ความเดิมตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/33092616
"ฉันอยากบอกพ่อกับแม่ว่าฉันยังไม่ตาย"
เราเอ่ยขึ้นกับบี หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว โดยสวมเสื้อผ้าของเธอ มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
โชยออกมา ซึ่งถ้าหลับตาคงรู้สึกเหมือนกับยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้
"ไม่ได้... ถ้ามีใครรู้ว่าเธอยังไม่ตาย คนๆนั้นต้องตาย"
คำตอบเรียบๆ ของบีทำเอาเราเริ่มฉุนโกรธขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะเราเริ่มได้ใจ จากการที่บีทำตามใจเราทุกอย่าง
ตั้งแต่แก้มัดเราก็ได้
"ทำไม...? เธอจะฆ่าพ่อกับแม่ฉันเหมือนที่ ฆ่าวิว กับ ทิพย์ รึไง ?"
ก่อนจะทันรู้สึกเสียใจภายหลัง ปากเราก็พลั้งพูดอะไรโง่ๆออกไปแล้ว บี ถึงกับเงียบไป
เราเองก็เงียบ โดยภาวนาว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราจะไม่หันมาตบเราหัวหลุดกระเด็น
"ถ้าเลือกได้... ฉันก็ไม่อยากฆ่าสองคนนั้นหรอกนะ..." บีเอ่ยเบาๆ "แต่ถ้าพวกเธอไม่ตาย จะต้องมีคนตายเพิ่มอีก..."
"หมายความว่ายังไง !"
ก่อนที่จะได้ถามต่อ ก็มีบางสิ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ มันเป็นเสียงเพลง เสียงเพลงที่เหมือนกับที่อยู่ในห้องดนตรีไทย
ทว่ากลับไพเราะกว่าจนทำให้รู้สึกเคลิ้บเคลิ้ม และสติก็เริ่มจะเลือนลางออกไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีบางอย่างสัมผัสเรียบลื่น
รสเปรี้ยวขมใส่เข้ามากในปาก มารู้ทีหลังว่าเป็นใบไม้ ที่ บี ใส่เข้ามาในปากเรา
"อย่าเอาออกนะ... หลบอยู่ข้างหลังฉันไว้"
ทันใดทีบีพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเหวี่ยงเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เราคุ้นเคยดี คุณครูดนตรี คนที่หลอกเรา
ให้ถูกขังไว้ในท้ายรถนั่นเอง เพียงแต่คราวนี้เธอดูต่างไปจากที่เคย และแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า หรือทรงผมใหม่
แต่เป็นเพราะแขนที่เพิ่มขึ้นมา อีกคู่หนึ่ง พร้อมกับบรรเลงเพลงพิณอย่างพริ้วไหว ขณะที่แขนคู่เดิมกำลังกอดอกมองมา
ยังพวกเราด้วยสีหน้าที่ แม้แต่ต่อให้ หม่ำ เท่ง โหน่ง มาอยู่ในห้องนี้พร้อมกัน ก็คงทำให้มุมปากของเธอขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
"กล้ามากนะบีที่หลอกครูได้" ครูเอ่ยขึ้นขณะที่ แขนคู่ที่เพิ่มขึ้นมายังบรรเลงเพลงต่อไปไม่หยุด "บอกสิว่าทำได้ยังไง ตอนนั้น
ครูเห็นเธอควัก หัวใจของปาล์มออกมาแล้วนี่นา"
"จริงๆแล้วนั่นเป็นหัวใจของ วิว คะ" บีตอบ "หนูหยิบติดมือมา ตอนที่หนู่ฆ่าเธอ แล้วใช้ความมืดหลอกสายตาครู ว่าหนูฆ่าปาล์มไปแล้ว"
"หืม... เก่งนี่ นั่นหมายความว่า เธอตั้งใจจะหลอกครูอย่างเตรียมการไว้ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบสินะ"
"ค่ะ... หนูตั้งใจ จะช่วยปาล์ม ตั้งแต่เห็นรถครูเข้ามาในโรงเรียน เมื่อคืนวานแล้ว"
ระหว่างการโต้ตอบคำพูดกันของอสูร เราก็อดคิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้ ถ้าร่างมนุษย์สี่แขนนี่เป็นร่างจริงของครู แล้ว บี
จะมีร่างจริง น่าเกลียดน่ากลัวขนาดนี้ไหมนะ
"เอาล่ะ... บี ถ้าเธอฆ่าปาล์มตอนนี้ ครูจะยกโทษให้ และทำเป็นเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น"
"ไม่ค่ะ"
บี ตอบทันที จนคนข้างหลังไม่ทันได้รู้สึกกังวลด้วยซ้ำ ขณะที่ คนที่อยู่ข้างหน้าเธอกำลังขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
"บี เธอคิดจะเป็นศัตรู กับฉัน กับพวกเราเผ่าพันธุ์อสูรอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่ค่ะ"
"แล้วถ้าฉันจะฆ่าปาล์มล่ะ ?"
