เรื่องเกิดขึ้นตอนประมาณ 1 ทุ่มคืนวันที่ 8 พ่อขี่มอเตอรไซค์เข้าไปเปิดไฟหน้าบ้านของน้าทั้งสองหลังเพราะไม่อยู่บ้านทั้งสองหลังนึงไปเที่ยวทั้งบ้าน อีกหลังเหลือน้าสาวกับหลานชายซึ่งยังไม่กลับมา เพราะถ้าไม่อยู่ทั้งสองบ้านพ่อจะไปเปิดไปให้เสมอและก้อไปเปิดไปบ้านอีกที่หนึ่งประจำ เพราะที่ผ่านเดือนเศษมีขโมยขึ้นบ้านในหมู่ติดกัน พี่ชายและพี่สะไภ้อยู่ในห้องเพราะขี่รถลุยฝนมาจากตลาดแม่และดิฉันบนชั้นสองของบ้านได้ยินเสียงรถและเสียงประตูเปิดบ้านสักแป๊ปรถน้าเข้าบ้าน แม่เลยหายกังวล แล้วก้อได้ยินเสียงร้องโวยวาย ตะโกนไปว่าเป็นอะไร (ในใจคิดว่าพ่อขี่รถตกคลองหน้าบ้านตอนไปเปิดไฟ)น้าตะโกนบอกว่าบ้านโดนขโมยขึ้น พี่ชายที่อยู่ข้างบ้านรีบวิ่งไปดิฉันรีบตะโกนบอกพี่ชายว่าขโมยขึ้นบ้านน้าสาว เห็นพี่ใส่แค่กางเกงขาขาวรีบวิ่งไป สรุปวิ่งไปก่อนสองคน ละก็มีแม่และแม่ของพี่ชายอีกคนที่วิ่งไปแม่รีบโทรไปหาน้าอีกคนที่ไปเที่ยวเชียงรายว่าขโมยขึ้นบ้าน ให้รีบกลับมาเพราะน้ากะลังขับกลับออกแม่ขะจานแล้ว และก้อโทรไปบอกน้าสาวอีกคนที่อยู่อีกอำเภอหนึ่ง น้าเขยรับบอกเพิ่งกินยาหลับไปไม่อยากปลุก เพราะนอนไม่ค่อยหลับ งัยตอนเช้าจะบอกให้ พี่สาวข้างบ้านก้อโทรบอกตำรวจให้รีบมา (นะ) พี่ชายสองคนเดินดูรอบบ้านและขึ้นไปดูบนบ้านคือข้าวของรื้อออกมาหมด เตียงนอนมีแต่เศษโคลนเปียกอยู่ รอยรองเท้าที่เปียกโคลนที่หน้าต่าง แห้งบ้าง ทุกคนตกใจ กลัวมาก น้าบอก ตอนลูกชายเปิดกุจแจเข้าบ้านถามว่าแม่ไม่ปิดหน้าต่างหรอ ตอนนั้นใจตกไปตะตุ่ม เกลี้ยงแน่รีบวิ่งไปเรียกคนช่วย แต่แถวบ้านมีพี่ชายสองคนอยู่บ้านพ่อก้อไปเปิดไฟบ้านอีกหลัง แล้วเพื่อนบ้านละแวกใกล้ก็มาที่บ้านพวกผู้ชายก็ดูรอบบ้าน ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าขโมยน่าจะมาตอน ช่วงสี่โมงเย็นถึงห้าโมงเย็น เพราะฝนพึ่งหยุดตกได้ไม่นาน และฝนก็ตกตอน ห้าโมงกว่าอีกรอบ เพราะโคลน ดินที่ติดบนพื้นและที่นอนยังไม่แห้ง ทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด
พอตำรวจมาถามว่าขโมยเข้าทางไหน อะไรหายบ้าง แล้วก็ยืนถ่ายรูปที่หน้าต่าง รอยเท้าที่หน้าต่าง ห้องนอน ห้องเสื้อผ้า (แต่ไม่มีการตรวจลายนิ้วมือแต่อย่างได แล้วก้อไป ด้วยความที่เป็นเพื่อนบ้าน รอยเท้าถูกเยียบไปหมดแล้ว รอยนิ้วที่หน้าต่างก็จับกันไปหมดแล้ว
