Taken3 สิ้นสุดตรงนี้? (ไม่สปอย)

เป็นการกลับมาที่ทางทีมงานเผยว่านี่จะเป็นภาคสุดท้ายของภาพยนตร์แอ๊คชั่นตามหาลูกเมียอย่างTaken ซึ่งมีภาค2ไปแล้ว ซึ่งหลังจากภาค2 ออกมาทำเอาหลายคนถึงกับส่ายหัวเพราะว่าทำได้ไม่ถึงแบบภาคแรก และไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำภาคต่อให้มันดูแย่ลง แต่ถึงยังไงภาค2 ก็ยังดูสนุกไม่ทิ้งลายจากภาคแรกเท่าไหร่ ด้วยลีลาการบู๊สุดระห่ำ และวิธีแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาดของ ไบรอัน มิลล์
มาภาคที่3 ที่ว่ากันว่าเป็นภาคจบของภาคนี้ หลังจาก2ภาคแรกตามหาลูกกับเมียหมดแล้ว ในภาคนี้จะให้ลุงไบรอันมาตามหาใครอีกก็ดูจะซ้ำซากจนเกินไป มาภาคนี้เลยให้ลุงแกเป็นคนถูกตามล่าเสียเองจากตำรวจผู้ตงฉิน ในข้อหาฆาตกรรมเมียตัวเอง สุดท้ายเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต้องไปติดตามในหนังกันต่อ
ภาคนี้ถือว่าฉีกไปจาก 2ภาคแรกพอสมควร และที่ขาดหายไปดันเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เสียด้วยอย่างการใช้ไหวพริบของไบรอัน มิลล์ ที่ทำเอาหลายคนชื่นชอบใน2ภาคแรก อย่างการฟังเสียงคนร้าย หรือการฟังเสียงระเบิดเพื่อค้นหาพิกัดสถานที่ มาในภาคนี้ลุงแกเล่นบู๊อย่างเดียวโต้งๆ ไม่ต้องมีไหวพริบอะไรอีกแล้ว จะทำอะไรก็ได้เพราะข้าคือยอดฝีมือที่ฝึกปรือมาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะวิ่งหลบกระสุน กระโดดออกจากรถที่กลิ้งตกเขาโดยที่ไม่เป็นอะไรสักนิด แต่อีกสิ่งสำคัญอีกอย่างของหนังเรื่องนี้อย่างประเด็นครอบครัวถือว่าสอบผ่านและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในภาคจบนี้
ด้านฉากแอ๊คชั่นในเรื่องนี้ก็ยังถือว่าดูสนุกตามมาตรฐานหนังฟอร์มยักษ์ทั่วไป ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรใหม่ ซึ่งลำพังแค่นี้ก็ถือว่าหนังอยู่ในระดับที่ประคับประคองตัวเองไปแบบชนิดถูไถเอาตัวรอดแล้ว แต่ด้วยการมาของนักแสดงที่เราคุ้นหน้าอย่าง ฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์ มารับบทเป็นนายตำรวจที่ว่ากันว่าจะมาเพิ่มสีสันให้กับหนังภาคนี้ แต่กลับตรงกันข้ามตัวของเขาและการแสดงอันล้นเกร่อ ทำให้เขาในบทบาทตำรวจที่ไล่จับพระเอกดูน่ารำคาญอย่างเหลือเชื่อ เป็นการสร้างสีสันทำให้หนังดูเละเทะไปยิ่งกว่าเก่าจนกู่แทบไม่กลับเลยก็ว่าได้
สรุปแล้วTaken คือภาพยนตร์ที่ยิ่งสร้างยิ่งออกทะเล และคุณภาพต่ำลงสวนทางกับทุนสร้างที่มากขึ้นยิ่งนัก แต่สุดท้ายก็ยังถือว่าพอผ่านในระดับหนังตลาดแอ๊คชั่นทั่วไป นักแสดงสมทบยิ่งฉุดหนังให้ลงทะเลไปอีก ยังดีที่มีประเด็นพ่อลูกที่ทำออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นจุดแข็งที่สุดของหนังTaken ที่ยังรักษาเอาไว้ได้อย่างพอดี
#คุยเรื่องหนัง #Taken3