"หนูก็จะฆ่าครูก่อน"
คำตอบสั้นๆ ของบีทำเอาบรรยากาศในห้องหนักอึ้ง แม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่เราก็รู้ว่า บี เป็นคนพูดอะไร
ทำอย่างนั้น ถ้าเธอบอกจะฆ่า ก็คือจะฆ่า ตรงตามตัวอักษร ไม่ผิดเพี้ยน
"แก... เห็นมนุษย์สำคัญกว่าเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ ?"
สรรพนามที่ครูใช้เรียกบีเปลี่ยนไป
"ไม่ค่ะ หนูแค่เห็น ปาล์ม สำคัญ ไม่ได้หมายถึงมนุษย์ทั้งหมด"
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ขณะที่คราวนี้ เรารู้สึกแปล๊บๆ ร้อนๆ ขึ้นตรงมุมแก้มทั้งสองข้าง อย่างบอกไม่ถูก
"ถ้างั้น..." ครูเอ่ยพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป "พวกแกทั้งคู่ต้องตาย..."
ทันใดนั้นเอง ท่วงทำนองเพลงที่ครูเล่นก็เปลี่ยนไป มันเร็วขึ้น และเจืออารมณ์รุนแรงกร้าวร้าวอยู่ในดนตรีนั้น
ก็จะปรากฏร่างของชายฉกรรจ์นับสิบคนขึ้นเบื้องหลังของเธอ และเราจำพวกนั้นได้ ทุกคนล้วนเป็นคนที่อยู่แถวๆนี้
ทั้งลุงยาม น้าวินมอเตอร์ไซค์ รวมถึงพวกที่ชอบเตะบอลตอนเย็นแถวๆนี้ โดยแต่ล่ะคนมีนัยน์ตาสีแดงและเรืองแสงได้
แม้ในห้องมืด
"ข้า วินิปาติกอสุรา ผู้เป็น ถึงบริวารแห่งเทพคนธรรพ์ มีเหรอจะกลัวอสูรเด็กน้อยเพิ่งเกิดอย่างเจ้า"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คนธรรพ์ (อ่านว่า คน-ทัน)
คือ ชาวสวรรค์พวกหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถเชิงศิลปะทางดนตรี การขับร้อง ฟ้อนรำ นาฏกรรม นาฏศิลป์ทั้งปวง แต่ต้องเป็นไปเพื่อเป็นพุทธบูชา ถ้าเป็นไปเพื่อความสนุกสนานเฮฮาจะต้องไปบังเกิดในนรกที่ชื่อว่า ปหาสะ
พริบตานั้นเอง เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายก็พุ่งเข้าจู่โจมบี ด้วยพละกำลังความเร็ว ที่เหนือกว่ามนุษย์ปกติจะทำได้
พลักเธอชนติดกำแพงดำความแรงจนผนังปูนที่เธอกระแทกใส่ร้าวเป็นรอยอยู่เบื้องหลัง ขณะที่ชายอีกหลายคนตรงเข้ามา
จบเราอุดปากกดขึงไว้บนเตียง ซึ่งแม้เราจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ผล ทั้งๆที่เราเองก็เคยเล่นบาส มั่นใจในเรี่ยวแรงตัวเอง
