัวสั่นเทา
“อ้ายผา ไว้ชีวิตข้าด้วย” ขะมูละล่ำละลักก้มลงกราบ
“กูจะย้ายเรือนไม่ให้ติดเสนียดเหล่า หากเหล่าปลงใจจะตาม กูจะฆ่าไม่ให้เหลือติดเผ่า” พรานผายืนค้ำหัวแล้วคำรามบอกสั่ง
ไกรศักดิ์วิ่งเข้ามาหลังจากเหนี่ยวไกลั่นกระสุน เขาวิ่งขึ้นบันไดเรือนมาหยุดยืนตระหง่านค้ำหัวขะมูมองอาการสั่นหวาดกลัวอย่างสมเพช แล้วเดินไปหาลอยา เธอถลันเข้ามากอดผัวรักด้วยความตกใจกลัวตัวสั่น
“เร่งลงเรือนกูไปอย่าได้ช้า” พรานโละตวาดใส่ขะมู
หัวบ้านขะมูรีบลุกขึ้นวิ่งลงบันไดไปอย่างลนลาน
“เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองให้พี่กลับมาทัน” เขาบอกเมียรักด้วยความรู้สึกหวาด
“พวกมันไม่ได้แตะต้องทำร้ายเจ้าใช่หรือเปล่า” เขาถาม
“ข้ากลัวเหลือเกินท่านพี่” ลอยาบอกเขา
“ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ที่นี่แล้วใครจะแตะต้องเธอไม่ได้” เขาพูดด้วยภาษาของเขา
พรานผาเข้ามาโอบทั้งสองไว้
“เราต้องย้ายเรือนกันแล้วเพลานี้” เขาพูด
“ได้พี่ผา ลอยาเมียพี่เจ้าไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของไว้นะ โละไปตัดไม้ต่อแคร่ลากรอท่าไว้ด้วย” ไกรศักดิ์บอกเมียแล้วหันไปสั่งโละที่ยืนคอยคำสั่งอยู่ใกล้ๆ
“พี่ผาช่วยดูแลของแล้วกันนะ ฉันจะคอยช่วยระวังพวกชาวบ้านเอาไว้ให้” เขาหันไปพูดกับพรานผา
“เราจะไปหนใดกันจ๊ะพ่อครู ท่านผู้พัน” โละถามมองทั้งสองคน
“เราเดินอ้อมชะโงกภูโน้นเลี่ยงไม่ปะทะกับหมู่เผ่า” พรานผาตอบ
“ไปหลบลี้หาที่ทางให้น้องเจ้าพักคลอดเสียก่อนแล้วมุ่งลงใต้” พรานผาพูดต่อ
“นั่นจะห่างพื้นป่างานสงครามของท่านผู้พัน” พรานผาหันไปบอกไกรศักดิ์
“เรื่องนั้นพักไว้ก่อนพี่ผา เอาให้เมียฉันกับลูกในท้องแล้วก็โละปลอดภัยเสียก่อน” ไกรศักดิ์พูด
“ถ้าปลงใจแล้วเราเก็บเรือนกัน” พรานผาพูด
โละลงเรือนไปตัดไม้เพื่อจะผูกแคร่ลาก พรานผากับลอยาช่วยกันจัดเก็บเสื้อผ้าของใช้จำเป็นบนเรือน ไกรศักดิ์เดินไปหลังบ้านเพื่อจัดการกับคลังอาวุธและอุปกรณ์สื่อสารของเขา บนไหล่ของนายทหารสะพายไรเฟิลสงครามที่บรรจุกระสุนปืนและหัวระเบิดในชุดยิงส่งพร้อมต่อสู้ เขาเก็บของไปด้วยขณะที่กวาดตาเหยี่ยวสอดส่ายไปทั่วราวป่า