แล้วจะเรียกตำรวจมาทำลายถ้าไม่ตวจ แล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
แล้วเช้าตอน 7 โมง น้าอีกคนก้อโทรมาบอกว่า เมื่อคืนกินยาล่ะหลับไป มารู้ข่าวตอนเช้าเลยรีบโทรมาหาแม่ แม่ก้อเล่ารายละเอียดทั้งหมด นานมาก วางสายเสร็จ น้าก้อโทรมาหาพี่ชาย บอกว่า เอาของที่ขโมยไปคืนเขาเสีย ก่อนที่มันจะเป็นคดีอาญา แล้วก้อโทรด่าสันนิฐานว่าต้องเป็นพี่ชายคนเดวที่ทำ โดยไม่มีการถามว่าอยู่ไหนทำงานรึเปล่า ทั้งที่ก้อรู้ว่าพี่เขาอยู่ที่ทำงาน เค้าทำงานกัน ตอนเย็นก็เลิกงานปกติ ไม่ถามอะไรทั้งสิน ด่าอย่างเดว พี่ชายนี่ร้องให้แตกเลย คือแบบ อึ้งมาก เหมือนกับไปฆ่าคนตายแล้วไปเปิดเจอก่อน ทั้งๆที่ มีคนอยู่ในเหตุการณ์ คือ พี่ชาย สองคน น้าสาว หลานชาย น้าสาวอีกคน ที่วิ่งไปก่อน ไม่คิดว่าคนที่น่าจะโดนก่อนน่ะ มันพ่อของดิฉัน หรือไม่ก้อโดนคนที่วิ่งไปก่อน ไม่เลย แล้วแม่ก้อโทรไปหาน้าว่าทำไมถึงคิดได้อย่างนี้ น้าก็พูดมาว่าอย่ามาปกป้องลูกของตัวเอง แม่ก็พูดว่า จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เราก็พึ่งมารู้เรื่องตอนเช้า และจะมากล่าวหาได้อย่างไร ท้ังๆ คนที่รีบวิ่งไปก่อนก็คือ พี่ชาย สองคน ทำไมหวยถึงมาออกที่พี่ชายคนเดว อธิบายยังงัยก็ไม่ฟัง จะเอาตำรวจมาจับ
น้าก็เรียกตำรวจมาจิง เรียกมาสอบปากคำ มาตรวจลายนิ้วมือ (คงจะมีนะ ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก) ไปถามที่ทำงาน ที่ทำงานเค้าก็บอกว่าอยู่ที่ทำงานทั้งวัน กลับบ้านปกติ ทุกคนที่บ้านเห็นหมด เพราะวันนั้นฝนตก อากาศหนาวมาก #####และมีป้าที่เป็นเพื่อนบ้านกันสองยคนมาคุยอยู่กับแม่ด้วย ทุกคนเห็นว่าพี่ชายมาถึงบ้าน มีพยานหมด และออกไปตลาดซื้อกับข้าว แล้วแม่ก้อไปบอกน้าสาวว่าน้าอีกคนหาว่าพี่ชายเป็นคนขโมย แม่บอกว่าตอนไปบอกสีหน้าเรียบเฉย คือคงรู้ล่ะนะว่าต้องโทรมาบอกล่ะว่าเป็นพี่ชาย ทั้งที่ก้อรู้ว่าความจิงคือพี่ชายสองคนเข้าไปช่วยเป็นสองคนแรก ไม่เล่ารายละเอียดตอนพี่ชายเข้าไปดู ไม่เล่าตอนพ่อเข้าไปเปิดไฟบ้านให้ (บุญของพ่อที่ไม่เป็นอะไร) ทุกคนเชื่อว่าพี่ชายเป็นคนทำจากการสันนิฐานของน้าที่รู้ตอนเช้า ทั้งคนที่เสียหาย ทั้งคนที่เพิ่งกลับมาจากเที่ยวที่เชียงราย คือแบบงง มากๆๆ คิดได้งัย
