ตอนที่ 1 ก่อนจะมาเป็นทริปแบ็คแพ๊คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาว
เรื่องราวมันเริ่มมาเมื่อตอน 1 ปีก่อน ตอนผมกับแฟนคบกันใหม่ๆ ผมก็พูดแซวๆ ทีเล่นทีจริงว่าเนี่ย “วันครบรอบ 1 ปีของเรา เตงต้องพาค้าไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศนะ เตงอยากไปไหน?? เค้าอยากไปยุโรปแหละ” (คือเป็นคำถามชี้นำสุดๆ) แล้วทีนี้แฟนผมเคยเดินทางไปหลายประเทศละ แต่มีประเทศนึงที่เค้าติดใจมาก ไปแล้ว ก็ไปอีก ไม่มีเบื่อ คือเขาชอบผู้คน บรรยากาศ วัฒนธรรม และหลายๆ อย่างในประเทศนั้น ซึ่งก็เป็นประเทศไม่ใกล้ ไม่ไกลจากไทยเราเนี่ยแหละ ประเทศที่เพิ่งยกเลิกการขอ Visa สำหรับท่องเที่ยวล่วงหน้าของคนไทย ประเทศที่ไปแล้วไม่รู้สึกว่ามาอยู่ต่างถิ่นนอกเมืองไทยเลย รู้สึกเหมือนอยู่ต่างจังหวัดมากกว่า เพราะไปไหนก็คนไทย คนไทยเต็มไปหมดเลย ประเทศนั้นก็คือ “ญี่ปุ่น” นั่นเอง

สุดท้ายเค้าเลยเสนอว่า “เราไปญี่ปุ่นกันก่อนไหมล่ะ” คือจริงๆ ญี่ปุ่นก็เป็น 1 ใน wishlist สถานที่ที่ผมอยากไปนะครับ แต่จริงๆ อยากไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมากกว่า แต่พอดีปีนี้มันปิดเทอมช่วงธันวา เลยเลือกช่วงเวลาไม่ค่อยได้ จำเป็นต้องไปหน้าหนาวจริงๆ ตัวผมเองก็ไม่เคยไปเที่ยวที่หนาวๆ เลย หิมะก็ไม่เคยเห็น ใจนึงก็แบบ ฉันจะไหวมั้ยว้าาา จะหนาวตายที่นู่นไหมเนี่ย ใจนึงก็อยากไป อยากเห็นหิมะ แต่อีกใจก็กลัวๆ สุดท้ายจิตวิญญานความอยากเที่ยวมันมากกว่า เราเลยตกลงปลงใจกันไปญี่ปุ่นช่วงธันวา
ตัวผมเองก็กำลังเรียนอยู่ ไม่ได้มีเงินเดือนมากมายอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากไปแบบประหยัดขนาดนั้น เอาสะดวกใจ สบายกายประมาณนึง ทริปนี้ก็หมดไป 5 หมื่นกลางๆ ไม่รวม Shopping กับ 12 วัน เที่ยว 5 เมืองในคันโต กินเต็มที่ บุฟเฟ่ 3 มื้อ ทริปสกี สวนสนุก 2 แห่ง ซึ่งราคาเท่านี้บอกเลยว่าหลายคนนี่ไปเที่ยวได้ 3 รอบ แต่ผมหมดในรอบเดียว 555+
ช่วงวางแผนสำหรับคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นเลยอย่างผม แรกๆ นี่งงๆ ก่งก๊งมาก แต่พอเริ่มอ่านรีวิวที่มีต่างๆ ไปได้ซักพักพบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่วางแผนการเที่ยวได้ง่ายมาก ง่ายยิ่งที่กว่าไปเชียงใหม่อีกมั้ง เพราะคนไทยไปเที่ยวเยอะมาก ข้อมูลเยอะมาก ที่ชอบที่สุดก็คือ ตารางเวลารถมีทุกอย่าง บอกละเอียดเป๊ะระดับนาที (ถ้าเป็นรภไฟนี่ เวลาตรงเป๊ะๆ เลยนะครับ แต่รถบัสเวลา Departure ตรงอยู่ แต่เวลา Arrive นี่ขึ้นกับรถติดด้วย อาจมีเลทบ้างเล็กน้อย) ยิ่งมี Hyperdia ด้วยแล้ว ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
โดยสิ่งที่ผมเตรียมก่อนไปญี่ปุ่น คร่าวๆ ก็มีประมาณนี้
1. แพลน : อันนี้บอกเวลาผมแพลนไปละเอียดเกินไปมาก อย่างเช่นรอบรถก็บอกเวลา ต้องขึ้นรอบนี้ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วบอกแค่ว่ารถคันนี้มีให้บริการช่วงเวลานี้ ความถี่แค่ไหนก็พอแล้ว เส้นทางการเดินก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนละเอียดขนาดนั้น คือจริงๆ แค่ใส่รูปจุดหมายที่เราจะไปแล้วไปชี้ๆ ถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นจะดีกว่า เพราะบางทีเส้นทางที่เราอ่านจากที่คนอื่นรีวิวมา อาจจะเป็นเป็นทางที่อ้อมก็ได้ คือมันเดินไปหลายทางนั่นแหละ แล้วคนญี่ปุ่นนี่ถึงเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง แต่เค้าจะพยายามช่วยเรานะครับ แย่สุดๆ ก็ใช้ Google Map นำทางก็ยังได้ เพราะฉนั้น ไม่ต้องกลัวหลง เพราะหลงแน่นอน 555 (แต่หลงไม่นานนะค้าบ)