ไม่นานนักข้าวของเครื่องใช้ถูกมัดวางอยู่บนแคร่ลากเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนยืนมองเรือนด้วยความอาลัย แต่ด้วยเหตุร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้พวกเขาไม่มีทางเลือก พรานผากับโละเดินขึ้นเรือนไปอีกครั้งเพื่อจุดไฟเผาแล้วเดินกลับลงมา ศพของคะแยยังนอนอยู่ที่เดิม ไกรศักดิ์และโละช่วยกันลากแคร่ออกมาตามทางที่จะไปแล้วคนทั้งสี่ก็หยุดหันกลับมามองเรือนของพวกเขาอีกครั้ง เปลวเพลิงเริ่มพวยพุ่งออกมาครู่เดียวตัวเรือนไม้หลังคามุงด้วยใบจากก็ลุกโชติช่วง ส่วนของชานเรือนถล่มลงทับศพของคนที่ทำให้เกิดเหตุเพื่อเผาให้วอดวายไปด้วยกัน
“ฉันขอโทษพี่ผาด้วยที่เป็นต้นเหตุ” ไกรศักดิ์เอ่ยปากเมื่อเริ่มออกเดินทาง
“ท่านมิได้เป็นต้นเรื่องท่านผู้พัน” พรานผาบอก
“ไม่ว่าท่านจะเกิดในที่ไกลโพ้นเพียงใด ท่านก็จำต้องมาครองคู่ นั่นคือลิขิต” พรานผาพูด
“เจ้าเดินไหวนะลอยา” ไกรศักดิ์หันไปถามเมียรักที่เดินอยู่ข้างๆ
“ไหวจ้ะ” ลอยายิ้มพูดกับเขา
“พี่เป็นห่วงลูกในท้องเพิ่งต้นครรภ์ หากไม่ไหวเจ้าต้องบอกพี่ พี่จะอุ้มเจ้าไป” เขาบอก
ลอยายิ้มให้กับเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ ไกรศักดิ์กับโละช่วยกันลากแคร่เดินนำ ลอยาตามไปข้างๆ มีพรานผาปิดหลังคอยระวังให้ พวกเขาย่ำเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งบนเส้นทางที่ถูกลิขิตไว้แล้ว
น้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มรินหยดบนหลังมือของเธอเอง สร้อยแก้วนั่งฟังอย่างซาบซึ้ง อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าพ่อรักและห่วงใยแม่มากแค่ไหนเมื่อแม่ลอยายังมีชีวิตอยู่ เธอเข้าใจแล้วถึงคำสั่งเสียที่ปู่ผาพูดไว้ว่าให้เชื่อทุกสิ่งที่ท่านพ่อพูด
“สร้อยแก้วดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกท่านพ่อจ้ะ” เธอพูดแล้วกอดแขนเขาไว้
เหมียวนั่งน้ำตาคลอฟังลุงไกรศักดิ์เล่าเรื่อง เธอรู้สึกนับถือความรักความยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวในหัวใจของบุรุษผู้นี้ แล้วแอบอิจฉาลอยาว่าจะมีใครสักคนหรือไม่ที่จะให้ความรักกับเธอได้มากมายขนาดนี้
สำหรับโจ เขาหมดคำถาม หมดข้อสงสัยใดๆในตัวลุงของเขาแล้ว ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พ่อสุรเกียรติเล่าให้ฟัง เขาเชื่อแล้วว่าชายคนนี้ยิ่งใหญ่จริงๆในหัวใจ ยิ่งใหญ่จนรู้สึกว่าเขาไม่บังอาจกล้าคิดเทียบเคียงได้เลย