สุดท้ายค่ะ พี่ชายก็ให้ตำรวจเรียกไปสอบ บอกแม่กับพ่อว่าไม่ต้องห่วงผมไม่ผิด การที่เราวิ่งไปช่วยกันมันผิดเหรอในเมื่อเป็นญาติเป็นพี่น้องกันแท้ ทำไมเป็นแบบนี้ถ้าไปช้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าไปก่อนมันเป็นแบบนี้เหรอ สุดท้ายตำวจก็บอกมาว่า ดูแล้วมันไม่ใช่ เพราะเรามีพยานหลักฐานเหตุการณ์ว่าเราอยู่ไหน ทำอะไร และตอนสันนิฐานว่าขโมยขึ้นบ้าน มันขัดกัน แต่ตอนนี้กะลังรอลายนิ้วมือ ถ้าผลอรอกมายังงัย ถ้าไม่ใช่เค้าก็คิดว่าเป็นพี่ชาย ก็ไม่รู้นะ ว่าพี่ชายไปทำอะไรให้ ถึงให้คิด เพราะ พี่พึ่งแต่งานมาได้ สอบสองเดือน ทุกคนก้อไปกันหมด รักกันดีแท้ญาติพี่น้องไม่มีเรื่องหมาดหมางกันเลยยยยจริง
ขอบคุณมากๆนะคะที่ทนอ่าน จริง ๆคือจะปรึกษาใครไม่ได้เลย พี่น้องกันแท้ยังไม่ฟัง
ปล, ข้อสันนิฐานผู้อยู่ในเหตูการณ์
1 คนร้ายมาตอนหลังฝนตก น่าจะสักประมาณ 4โมงกว่าถึงห้าโมงกว่า
2 ต้องเข้าทางหน้าบ้าน ไม่มีรอยเท้าเลยเพราะรั้วข้างบ้านสูง 2 เมตรกว่า แล้วรอบบ้านเป็นทุ่งนา เพราะบ้านหลังแรกที่โดน บริเวณรอบบ้านก้อเหมือนกัน พวกขโมยน่าจะมาในรูปแบบของ คนไร่คนนา
3 แม่บอกว่าตอนช่วงบ่าย แม่กับน้าข้างบ้านก็บอกว่ามีรถมอไซค์เสียงดังวนไปวนมารายรูปแต่ก็ไม่ได้ดูว่าใครขึ่
4 หลังแรกที่โดน เป็น สท. ของเทศบาล ออกเงินกู้ ออกบ้านทำงานเป็นเวลา และรู้ได้งัยว่าภรรยาออกบ้านไปเวลาไหน เพราะวันน้ันภรรยาเขาไปลำปาง และ บ้านของน้าสาว น้าผู้ชายเป็นรองนายก เทศบาลเดวกันกับบ้านหลังแรก รู้ว่าเค้าไปดูงานด้วยกันที่ต่างจังหวัด แล้วที่บ้านก็เลี้ยงไก่ชนขาย และมักชอบไปชนไก่บ่ายๆ และน้าก็ไปขายของออกบ้านแต่เช้า กลับบ้านมักเวลานี้เสมอ แล้วข้างบ้านน้าที่อยู่รั้วเดวกันเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ไปเทียวเชียงราย เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์คิดว่าต้องเป็นคนเข้านอกออกในบ้านนี้บ่อย เพราะ เป็นบ้านผู้ใหญ่บ้าน
กราบขอบคุณทุกความเห็นมากๆจากใจจริงค่ะ
ญาติถูกขโมยขึ้นบ้าน เข้าไปช่วยแต่กลับถูกเป็นผู้ต้องหา ควรทำอย่างไร