พอสมควร แต่พละกำลังของคนพวกนี้มากมายกว่าคนปกติทั่วไปจนขัดขืนไม่ได้
"หึๆๆ ยัยเด็กน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายมนุษย์ ที่ถูกดนตรีของข้าควบคุม" ครูเอ่ยพร้อมกับเผยยิ้มอย่างผู้ชนะ
"อีกอย่าง หากมนุษย์ใดได้สดับเสียงดนตรีของข้า จะสามารถใช้พลังที่ซ่อนอยู่ในกายออกมาได้จนหมด แม้จะทำให้
ร่ายกายของพวกนี้ ต้องเจ็บปวดและเสื่อมถอยหลังจากคืนสติก็เถอะ"
บี ถูกชายหกคนกดเธอขึงไว้กับกำแพง แต่ละคนมีหน้าจริงจังราวกับกำลังเข็นรถบรรทุก ทั้งๆที่มองเผินๆคือการจับตัวเด็กสาวคนหนึ่ง
"ครูคะ..." บีเอ่ยด้วยสีหน้า เฉยชา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ถ้าครูคลายสะกดคนพวกนี้ แล้วกลับไป โดยทำเป็นมองไม่เห็น
สิ่งที่เกิดขึ้น หนูจะไว้ชีวิตครูค่ะ"
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง แม้แต่เราเองก็ยังอึ้งกับความไม่รู้กาละเทสะของบี ในสถานะการณ์แบบนี้ทำไมเธอถึงยังกล้าทำปากเก่งอยู่อีก
"ก็ได้..."
ครูเอ่ยขึ้นทำเอาเราโล่งใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปล่งเสียงด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่ถูก หยามน้ำหน้า จากผู้ด้อยวัยกว่า
"พวกเจ้าจงรุมข่มขืนนังนี่ ต่อหน้า ยัยเด็กน้อย ไม่รู้ชั่วดีนี่ซะ !!!"
สิ้นเสียงคำสั่งเหล่าชายที่กดร่างเราอยู่ ก็ฉีกกระชากเสื้อผ้าของเราออก ทำเราตกใจจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ทำไม่ได้
เพราะถูกอุดปากไว้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลออกมาอีกครั้ง ขณะที่ ชายที่เราไม่เคยรู้จัก กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเอง
ออก พร้อมกับมองมายังร่างของเรา ที่ตอนนี้มีเพียงชุดชั้นใน ปกปิด ด้วยแววตาหื่นกระหาย
"บี ! ช่วยด้วย !"
เรากรีดร้อง แม้จะดังออกมาไม่เป็นภาษาเพราะถูกอุดปากไว้ เหมือนความหวังทั้งหมดได้สูญสิ้นลง
เรากำลังจะถูกชายแปกหน้าหลายสิบคนรุมข่มขืน ก่อนจะถูกฆ่าให้ตายอย่างทรมาน ชายคนที่ถอดเสื้อ
ออกได้ก้มลงมาและอ้าปากเพื่อที่จะสัมผัสชิมร่างกายของเรา
เพล้ง !