“โจทนฟังลุงเล่าต่ออีกหน่อยนะ ถึงตอนนี้ยังต่อเรื่องไม่ติดใช่มั้ย” ไกรศักดิ์หันไปพูดกับโจ
โจเข้าไปกอดลุงของเขาแนบแน่นแล้วคุกเข่าอยู่ต่อหน้า
“คุณลุงยิ่งใหญ่ครับ ผมพูดจากหัวใจ พ่อเล่าให้ผมฟังเรื่องทองคำ ผมเดินป่าตามคุณลุงมาเกือบเดือน ผมได้ฟังเรื่องป้าลอยา ผมเชื่ออย่างที่ปู่ผาพูด คุณลุงภักดีต่อทุกสิ่งที่คุณลุงรัก ไม่เคยเห็นแก่ตัวเอง นั่นเพียงพอแล้วครับที่ผมจะขอก้มลงกราบเท้า” โจพูดแล้วก้มลงกราบแทบเท้าไกรศักดิ์
ไกรศักดิ์พยุงหลานชายขึ้นมากอด
“ผมเสียใจที่สุดที่เคยล่วงเกินคุณลุงครับ” โจพูดน้ำตาไหลพราก
“ไม่เป็นไรลืมมันไปซะ” ไกรศักดิ์พูดแล้วลูบหัวโจ
“คนเราเคยทำเรื่องผิดกันมาแล้วทั้งนั้น ฟังลุงเล่าต่อนะ”
ทั้งสี่คนเดินทางอ้อมลงใต้เลี่ยงเขตหมู่บ้านที่เคยอยู่เพื่อหลบหลีกการปะทะ รอนแรมกันมากว่ายี่สิบวันแล้ว วันนี้พรานผาต้องช่วยกันกับโละลากแคร่เพราะไกรศักดิ์ต้องอุ้มเมียรักของเขาเดิน ลอยาตั้งท้องอ่อนๆไกรศักดิ์จึงไม่อยากให้เธอต้องตรากตรำมากนัก
“ท่านพี่ปล่อยข้าลงเถอะ ข้าเดินไหวจ้ะ” ลอยาบอกเขา
“ลอยาเดินไหวแต่ลูกในท้องเดินไม่ไหวหรอกนะเจ้า” ไกรศักดิ์พูดยิ้มๆให้เมียไม่เครียด
“ลอยาเป็นห่วงพี่ท่านต้องเหนื่อยจ้ะ” เธอบอก
“เมียพี่ตัวเบาแค่นี้มีรึพี่จะอุ้มไม่ไหว” เขายิ้มบอกแล้วยกเธอขึ้นจูบข้างแก้ม
“ก็ให้พี่อุ้มไปหอมไปแบบนี้พี่จะได้มีแรงยังไง” เขาพูดปนเสียงหัวเราะ
“ข้ารักท่านพี่เหลือเกินจ้ะ” ลอยาพูดสบตาเขา
“อย่างนั้นราตรีนี้พี่จะได้บอกรักเจ้าอีก” เขาพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เมีย
เธอไม่ตอบได้แต่โอบกอดคอซบหน้าเอียงอาย สองคนผัวเมียอุ้มกันเดินคุยหยอกเย้าตามแคร่ที่ลากไปข้างหน้าจนมาถึงชัยภูมิแห่งหนึ่ง พรานผาหยุดเดินปล่อยแคร่ลากลงแล้วล้วงเอากล้องส่องทางไกลออกมาส่องตรวจดู
ไกรศักดิ์ปล่อยตัวลอยาให้ยืนแล้วเดินมาสมทบกับพรานผา เขาใช้ฝ่ามือป้องไว้เหนือคิ้วเพื่อบังแดดมองภูมิประเทศเบื้องหน้า พื้นป่าโปร่งทอดลงจากไหล่เขาลาดยาวไปไกล มีต้นผลไม้ป่าหลายชนิดที่กินได้ขึ้นอยู่ทั่วไปทั้งยังมีสายน้ำลำธารเล็กทอดยาวคดเคี้ยวเหมาะแก่การอยู่อาศัย
“เราลงเรือนกันที่นี่ดีมั้ยพี่ผา” ไกรศักดิ์ถามความเห็น
“เหมาะนักท่านผู้พัน เราห่างมันไกลโขแล้ว” พรานผาพูดความเห็น
“เมียพี่ว่าเยี่ยงไร โละล่ะ” ไกรศักดิ์หันไปถามลอยากับโละพี่ชาย