พอตำรวจมาถามว่าขโมยเข้าทางไหน อะไรหายบ้าง แล้วก็ยืนถ่ายรูปที่หน้าต่าง รอยเท้าที่หน้าต่าง ห้องนอน ห้องเสื้อผ้า (แต่ไม่มีการตรวจลายนิ้วมือแต่อย่างได แล้วก้อไป ด้วยความที่เป็นเพื่อนบ้าน รอยเท้าถูกเยียบไปหมดแล้ว รอยนิ้วที่หน้าต่างก็จับกันไปหมดแล้ว
แล้วจะเรียกตำรวจมาทำลายถ้าไม่ตวจ แล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
แล้วเช้าตอน 7 โมง น้าอีกคนก้อโทรมาบอกว่า เมื่อคืนกินยาล่ะหลับไป มารู้ข่าวตอนเช้าเลยรีบโทรมาหาแม่ แม่ก้อเล่ารายละเอียดทั้งหมด นานมาก วางสายเสร็จ น้าก้อโทรมาหาพี่ชาย บอกว่า เอาของที่ขโมยไปคืนเขาเสีย ก่อนที่มันจะเป็นคดีอาญา แล้วก้อโทรด่าสันนิฐานว่าต้องเป็นพี่ชายคนเดวที่ทำ โดยไม่มีการถามว่าอยู่ไหนทำงานรึเปล่า ทั้งที่ก้อรู้ว่าพี่เขาอยู่ที่ทำงาน เค้าทำงานกัน ตอนเย็นก็เลิกงานปกติ ไม่ถามอะไรทั้งสิน ด่าอย่างเดว พี่ชายนี่ร้องให้แตกเลย คือแบบ อึ้งมาก เหมือนกับไปฆ่าคนตายแล้วไปเปิดเจอก่อน ทั้งๆที่ มีคนอยู่ในเหตุการณ์ คือ พี่ชาย สองคน น้าสาว หลานชาย น้าสาวอีกคน ที่วิ่งไปก่อน ไม่คิดว่าคนที่น่าจะโดนก่อนน่ะ มันพ่อของดิฉัน หรือไม่ก้อโดนคนที่วิ่งไปก่อน ไม่เลย แล้วแม่ก้อโทรไปหาน้าว่าทำไมถึงคิดได้อย่างนี้ น้าก็พูดมาว่าอย่ามาปกป้องลูกของตัวเอง แม่ก็พูดว่า จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เราก็พึ่งมารู้เรื่องตอนเช้า และจะมากล่าวหาได้อย่างไร ท้ังๆ คนที่รีบวิ่งไปก่อนก็คือ พี่ชาย สองคน ทำไมหวยถึงมาออกที่พี่ชายคนเดว อธิบายยังงัยก็ไม่ฟัง จะเอาตำรวจมาจับ
น้าก็เรียกตำรวจมาจิง เรียกมาสอบปากคำ มาตรวจลายนิ้วมือ (คงจะมีนะ ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก) ไปถามที่ทำงาน ที่ทำงานเค้าก็บอกว่าอยู่ที่ทำงานทั้งวัน กลับบ้านปกติ ทุกคนที่บ้านเห็นหมด เพราะวันนั้นฝนตก อากาศหนาวมาก #####และมีป้าที่เป็นเพื่อนบ้านกันสองยคนมาคุยอยู่กับแม่ด้วย ทุกคนเห็นว่าพี่ชายมาถึงบ้าน มีพยานหมด และออกไปตลาดซื้อกับข้าว แล้วแม่ก้อไปบอกน้าสาวว่าน้าอีกคนหาว่าพี่ชายเป็นคนขโมย แม่บอกว่าตอนไปบอกสีหน้าเรียบเฉย คือคงรู้ล่ะนะว่าต้องโทรมาบอกล่ะว่าเป็นพี่ชาย ทั้งที่ก้อรู้ว่าความจิงคือพี่ชายสองคนเข้าไปช่วยเป็นสองคนแรก ไม่เล่ารายละเอียดตอนพี่ชายเข้าไปดู ไม่เล่าตอนพ่อเข้าไปเปิดไฟบ้านให้ (บุญของพ่อที่ไม่เป็นอะไร) ทุกคนเชื่อว่าพี่ชายเป็นคนทำจากการสันนิฐานของน้าที่รู้ตอนเช้า ทั้งคนที่เสียหาย ทั้งคนที่เพิ่งกลับมาจากเที่ยวที่เชียงราย คือแบบงง มากๆๆ คิดได้งัย