แต่เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกันราวกับเสียงระเบิด พริมตาก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ร่างกายของเราก็พ้นจากพันธนาการ
เหล่าชายที่จับเรากับบีไว้ ถูกกิ่งไม้ขนาดยักษ์ที่แทงทะลุหน้าต่างเข้ามาฟาดกระเด็กขึ้นไปติดพนังและเพดาน ก่อนจะถูกพันธุ์
ไม้ต่างๆภายในห้อง บี ที่เติมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รัดพันไว้จนไม่อาจแม้จะกระดิกนิ้ว
และจังหวะเดียวกันนั้น ก่อนจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นฝ่ามือของ บี ก็แทงทะลุพิณของอาจารย์ รวมถึงแขนสองข้างที่กอดอกอยู่
และกระดูกซี่โครง ควักหัวใจ ทะลุออกไปด้านหลัง
"อึก..." อาจารย์กระอักเลือดออกมาเป็นสีดำ "สมกับเป็น เอกบริวาร แห่งมหา
รุกขเทวดาจากทิศอุดร"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รุกขเทวดา ส่วนใหญ่อยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ที่มี"กลิ่นหอม" อาจจะเป็นรากหอม แก่นหอม กะพี้หอม เปลือกหอม ใบหอม ดอกหอม หรือผลหอม เป็นพวกที่ชอบเล่นฤทธิ์ เรียกว่า วิทยาธร พวกนี้อดีตชาติมักเป็นผู้ชอบเล่นวิชาอาคม
อาจารย์สบตากับบีอีกครั้ง และดูเหมือนเธอจะรู้ว่าตัวเองคงไม่รอด
"แต่อย่าเพิ่งได้ใจไป... ยังมีอสูรอีกมากที่จะตามล่าล้างเจ้า พร้อมกับนังคนนี้ ทั้งบริวารแห่งกุมภัณฑ์ นาค ยักษ์ ก็ตามล่าเจ้า...
มันคุ้ม... แล้วเหรอ... กับเพียงแค่มนุษย์ผู้หญิง เพียงคนเดียว..."
บีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ถ้าเพื่อเธอคนนี้... แม้ต้องรบกับสวรรค์ ฉันก็ยอม..."
พูดจบ บี ก็บีบขยี้หัวใจของครูจนแหลกสลาย ทำให้ครูสิ้นใจในทันที ก่อนเธอจะบอกให้เรารีบแต่งตัวเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า
ก่อนที่จะอุ้มเราทะยานออกไปทางหน้าต่าง ทิ้งภาพประหลาด ศพครูที่ค่อยๆสูญสลายเป็นอากาศธาตุ กับชายนับสิบที่ถูกตรึง
ไว้กับผนังด้วยรากและกิ่งไม้ ไว้เบื้องหลัง
"เรากำลังจะไปไหนเหรอ..."
เราเอ่ยถามกับบีท่ามกลางอ้อมกอดอุ่นที่อุ้มเราไว้ โดยมีสายลมเย็นเข้ามาปะทะใบหน้า กับแสงไฟระยิบของเมืองใหญ่
ขณะที่มีเราสองคน พุ่งลอยไปมาระหว่างยอดตึกแต่ล่ะตึก โดยไม่มีใครสังเกตุเห็น
"ทางเหนือ..."
บีตอบ แม้จะไม่แสดงออก แต่ท่าทางเหมือนเธอกำลังร้อนรนอยู่ลึกๆ
"อย่ากลัวไปเลยนะ... ฉันจะปกป้องเธอเอง"
พูดจบ บีก็กระชับกอดเราแน่นขึ้น ก่อนจะทะยานไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ามีอะไรกำลังไล่หลังมา
อีกด้านหนึ่ง
ภายในความมืดสลัว และเสียงดนตรีดัง มีกลุ่มชายคนหนึ่ง กำลังดื่มเหล้า พร้อมกับมาสาวสวยในชุดล่อแหลม
ขนาบข้าง ก่อนจะมีการปรากฏตัวของชายในชุดสูทสีดำ พวกผู้หญิงที่นั่งล้อมอยู่ถูกกันออกไป ก่อนที่ชายในสูทดำ
จะส่งรูปถ่ายสองใบ ให้กับกลุ่มคนที่นั่งดื่มอยู่ก่อนหน้า จะเผยยิ้มขึ้นมา
"อสูรน้อยผู้ทรยศ กับ สาวน้อยผู้รู้ความจริง... น่ารักไม่เลวเลยนี่"
น้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย้องละคนหื่นกระหาย เอ่ยขึ้นจากในเงามืด
"พวกเรา เหล่า โอปปาติกะ จะขอรับงานนี้เอง"

โปรดติดตามตอนต่อไป...