“ข้าปลงใจตามท่านพี่กับท่านพ่อจ้ะ” เธอตอบ
โละได้แต่ยิ้ม ที่จริงเขารู้สึกชอบภูมิทัศน์แถวนี้มากเมื่อได้เห็น เขาไม่ตอบก้มลงคว้าแคร่ลากแล้วออกเดินนำหน้าไปคนเดียวไม่รั้งรอ
ธารทิพย์ บทที่ 22
ธารทิพย์ บทที่ 21 http://pantip.com/topic/33086510
“จากนั้นพ่อกับแม่เจ้าก็อยู่ด้วยกันอย่างผัวเมีย เรามีความสุขกันมากช่วงนั้น” ไกรศักดิ์หันไปบอกลูก
“ในเดือนแรกพ่อขอพักงานสงครามไว้ชั่วคราว พ่ออ้างไปว่าบาดเจ็บ” เขาเล่าต่อ
“ใช้ชีวิตอยู่แบบชาวบ้านไปไหนก็ไปด้วยกัน กินอยู่หลับนอนอยู่ด้วยกัน”
“แม่เจ้าไม่เคยอยู่ห่างตัวพ่อและพ่อก็ไม่เคยห่างแม่เจ้าสักเวลา”
“หลังจากช่วงขอพักหมดลงพ่อก็ต้องออกป่าทำงานสงครามต่อ ต้องฝากแม่เจ้าไว้ให้โละดูแล”
“จนล่วงเข้าหมดเดือนที่สามปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น”
ไกรศักดิ์หยุดเล่ามองหน้าโละกับสร้อยแก้ว
นายทหารหนุ่มสาวเท้าเร็วขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมียรักของเขาเมื่อใกล้ถึงบ้าน พรานผาจึงต้องจ้ำเท้าตามด้วยร่างกายที่เล็กกว่ามากจนเข้าใกล้เขตบ้าน ไกรศักดิ์นายทหารหนุ่มชะงักเท้านั่งก้มตัวลงหลังพุ่มไม้ พรานผานั่งลงตามแล้วขยับเข้ามาหา
“พี่ผา มีหลายคนอยู่บนเรือน” เขาพูด
พรานผาขยับเข้ามาแหวกพุ่มไม้มองไปยังบ้านของเขาที่อยู่ไม่ไกล ไกรศักดิ์ปลดอาวุธสงครามลงจากไหล่พลิกมองล็อกไกปืนว่ายังคงล็อกอยู่แล้ว
ประทับปืนใช้กล้องเล็งส่องตรวจบนบ้านและบริเวณลานบ้าน
“สามคนบนเรือน อีกสี่ที่ลานหน้าบ้าน” เขากระซิบบอกพรานผา
พรานผาดึงกล้องส่องทางไกลของตนออกมาส่องมองไปที่บ้าน
“ไอ้ขะมูหัวบ้าน ไอ้คะแยกับพรานพวกมัน” พรานผาบอก
“ผู้พันระวังอยู่เยี่ยงนี้ ข้าจะเร่งเข้าไป”
พรานผารีบลุกขึ้นออกเดินตรงไปยังบ้านของเขาอย่างเร่งรีบ ไกรศักดิ์ยังนั่งอยู่กับที่ประทับปืนวางปากกระบอกไว้บนง่ามของกิ่งไม้เพื่อให้นิ่ง หรี่ตามองผ่านกล้องเล็งแล้วปรับศูนย์ให้เห็นชัด สี่คนที่ลานบ้านนั่งสบายๆไม่มีทีท่าคุกคาม บนเรือนมีโละนั่งอยู่กั้นลอยาของเขาไว้ข้างหลังโดยมีคนที่น่าจะเป็นขะมูหัวบ้านกับพรานอีกสองคนยืนคอยคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ท่าทีพูดจาชี้ไม้ชี้มือของหัวบ้านขะมูและอีกสองคนดูไม่เป็นมิตร ไกรศักดิ์ดึงลูกเลื่อนบรรจุกระสุนร้ายแรงเข้ารังเพลิงเล็งไปที่สองคนหลังนิ้วปลดล็อกไกปืน แววเพชฌฆาตฉาบฉายที่ดวงตา เขาพร้อมลั่นไกฆ่าทุกคนที่คิดจะแตะต้องสามชีวิตที่เขารัก