สุดท้ายค่ะ พี่ชายก็ให้ตำรวจเรียกไปสอบ บอกแม่กับพ่อว่าไม่ต้องห่วงผมไม่ผิด การที่เราวิ่งไปช่วยกันมันผิดเหรอในเมื่อเป็นญาติเป็นพี่น้องกันแท้ ทำไมเป็นแบบนี้ถ้าไปช้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าไปก่อนมันเป็นแบบนี้เหรอ สุดท้ายตำวจก็บอกมาว่า ดูแล้วมันไม่ใช่ เพราะเรามีพยานหลักฐานเหตุการณ์ว่าเราอยู่ไหน ทำอะไร และตอนสันนิฐานว่าขโมยขึ้นบ้าน มันขัดกัน แต่ตอนนี้กะลังรอลายนิ้วมือ ถ้าผลอรอกมายังงัย ถ้าไม่ใช่เค้าก็คิดว่าเป็นพี่ชาย ก็ไม่รู้นะ ว่าพี่ชายไปทำอะไรให้ ถึงให้คิด เพราะ พี่พึ่งแต่งานมาได้ สอบสองเดือน ทุกคนก้อไปกันหมด รักกันดีแท้ญาติพี่น้องไม่มีเรื่องหมาดหมางกันเลยยยยจริง
ขอบคุณมากๆนะคะที่ทนอ่าน จริง ๆคือจะปรึกษาใครไม่ได้เลย พี่น้องกันแท้ยังไม่ฟัง
ปล, ข้อสันนิฐานผู้อยู่ในเหตูการณ์
1 คนร้ายมาตอนหลังฝนตก น่าจะสักประมาณ 4โมงกว่าถึงห้าโมงกว่า
2 ต้องเข้าทางหน้าบ้าน ไม่มีรอยเท้าเลยเพราะรั้วข้างบ้านสูง 2 เมตรกว่า แล้วรอบบ้านเป็นทุ่งนา เพราะบ้านหลังแรกที่โดน บริเวณรอบบ้านก้อเหมือนกัน พวกขโมยน่าจะมาในรูปแบบของ คนไร่คนนา
3 แม่บอกว่าตอนช่วงบ่าย แม่กับน้าข้างบ้านก็บอกว่ามีรถมอไซค์เสียงดังวนไปวนมารายรูปแต่ก็ไม่ได้ดูว่าใครขึ่
4 หลังแรกที่โดน เป็น สท. ของเทศบาล ออกเงินกู้ ออกบ้านทำงานเป็นเวลา และรู้ได้งัยว่าภรรยาออกบ้านไปเวลาไหน เพราะวันน้ันภรรยาเขาไปลำปาง และ บ้านของน้าสาว น้าผู้ชายเป็นรองนายก เทศบาลเดวกันกับบ้านหลังแรก รู้ว่าเค้าไปดูงานด้วยกันที่ต่างจังหวัด แล้วที่บ้านก็เลี้ยงไก่ชนขาย และมักชอบไปชนไก่บ่ายๆ และน้าก็ไปขายของออกบ้านแต่เช้า กลับบ้านมักเวลานี้เสมอ แล้วข้างบ้านน้าที่อยู่รั้วเดวกันเป็นบ้านผู้ใหญ่บ้านที่ไปเทียวเชียงราย เพราะคนที่เห็นเหตุการณ์คิดว่าต้องเป็นคนเข้านอกออกในบ้านนี้บ่อย เพราะ เป็นบ้านผู้ใหญ่บ้าน
กราบขอบคุณทุกความเห็นมากๆจากใจจริงค่ะ