อจินไตย ตอนที่ 3
"ฉันอยากบอกพ่อกับแม่ว่าฉันยังไม่ตาย"
เราเอ่ยขึ้นกับบี หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว โดยสวมเสื้อผ้าของเธอ มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
โชยออกมา ซึ่งถ้าหลับตาคงรู้สึกเหมือนกับยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้
"ไม่ได้... ถ้ามีใครรู้ว่าเธอยังไม่ตาย คนๆนั้นต้องตาย"
คำตอบเรียบๆ ของบีทำเอาเราเริ่มฉุนโกรธขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะเราเริ่มได้ใจ จากการที่บีทำตามใจเราทุกอย่าง
ตั้งแต่แก้มัดเราก็ได้
"ทำไม...? เธอจะฆ่าพ่อกับแม่ฉันเหมือนที่ ฆ่าวิว กับ ทิพย์ รึไง ?"
ก่อนจะทันรู้สึกเสียใจภายหลัง ปากเราก็พลั้งพูดอะไรโง่ๆออกไปแล้ว บี ถึงกับเงียบไป
เราเองก็เงียบ โดยภาวนาว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราจะไม่หันมาตบเราหัวหลุดกระเด็น
"ถ้าเลือกได้... ฉันก็ไม่อยากฆ่าสองคนนั้นหรอกนะ..." บีเอ่ยเบาๆ "แต่ถ้าพวกเธอไม่ตาย จะต้องมีคนตายเพิ่มอีก..."
"หมายความว่ายังไง !"
ก่อนที่จะได้ถามต่อ ก็มีบางสิ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ มันเป็นเสียงเพลง เสียงเพลงที่เหมือนกับที่อยู่ในห้องดนตรีไทย
ทว่ากลับไพเราะกว่าจนทำให้รู้สึกเคลิ้บเคลิ้ม และสติก็เริ่มจะเลือนลางออกไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีบางอย่างสัมผัสเรียบลื่น
รสเปรี้ยวขมใส่เข้ามากในปาก มารู้ทีหลังว่าเป็นใบไม้ ที่ บี ใส่เข้ามาในปากเรา
"อย่าเอาออกนะ... หลบอยู่ข้างหลังฉันไว้"
ทันใดทีบีพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเหวี่ยงเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เราคุ้นเคยดี คุณครูดนตรี คนที่หลอกเรา
ให้ถูกขังไว้ในท้ายรถนั่นเอง เพียงแต่คราวนี้เธอดูต่างไปจากที่เคย และแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า หรือทรงผมใหม่
แต่เป็นเพราะแขนที่เพิ่มขึ้นมา อีกคู่หนึ่ง พร้อมกับบรรเลงเพลงพิณอย่างพริ้วไหว ขณะที่แขนคู่เดิมกำลังกอดอกมองมา
ยังพวกเราด้วยสีหน้าที่ แม้แต่ต่อให้ หม่ำ เท่ง โหน่ง มาอยู่ในห้องนี้พร้อมกัน ก็คงทำให้มุมปากของเธอขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
"กล้ามากนะบีที่หลอกครูได้" ครูเอ่ยขึ้นขณะที่ แขนคู่ที่เพิ่มขึ้นมายังบรรเลงเพลงต่อไปไม่หยุด "บอกสิว่าทำได้ยังไง ตอนนั้น
ครูเห็นเธอควัก หัวใจของปาล์มออกมาแล้วนี่นา"