พรานสี่คนที่ลานหน้าบ้านขยับตัวลุกขึ้นถอยหลังออกไปเมื่อเห็นพรานผาเดินเข้ามา พรานผาก้าวขึ้นบันไดไปบนเรือนมองจ้องหน้าทั้งสามคนแล้วไปหยุดยืนกั้นโละกับลอยาไว้ เขาโบกมือให้ทั้งสองขยับถอยหลังไปอีกแล้วหันมาพูด
“พวกเจ้าถอยลงเรือนไปแล้วจึ่งพูดจากับข้า” พรานผาพูดมือกำด้ามมีดยาวที่เอวไว้
ทั้งสามต้องยอมถอยด้วยเกรงบารมี คะแยกับพรานอีกคนลงไปยืนอยู่บนบันได นั่นเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่เขาซึมซับมาจากนายทหารหนุ่มคือผลักให้เป้าหมายไปอยู่ในที่เด่นชัด ขะมูหัวบ้านคนเดียวบนเรือนไม่คะนามือเขา อีกหกในที่แจ้งพรานผารู้แน่ว่าสหายร่วมศึกของเขากำลังหมายหัวพวกมันไว้อยู่แล้ว
“เจ้ามีอันใดขะมู” เขาเริ่มถาม
“อ้ายผา หมู่เผ่าเล่าลือว่าอีลอยามันตั้งท้อง” ขะมูพูดเกรงๆลดท่าทีเกรี้ยวกราดที่ทำกับโละเมื่อครู่ลง
“ผู้ใดมันเล่าแจ้งต่อเจ้า” เขาถามต่อ
“ไอ้คะแย” ขะมูพูดแล้วหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่บนบันได
“มันว่ามันพบเรือนอ้ายผาทัดดอกไม้มากหลายเมื่อสามเดือนก่อน ดั่งมีการผูกข้อมือ” ขะมูพูด
“อีลอยามันผูกกับผู้ใด รึเป็นเจ้าคนนอกเผ่า” ขะมูพูดต่อ
“มิใช่กงการของเจ้า” พรานผาพูด
“มันทำเยี่ยงนี้จะนำอาเพศมาสู่เผ่า” ขะมูพูด
“เหล่าจะเผาลูกกูทั้งเป็นเชียวรึขะมู” พรานผาจ้องตาถามหัวบ้าน
“มันทำเยี่ยงเสนียด มัวรออยู่กระไร เผาให้มันตายยกเรือนเถอะ” คะแยถลึงตาคำรามด้วยความแค้นที่ไม่ได้ครอบครองลอยา มันกระชากดาบออกจากเอวเงื้อง่าวิ่งขึ้นบันได มันหารู้ไม่ว่ามีแววตาของเพชฌฆาตเฝ้ามองอยู่
“ปัง” เสียงคำรามของไรเฟิลสงครามดังขึ้น แรงปะทะของคมกระสุนที่ทะลวงเข้าสีข้าง ส่งร่างของคะแยกระเด็นจากขั้นบันไดหมุนคว้างไปตกนิ่งสนิทอยู่กับพื้นห่างไปสองสามเมตร พรานอีกห้าคนเห็นดังนั้นต่างทิ้งข้าวของวิ่งหนีกลับไปอย่างไม่คิดชีวิต
บนเรือนพรานผากระชากมีดยาวออกจากเอวตรงเข้าหาหัวบ้านขะมู ขะมูนั่งลงยกมือไหว้ท่วมหัวตัวสั่นเทา
“อ้ายผา ไว้ชีวิตข้าด้วย” ขะมูละล่ำละลักก้มลงกราบ
“กูจะย้ายเรือนไม่ให้ติดเสนียดเหล่า หากเหล่าปลงใจจะตาม กูจะฆ่าไม่ให้เหลือติดเผ่า” พรานผายืนค้ำหัวแล้วคำรามบอกสั่ง
