ความฝันสู้กับความจริงของเด็กอายุ19..

สวัสดีคับ
ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความฝันชิ้นเดียวในชีวิต ตั้งแต่รู้ว่ามีอาชีพสจ๊วตบนโลกใบนี้ แรงบันดาลใจจากความฝันคือผมเป็นเด็กที่ชอบเครื่องบินมากๆ  ผมโตมาโดยมีน้าแท้ๆที่เป็นสจ๊วตเป็นตัวอย่างคับ ตอนม.ปลายที่กำลังมองหาช่องทางที่จะส่งผมไปถึงฝันได้ ก็จะหนักไปทางภาษา ผมลืมบอกไปภาษาผมไม่ค่อยแน่น แต่อาชีพสจ๊วตภาษาเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรยากเกินไปถ้าเราพยายามกับมันจริงๆ แต่..  พ่อกับแม่ผมเป็นครูทั้ง2ท่านครับ นอกจากเป็นครูยังมีธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเขาหวังไว้กับผมว่าจะให้มาสานต่อธุรกิจตัวนี้ ผมมีพี่น้องรวมผมด้วย3คนนะคับ ผู้ชายหมดเลย พี่คนโตข้อนข้างเกเรคับมีลูกคั้งแต่อายุ17 แต่ทุกวันนี้เขาก็มีการมีงานของเขาคับ พี่คนกลางเป็นดีไซเนอร์อยู่บริษัทธนูลักษณ์ พี่2คนไปถึงฝั่งกันหมดแล้วคับ เหลือผมคนเดียวน้องเล็กสุด ช่วงที่กำลังหัวเหลียวหัวต่อตอนที่จะต่อมหาลัยผมได้บอกความฝันสจ๊วตของผมให้พ่อกับแม่ได้ฟัง คือจริงเขารู้อยู่แล้วคับว่าผมต้องการอะไร แต่เขาคงไม่คิดว่าผมจะเอาจริง ก็เกิดปัญหาระดับครอบครัวขึ้น พ่อกับแม่ไม่สนับสนุนเลยยยคับพ่อกับแม่ได้แต่พูดว่า ไม่,จะทำได้เหรอ,ตัวก็เตี้ย,ภาษาก็ไม่ดี,อยากเรียนให้ไปหาเงินเรียนเอง พ่อกับแม่บอกว่าอยากเรียนไปสอบเองส่วนมหาลัยเอกชนไม่ต่องมาพูดยังไงก็ไม่ ให้เรียนแต่ราม แต่ผมก็อยากลองสัมพัสชีวิตดัชชี่สักครั้งนึง จริงๆจะขอเข้าเอกชนแต่เขายิ่งไม่ให้ ทั้งๆที่บ้านผมก็ฐานะดีระดับนึง ไม่ได้รวยมากแต่น่าจะส่งลูกคนสุดท้ายเรียนได้ ช่วงนั้นผมท้อมากคับเป็นช่วงที่จะต้องสอบเข้ามหาลัยผมเลยลองสู้ด้วยตัวเองสักครั้งตัดสินใจไปสอบธุรกิจการบินของรัฐแห่งหนึ่ง ผมไปสอบครับแต่ไม่ผ่าน สวนสูงถึงน้ำหนักได้ แต่ภาษาตกครับ ตอนนั้นยอมรับครับมันเป็นที่ตัวเรา ตอนนั้นท้อมากคิดว่าฝันคงเป็นไปไม่ได้ เลยลดลงดูเป็นการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชมงคลแห่งหนึ่ง ผมสอบติดคับ ตอนนั้นคิดว่าเรียนอะไรก็ได้แล้วเดี๋ยวค่อยไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมภาษาเอา บ้านผมกับมหาลัยไกลกันพอสมควรนะคับ เลยตัดสินใจอยู่หอ พ่อกับแม่ก็ไม่ว่าคับ อยู่หอคนเดียวตกเดือนละ7000บาท