"จริงๆแล้วนั่นเป็นหัวใจของ วิว คะ" บีตอบ "หนูหยิบติดมือมา ตอนที่หนู่ฆ่าเธอ แล้วใช้ความมืดหลอกสายตาครู ว่าหนูฆ่าปาล์มไปแล้ว"
"หืม... เก่งนี่ นั่นหมายความว่า เธอตั้งใจจะหลอกครูอย่างเตรียมการไว้ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบสินะ"
"ค่ะ... หนูตั้งใจ จะช่วยปาล์ม ตั้งแต่เห็นรถครูเข้ามาในโรงเรียน เมื่อคืนวานแล้ว"
ระหว่างการโต้ตอบคำพูดกันของอสูร เราก็อดคิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้ ถ้าร่างมนุษย์สี่แขนนี่เป็นร่างจริงของครู แล้ว บี
จะมีร่างจริง น่าเกลียดน่ากลัวขนาดนี้ไหมนะ
"เอาล่ะ... บี ถ้าเธอฆ่าปาล์มตอนนี้ ครูจะยกโทษให้ และทำเป็นเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น"
"ไม่ค่ะ"
บี ตอบทันที จนคนข้างหลังไม่ทันได้รู้สึกกังวลด้วยซ้ำ ขณะที่ คนที่อยู่ข้างหน้าเธอกำลังขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
"บี เธอคิดจะเป็นศัตรู กับฉัน กับพวกเราเผ่าพันธุ์อสูรอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่ค่ะ"
"แล้วถ้าฉันจะฆ่าปาล์มล่ะ ?"
"หนูก็จะฆ่าครูก่อน"
คำตอบสั้นๆ ของบีทำเอาบรรยากาศในห้องหนักอึ้ง แม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่เราก็รู้ว่า บี เป็นคนพูดอะไร
ทำอย่างนั้น ถ้าเธอบอกจะฆ่า ก็คือจะฆ่า ตรงตามตัวอักษร ไม่ผิดเพี้ยน
"แก... เห็นมนุษย์สำคัญกว่าเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ ?"
สรรพนามที่ครูใช้เรียกบีเปลี่ยนไป
"ไม่ค่ะ หนูแค่เห็น ปาล์ม สำคัญ ไม่ได้หมายถึงมนุษย์ทั้งหมด"
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ขณะที่คราวนี้ เรารู้สึกแปล๊บๆ ร้อนๆ ขึ้นตรงมุมแก้มทั้งสองข้าง อย่างบอกไม่ถูก
"ถ้างั้น..." ครูเอ่ยพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป "พวกแกทั้งคู่ต้องตาย..."
ทันใดนั้นเอง ท่วงทำนองเพลงที่ครูเล่นก็เปลี่ยนไป มันเร็วขึ้น และเจืออารมณ์รุนแรงกร้าวร้าวอยู่ในดนตรีนั้น
ก็จะปรากฏร่างของชายฉกรรจ์นับสิบคนขึ้นเบื้องหลังของเธอ และเราจำพวกนั้นได้ ทุกคนล้วนเป็นคนที่อยู่แถวๆนี้
ทั้งลุงยาม น้าวินมอเตอร์ไซค์ รวมถึงพวกที่ชอบเตะบอลตอนเย็นแถวๆนี้ โดยแต่ล่ะคนมีนัยน์ตาสีแดงและเรืองแสงได้
แม้ในห้องมืด
"ข้า วินิปาติกอสุรา ผู้เป็น ถึงบริวารแห่งเทพคนธรรพ์ มีเหรอจะกลัวอสูรเด็กน้อยเพิ่งเกิดอย่างเจ้า"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พริบตานั้นเอง เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายก็พุ่งเข้าจู่โจมบี ด้วยพละกำลังความเร็ว ที่เหนือกว่ามนุษย์ปกติจะทำได้