ไกรศักดิ์วิ่งเข้ามาหลังจากเหนี่ยวไกลั่นกระสุน เขาวิ่งขึ้นบันไดเรือนมาหยุดยืนตระหง่านค้ำหัวขะมูมองอาการสั่นหวาดกลัวอย่างสมเพช แล้วเดินไปหาลอยา เธอถลันเข้ามากอดผัวรักด้วยความตกใจกลัวตัวสั่น
“เร่งลงเรือนกูไปอย่าได้ช้า” พรานโละตวาดใส่ขะมู
หัวบ้านขะมูรีบลุกขึ้นวิ่งลงบันไดไปอย่างลนลาน
“เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองให้พี่กลับมาทัน” เขาบอกเมียรักด้วยความรู้สึกหวาด
“พวกมันไม่ได้แตะต้องทำร้ายเจ้าใช่หรือเปล่า” เขาถาม
“ข้ากลัวเหลือเกินท่านพี่” ลอยาบอกเขา
“ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ที่นี่แล้วใครจะแตะต้องเธอไม่ได้” เขาพูดด้วยภาษาของเขา
พรานผาเข้ามาโอบทั้งสองไว้
“เราต้องย้ายเรือนกันแล้วเพลานี้” เขาพูด
“ได้พี่ผา ลอยาเมียพี่เจ้าไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของไว้นะ โละไปตัดไม้ต่อแคร่ลากรอท่าไว้ด้วย” ไกรศักดิ์บอกเมียแล้วหันไปสั่งโละที่ยืนคอยคำสั่งอยู่ใกล้ๆ
“พี่ผาช่วยดูแลของแล้วกันนะ ฉันจะคอยช่วยระวังพวกชาวบ้านเอาไว้ให้” เขาหันไปพูดกับพรานผา
“เราจะไปหนใดกันจ๊ะพ่อครู ท่านผู้พัน” โละถามมองทั้งสองคน
“เราเดินอ้อมชะโงกภูโน้นเลี่ยงไม่ปะทะกับหมู่เผ่า” พรานผาตอบ
“ไปหลบลี้หาที่ทางให้น้องเจ้าพักคลอดเสียก่อนแล้วมุ่งลงใต้” พรานผาพูดต่อ
“นั่นจะห่างพื้นป่างานสงครามของท่านผู้พัน” พรานผาหันไปบอกไกรศักดิ์
“เรื่องนั้นพักไว้ก่อนพี่ผา เอาให้เมียฉันกับลูกในท้องแล้วก็โละปลอดภัยเสียก่อน” ไกรศักดิ์พูด
“ถ้าปลงใจแล้วเราเก็บเรือนกัน” พรานผาพูด
โละลงเรือนไปตัดไม้เพื่อจะผูกแคร่ลาก พรานผากับลอยาช่วยกันจัดเก็บเสื้อผ้าของใช้จำเป็นบนเรือน ไกรศักดิ์เดินไปหลังบ้านเพื่อจัดการกับคลังอาวุธและอุปกรณ์สื่อสารของเขา บนไหล่ของนายทหารสะพายไรเฟิลสงครามที่บรรจุกระสุนปืนและหัวระเบิดในชุดยิงส่งพร้อมต่อสู้ เขาเก็บของไปด้วยขณะที่กวาดตาเหยี่ยวสอดส่ายไปทั่วราวป่า
ไม่นานนักข้าวของเครื่องใช้ถูกมัดวางอยู่บนแคร่ลากเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนยืนมองเรือนด้วยความอาลัย แต่ด้วยเหตุร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้พวกเขาไม่มีทางเลือก พรานผากับโละเดินขึ้นเรือนไปอีกครั้งเพื่อจุดไฟเผาแล้วเดินกลับลงมา ศพของคะแยยังนอนอยู่ที่เดิม ไกรศักดิ์และโละช่วยกันลากแคร่ออกมาตามทางที่จะไปแล้วคนทั้งสี่ก็หยุดหันกลับมามองเรือนของพวกเขาอีกครั้ง เปลวเพลิงเริ่มพวยพุ่งออกมาครู่เดียวตัวเรือนไม้หลังคามุงด้วยใบจากก็ลุกโชติช่วง ส่วนของชานเรือนถล่มลงทับศพของคนที่ทำให้เกิดเหตุเพื่อเผาให้วอดวายไปด้วยกัน