คือผมจะได้เป็นเงินเดือนคับให้เอาไปจัดการค่าหอค่ากินเอาเอง ได้อยู่เดือน15000บาทคับเพราะว่าต้องออกค่าหอด้วย  ผมได้รู้จักกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งคับ เป็นเพื่อนทีดีมากคือดีในที่นี้ไม่ไช่ว่าเรียนอะไรนะคับ คือผมไม่ใช่เด็กเรียนก็มีกลุ่มเพื่อนแบบเหมือนกับเราพวกนี้ดีมากคับคอยช่วยเหลือคอยพยุงผมให้เรียนตลอดแต่ว่าก็มีด้านชวนกันกินเหล้า ชวนกันไม่เรียนบ้าง แล้วชีวิตมหาลัยและการอยู่หอก็มีความสุขมากคับจนทำให้ไม่สนใจการเรียนและเป็นการมาอยู่คนเดียวอย่างเต็มตัวไม่คอยมีใครคอยเตือนคอยสอน ตกเย็นกินเหล้าตกดึกเมาทั้งๆที่พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะคับเป็นแบบนี้ตลอด ตอนเช้าวันใหนตื่นไม่ใหวก็ไปคับทั้งๆที่หออยู่แค่น่าประตูม.คือใกล้มากคับ  ตอนั้นเหลวใหลมากรู้ตัวเองเลย มีวิชาหนึ่งวิชานี้ต้องทำงานชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวคับก็ผ่าน ซึ่งผมทำเสร็จ แต่มีเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งมันไม่เสร็จตอนนั้นรักเพื่อนมาก ไม่เสร็จกูก็ไม่ส่ง คิดว่าไม่เป็นไรติดเอฟไปแก้กับเพื่อน แต่.. เรื่องไม่คาดคิดคิดเกิดครับ เพื่อนผมได้เอฟแค่ตัวเดียว ส่วนผมล่อมาสองคับ งงเลย ตอนนั้นการเรียนเสียหมดครับพึ่งมารู้ตัวตอนปิดภาคเรียนที่หนึ่งครับผมตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองใหม่หมดกลับมาอยู่บ้านยอมเดินทางไกล ผมคิดว่าถ้าอยู่หอต่อไปต้องแย่แน่ๆ  แต่ไม่คาดคิดคับ...  ช่วงปีใหม่ได้ของขวัญจากการกระทำที่ผ่านมา ทางมหาลัยโทรมาบอกว่าไม่มีสิทเรียนแล้วคับคือโดนรีไทน์นั่นเองคับ ตอนนั้นยืนน้ำตาใหลอยู่เดอะมอคับ  ไม่อายแล้วคับเสียใจมาก  ผมลืมบอกเกรดน้ะคับเกรดผม1.15 f=2ตัวคับ   ยอมรับเลยว่าแย่มากๆ ไม่กล้าบอกพ่อแม่คับ ตอนนั้นเครียดมาก ตัดสินใจเก็บของไปเชียงใหม่ไปพักตัวเองไปกับเพื่อนอีกคนคับ ไปอยู่6วัน กลับมาบอกพ่อกับแม่ว่าผมไม่อยากเรียนแล้วผมอยากเรียนรามจะได้ทำงานหาเงินไปด้วย  คือโกหกเขาอะคับไม่กล้าพูดจริงๆ คือขอพูดในส่วนของพ่อแม่นะคับ ท่านอยากให้ผมทำงานธุรกิจกับท่านมากถึงขนาดบอกกับผมว่าไม่ต้องเรียนก็ได้ ให้ออกมาช่วยพ่อ พูดแบบนี้กับผมตั้งแต่อยู่ประมานม.4คับ ไม่เคยสนใจหรือให้กำลังใจในการการเรียนของผมเลย บางทีน้อยใจนะคับ อยากมีพ่อแม่ที่สนใจในการเรียน