พลักเธอชนติดกำแพงดำความแรงจนผนังปูนที่เธอกระแทกใส่ร้าวเป็นรอยอยู่เบื้องหลัง ขณะที่ชายอีกหลายคนตรงเข้ามา
จบเราอุดปากกดขึงไว้บนเตียง ซึ่งแม้เราจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ผล ทั้งๆที่เราเองก็เคยเล่นบาส มั่นใจในเรี่ยวแรงตัวเอง
พอสมควร แต่พละกำลังของคนพวกนี้มากมายกว่าคนปกติทั่วไปจนขัดขืนไม่ได้
"หึๆๆ ยัยเด็กน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายมนุษย์ ที่ถูกดนตรีของข้าควบคุม" ครูเอ่ยพร้อมกับเผยยิ้มอย่างผู้ชนะ
"อีกอย่าง หากมนุษย์ใดได้สดับเสียงดนตรีของข้า จะสามารถใช้พลังที่ซ่อนอยู่ในกายออกมาได้จนหมด แม้จะทำให้
ร่ายกายของพวกนี้ ต้องเจ็บปวดและเสื่อมถอยหลังจากคืนสติก็เถอะ"
บี ถูกชายหกคนกดเธอขึงไว้กับกำแพง แต่ละคนมีหน้าจริงจังราวกับกำลังเข็นรถบรรทุก ทั้งๆที่มองเผินๆคือการจับตัวเด็กสาวคนหนึ่ง
"ครูคะ..." บีเอ่ยด้วยสีหน้า เฉยชา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ถ้าครูคลายสะกดคนพวกนี้ แล้วกลับไป โดยทำเป็นมองไม่เห็น
สิ่งที่เกิดขึ้น หนูจะไว้ชีวิตครูค่ะ"
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง แม้แต่เราเองก็ยังอึ้งกับความไม่รู้กาละเทสะของบี ในสถานะการณ์แบบนี้ทำไมเธอถึงยังกล้าทำปากเก่งอยู่อีก
"ก็ได้..."
ครูเอ่ยขึ้นทำเอาเราโล่งใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปล่งเสียงด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่ถูก หยามน้ำหน้า จากผู้ด้อยวัยกว่า
"พวกเจ้าจงรุมข่มขืนนังนี่ ต่อหน้า ยัยเด็กน้อย ไม่รู้ชั่วดีนี่ซะ !!!"
สิ้นเสียงคำสั่งเหล่าชายที่กดร่างเราอยู่ ก็ฉีกกระชากเสื้อผ้าของเราออก ทำเราตกใจจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ทำไม่ได้
เพราะถูกอุดปากไว้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลออกมาอีกครั้ง ขณะที่ ชายที่เราไม่เคยรู้จัก กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเอง
ออก พร้อมกับมองมายังร่างของเรา ที่ตอนนี้มีเพียงชุดชั้นใน ปกปิด ด้วยแววตาหื่นกระหาย
"บี ! ช่วยด้วย !"
เรากรีดร้อง แม้จะดังออกมาไม่เป็นภาษาเพราะถูกอุดปากไว้ เหมือนความหวังทั้งหมดได้สูญสิ้นลง
เรากำลังจะถูกชายแปกหน้าหลายสิบคนรุมข่มขืน ก่อนจะถูกฆ่าให้ตายอย่างทรมาน ชายคนที่ถอดเสื้อ
ออกได้ก้มลงมาและอ้าปากเพื่อที่จะสัมผัสชิมร่างกายของเรา
เพล้ง !