“ฉันขอโทษพี่ผาด้วยที่เป็นต้นเหตุ” ไกรศักดิ์เอ่ยปากเมื่อเริ่มออกเดินทาง
“ท่านมิได้เป็นต้นเรื่องท่านผู้พัน” พรานผาบอก
“ไม่ว่าท่านจะเกิดในที่ไกลโพ้นเพียงใด ท่านก็จำต้องมาครองคู่ นั่นคือลิขิต” พรานผาพูด
“เจ้าเดินไหวนะลอยา” ไกรศักดิ์หันไปถามเมียรักที่เดินอยู่ข้างๆ
“ไหวจ้ะ” ลอยายิ้มพูดกับเขา
“พี่เป็นห่วงลูกในท้องเพิ่งต้นครรภ์ หากไม่ไหวเจ้าต้องบอกพี่ พี่จะอุ้มเจ้าไป” เขาบอก
ลอยายิ้มให้กับเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ ไกรศักดิ์กับโละช่วยกันลากแคร่เดินนำ ลอยาตามไปข้างๆ มีพรานผาปิดหลังคอยระวังให้ พวกเขาย่ำเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งบนเส้นทางที่ถูกลิขิตไว้แล้ว
น้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มรินหยดบนหลังมือของเธอเอง สร้อยแก้วนั่งฟังอย่างซาบซึ้ง อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าพ่อรักและห่วงใยแม่มากแค่ไหนเมื่อแม่ลอยายังมีชีวิตอยู่ เธอเข้าใจแล้วถึงคำสั่งเสียที่ปู่ผาพูดไว้ว่าให้เชื่อทุกสิ่งที่ท่านพ่อพูด
“สร้อยแก้วดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกท่านพ่อจ้ะ” เธอพูดแล้วกอดแขนเขาไว้
เหมียวนั่งน้ำตาคลอฟังลุงไกรศักดิ์เล่าเรื่อง เธอรู้สึกนับถือความรักความยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวในหัวใจของบุรุษผู้นี้ แล้วแอบอิจฉาลอยาว่าจะมีใครสักคนหรือไม่ที่จะให้ความรักกับเธอได้มากมายขนาดนี้
สำหรับโจ เขาหมดคำถาม หมดข้อสงสัยใดๆในตัวลุงของเขาแล้ว ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พ่อสุรเกียรติเล่าให้ฟัง เขาเชื่อแล้วว่าชายคนนี้ยิ่งใหญ่จริงๆในหัวใจ ยิ่งใหญ่จนรู้สึกว่าเขาไม่บังอาจกล้าคิดเทียบเคียงได้เลย
“โจทนฟังลุงเล่าต่ออีกหน่อยนะ ถึงตอนนี้ยังต่อเรื่องไม่ติดใช่มั้ย” ไกรศักดิ์หันไปพูดกับโจ
โจเข้าไปกอดลุงของเขาแนบแน่นแล้วคุกเข่าอยู่ต่อหน้า