เขาไม่เคยถามผมเลยว่าโตขึ้นผมอยากเป็นอะไรอยากทำอะไร ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความฝันคับ วันๆเขาเอาแต่ทำงาน  ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไปกินข้าวกับครอบเลยคับเอาจริงๆ 2ปีได้ไปต่างจังหวัดสักที เพราะเขาไม่มีเวลาจริงๆคับ คือส่วนมากเขาจะให้เงินเราแทนคับ ให้ไปกับเพื่อนหรือว่าไปเองประมาณนี้ จากที่เจอกันน้อยๆอยู่แล้วพอเจอหน้าผมก็จะพูดแต่ว่าเรียนไปก็เหนื่อยทำไมไม่มาช่วยพ่อ ผมได้แต่แอบร้องให้อยู่คนเดียว มีพี่ชายเท่านั้นที่เข้าใจ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่คับแล้วทุนเดิมเขาอยากให้ผมเรียนรามอยู่แล้วคับ เขาบอกถ้าเรียนราม จะออกรถให้ พ่อกับแม่ผมใจดีนะคับหมายถึงอยากได้อะไรก็ได้ ยกเว้นเรื่องเรียน  มาในส่วนของผมนะคับผมโดนรีไท ความคิดในตอนนั้นคิดว่า ล้มแล้วก็ต้องลุก ฝันผมอยากไปหามันอยู่  ณ.ตอนนี้ผมคิดว่าผมจะเรียนราม มนุษย์ศาสตร์เอกอิ้ง แล้วเรียนพิเศษภาษาอังกฤษไปด้วย ให้ภาษาแน่นเลยคับ แล้วทำงานพิเศษไปด้วยคือสตาร์บัคคับ แล้วความคิดอีกแบบกะว่าจะขอเขาครั้งสุดท้าย จะเรียนธุรกิจการบินที่.เอกชนสักที่ จะไม่ขออะไรอีกเลย จะตั้งใจให้ถึงที่สุดเพราะเคยล้มมาแล้ว ซึ่งทำให้รู้ดี ว่าล้มแล้วมันเจ็บขนาดใหน

แต่ผมยอมรับนะคับว่าทั้งหมดทำตัวเองทั้งหมดเสียที่ตัวเอง  
อยากอธิบางหัวข้อ
=การเป็นสจ๊วตของผม ผมชอบในอาชีพนะคับ คือไม่ได้มองที่ตัวเงิน ถึงแม้เงินเดือนจะแค่15000มาตฐาน ผมก็อยากทำมันเหมือนเดิม ผมชอบทำให้คนมีความสุขชอบเดินทางชอบไปที่ใหม่ๆ  มันท้าทายดี
=พ่อกับแม่ผมทำธุรกิจขายตรงคับ ที่เขาอยากให้ผมไปทำมากมากเพื่อที่จะได้เป็นขาของเขา แต่ที่มีกินมีใช้อยู่ทุกวันก็ธุรกิจนี้แหล่ะคับ  เดือนๆนึงพ่อกับแม่จะได้จากธุรกิจนี้เดือนละประมาณแสนห้าไม่ต่ำไม่มากกว่านี้นัก และเงินเดือนครู ประมาณหกหมื่น คือจะเห็นว่าอยู่ระดีบกลางๆแต่เงินเหล้านี้ก็แรกกับเวลาที่พ่อกับแม่ไม่ค่อยมีให้พวกผม3คนเลย
=อาจจะเขียนงงๆบ้างต้องขอโทษด้วยนะคับ
=ขอบคุณทุกๆคนที่ได้เข้ามาอ่าน  ผมรู้สึกดีมากคับอยากน้อยผมได้ระบายเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย
=ขอความคิดเห็นหน่อยคับจะเอายังต่อดีกับชีวิตมนุษย์ตัวเล็กๆ
ขอบคุณนะคับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่