แต่เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกันราวกับเสียงระเบิด พริมตาก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ร่างกายของเราก็พ้นจากพันธนาการ
เหล่าชายที่จับเรากับบีไว้ ถูกกิ่งไม้ขนาดยักษ์ที่แทงทะลุหน้าต่างเข้ามาฟาดกระเด็กขึ้นไปติดพนังและเพดาน ก่อนจะถูกพันธุ์
ไม้ต่างๆภายในห้อง บี ที่เติมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รัดพันไว้จนไม่อาจแม้จะกระดิกนิ้ว
และจังหวะเดียวกันนั้น ก่อนจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นฝ่ามือของ บี ก็แทงทะลุพิณของอาจารย์ รวมถึงแขนสองข้างที่กอดอกอยู่
และกระดูกซี่โครง ควักหัวใจ ทะลุออกไปด้านหลัง
"อึก..." อาจารย์กระอักเลือดออกมาเป็นสีดำ "สมกับเป็น เอกบริวาร แห่งมหารุกขเทวดาจากทิศอุดร"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาจารย์สบตากับบีอีกครั้ง และดูเหมือนเธอจะรู้ว่าตัวเองคงไม่รอด
"แต่อย่าเพิ่งได้ใจไป... ยังมีอสูรอีกมากที่จะตามล่าล้างเจ้า พร้อมกับนังคนนี้ ทั้งบริวารแห่งกุมภัณฑ์ นาค ยักษ์ ก็ตามล่าเจ้า...
มันคุ้ม... แล้วเหรอ... กับเพียงแค่มนุษย์ผู้หญิง เพียงคนเดียว..."
บีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ถ้าเพื่อเธอคนนี้... แม้ต้องรบกับสวรรค์ ฉันก็ยอม..."
พูดจบ บี ก็บีบขยี้หัวใจของครูจนแหลกสลาย ทำให้ครูสิ้นใจในทันที ก่อนเธอจะบอกให้เรารีบแต่งตัวเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า
ก่อนที่จะอุ้มเราทะยานออกไปทางหน้าต่าง ทิ้งภาพประหลาด ศพครูที่ค่อยๆสูญสลายเป็นอากาศธาตุ กับชายนับสิบที่ถูกตรึง
ไว้กับผนังด้วยรากและกิ่งไม้ ไว้เบื้องหลัง
"เรากำลังจะไปไหนเหรอ..."
เราเอ่ยถามกับบีท่ามกลางอ้อมกอดอุ่นที่อุ้มเราไว้ โดยมีสายลมเย็นเข้ามาปะทะใบหน้า กับแสงไฟระยิบของเมืองใหญ่
ขณะที่มีเราสองคน พุ่งลอยไปมาระหว่างยอดตึกแต่ล่ะตึก โดยไม่มีใครสังเกตุเห็น
"ทางเหนือ..."
บีตอบ แม้จะไม่แสดงออก แต่ท่าทางเหมือนเธอกำลังร้อนรนอยู่ลึกๆ
"อย่ากลัวไปเลยนะ... ฉันจะปกป้องเธอเอง"
พูดจบ บีก็กระชับกอดเราแน่นขึ้น ก่อนจะทะยานไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่ามีอะไรกำลังไล่หลังมา
อีกด้านหนึ่ง
ภายในความมืดสลัว และเสียงดนตรีดัง มีกลุ่มชายคนหนึ่ง กำลังดื่มเหล้า พร้อมกับมาสาวสวยในชุดล่อแหลม
ขนาบข้าง ก่อนจะมีการปรากฏตัวของชายในชุดสูทสีดำ พวกผู้หญิงที่นั่งล้อมอยู่ถูกกันออกไป ก่อนที่ชายในสูทดำ
จะส่งรูปถ่ายสองใบ ให้กับกลุ่มคนที่นั่งดื่มอยู่ก่อนหน้า จะเผยยิ้มขึ้นมา
"อสูรน้อยผู้ทรยศ กับ สาวน้อยผู้รู้ความจริง... น่ารักไม่เลวเลยนี่"
น้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย้องละคนหื่นกระหาย เอ่ยขึ้นจากในเงามืด
"พวกเรา เหล่า โอปปาติกะ จะขอรับงานนี้เอง"
โปรดติดตามตอนต่อไป...