“คุณลุงยิ่งใหญ่ครับ ผมพูดจากหัวใจ พ่อเล่าให้ผมฟังเรื่องทองคำ ผมเดินป่าตามคุณลุงมาเกือบเดือน ผมได้ฟังเรื่องป้าลอยา ผมเชื่ออย่างที่ปู่ผาพูด คุณลุงภักดีต่อทุกสิ่งที่คุณลุงรัก ไม่เคยเห็นแก่ตัวเอง นั่นเพียงพอแล้วครับที่ผมจะขอก้มลงกราบเท้า” โจพูดแล้วก้มลงกราบแทบเท้าไกรศักดิ์
ไกรศักดิ์พยุงหลานชายขึ้นมากอด
“ผมเสียใจที่สุดที่เคยล่วงเกินคุณลุงครับ” โจพูดน้ำตาไหลพราก
“ไม่เป็นไรลืมมันไปซะ” ไกรศักดิ์พูดแล้วลูบหัวโจ
“คนเราเคยทำเรื่องผิดกันมาแล้วทั้งนั้น ฟังลุงเล่าต่อนะ”
ทั้งสี่คนเดินทางอ้อมลงใต้เลี่ยงเขตหมู่บ้านที่เคยอยู่เพื่อหลบหลีกการปะทะ รอนแรมกันมากว่ายี่สิบวันแล้ว วันนี้พรานผาต้องช่วยกันกับโละลากแคร่เพราะไกรศักดิ์ต้องอุ้มเมียรักของเขาเดิน ลอยาตั้งท้องอ่อนๆไกรศักดิ์จึงไม่อยากให้เธอต้องตรากตรำมากนัก
“ท่านพี่ปล่อยข้าลงเถอะ ข้าเดินไหวจ้ะ” ลอยาบอกเขา
“ลอยาเดินไหวแต่ลูกในท้องเดินไม่ไหวหรอกนะเจ้า” ไกรศักดิ์พูดยิ้มๆให้เมียไม่เครียด
“ลอยาเป็นห่วงพี่ท่านต้องเหนื่อยจ้ะ” เธอบอก
“เมียพี่ตัวเบาแค่นี้มีรึพี่จะอุ้มไม่ไหว” เขายิ้มบอกแล้วยกเธอขึ้นจูบข้างแก้ม
“ก็ให้พี่อุ้มไปหอมไปแบบนี้พี่จะได้มีแรงยังไง” เขาพูดปนเสียงหัวเราะ
“ข้ารักท่านพี่เหลือเกินจ้ะ” ลอยาพูดสบตาเขา
“อย่างนั้นราตรีนี้พี่จะได้บอกรักเจ้าอีก” เขาพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เมีย
เธอไม่ตอบได้แต่โอบกอดคอซบหน้าเอียงอาย สองคนผัวเมียอุ้มกันเดินคุยหยอกเย้าตามแคร่ที่ลากไปข้างหน้าจนมาถึงชัยภูมิแห่งหนึ่ง พรานผาหยุดเดินปล่อยแคร่ลากลงแล้วล้วงเอากล้องส่องทางไกลออกมาส่องตรวจดู
ไกรศักดิ์ปล่อยตัวลอยาให้ยืนแล้วเดินมาสมทบกับพรานผา เขาใช้ฝ่ามือป้องไว้เหนือคิ้วเพื่อบังแดดมองภูมิประเทศเบื้องหน้า พื้นป่าโปร่งทอดลงจากไหล่เขาลาดยาวไปไกล มีต้นผลไม้ป่าหลายชนิดที่กินได้ขึ้นอยู่ทั่วไปทั้งยังมีสายน้ำลำธารเล็กทอดยาวคดเคี้ยวเหมาะแก่การอยู่อาศัย
“เราลงเรือนกันที่นี่ดีมั้ยพี่ผา” ไกรศักดิ์ถามความเห็น
“เหมาะนักท่านผู้พัน เราห่างมันไกลโขแล้ว” พรานผาพูดความเห็น
“เมียพี่ว่าเยี่ยงไร โละล่ะ” ไกรศักดิ์หันไปถามลอยากับโละพี่ชาย
“ข้าปลงใจตามท่านพี่กับท่านพ่อจ้ะ” เธอตอบ
โละได้แต่ยิ้ม ที่จริงเขารู้สึกชอบภูมิทัศน์แถวนี้มากเมื่อได้เห็น เขาไม่ตอบก้มลงคว้าแคร่ลากแล้วออกเดินนำหน้าไปคนเดียวไม่รั้งรอ