2. ที่พัก : คือผมไปช่วงปีใหม่ไง ที่พักต้องรีบจอง ไม่งั้นเต็มหมด แต่ถึงไปช่วงปกติ ถ้าไม่ชินที่ทาง ก็ควรจองไปจะดีกว่านะครับ
3. ตั๋วเครื่องบิน : ครั้งนี้ผมบิน Jet Asia คือผมก็เป็นคนเที่ยวไม่บ่อยอะครับ ไม่เคยได้ยินชื่อสายการบินนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่จองไปเพราะมันบินตรง แล้วก็เป็น Full Service ที่ราคาไม่แพงมาก
4. SIM : อันนี้ผมสั่งของ B-Mobile ไปรับที่ Narita Airport นะครับ เพราะวันแรกผมยังไม่เข้าโรงแรม โดยนั่งรถบัสต่อไปเล่นสกีที่ Naeba เลย
5. กล้อง : ทั้งทริปนี้ผมใช้กล้อง Olympus EPL5 สลับกับ iPhone 5s ตามแต่โอกาสจะหยิบอันไหนได้ ซึ่งกล้อง EPL5 แม้จะเป็น Mirrorless ที่ไม่หนักมาก น้ำหนักเพียงครึ่งกิโล แต่แบกไปแบกมายิ่งร็สึกหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ เลยเก็บใส่กระเป๋าบ้างไรบ้าง ใช้ iPhone โซโล่เดี่ยวเอว กล้องธรรมดาๆ สองตัว เมื่อผนวกรวมกับฝีมือการถ่ายภาพที่เกือบจะเป็นของมือสมัครเล่นอย่างผม ภาพเลยออกมาสวยเพราะบรรยากาศล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับฝีมือ 5555+ ถ้าภาพในไม่สวย ผมยินดีน้อมรับเป็นความผิดของกล้องแต่เพียงผู้เดียว (อ้าวว)
6. ชุดลองจอน : ตอนลงเครื่องแล้วต่อ Tokyo เนี่ย อุณภูมิมัน 4 C คือสำหรับผมตอนนั้นนี่มันหนาวมากกกกก ขนาดชุดลองจอนยังเอาไม่อยู่เลย แต่ก็ต้องพกติดไว้ชุดนึง ไม่งั้นหนาวตายแน่ๆ ที่เหลือค่อยไปซื้อเพิ่มที่นู่น แต่คือจะบอกว่าอยู่ไปเรื่อยๆ วันท้ายๆ นี่กลับร็สึกว่า 0-1 C นี่คืออากาศกำลังเย็นสบาย ซะงั้น
7. น้ำจิ้ม Seafood : อันนี้คือสิ่งดีงามที่สุดที่เราเตรียมไปจากไทย เป็นอย่างเดียวที่ผมคิดว่า “ทำไมชั้นไม่เอามามากกว่านี้ๆๆ” เพราะอาหารญี่ปุ่นนี่จัดว่าอร่อยเลยนะครับ แต่ขาดน้ำจิ้ม!! คือพอมารวมกับน้ำจิ้มไทยแล้ว มันคือสุดยอดอาหารระดับโลกเชียวแหละ
อย่างอื่นก็เป็นเสื้อผ้าของใช้ทั่วๆ ไป ที่ต้องจัดใส่กระเป๋าไปอยู่แล้ว เมื่อพร้อมแล้ว ตอนหน้าเราก็จะ Landing สู่ Tokyo กันแล้วนะครับ
[CR] แบกเป้ตีตั๋วตะลุย "ญี่ปุ่น" ฤดูหนาว
ตอนที่ 1 ก่อนจะมาเป็นทริปแบ็คแพ๊คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาว
เรื่องราวมันเริ่มมาเมื่อตอน 1 ปีก่อน ตอนผมกับแฟนคบกันใหม่ๆ ผมก็พูดแซวๆ ทีเล่นทีจริงว่าเนี่ย “วันครบรอบ 1 ปีของเรา เตงต้องพาค้าไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศนะ เตงอยากไปไหน?? เค้าอยากไปยุโรปแหละ” (คือเป็นคำถามชี้นำสุดๆ) แล้วทีนี้แฟนผมเคยเดินทางไปหลายประเทศละ แต่มีประเทศนึงที่เค้าติดใจมาก ไปแล้ว ก็ไปอีก ไม่มีเบื่อ คือเขาชอบผู้คน บรรยากาศ วัฒนธรรม และหลายๆ อย่างในประเทศนั้น ซึ่งก็เป็นประเทศไม่ใกล้ ไม่ไกลจากไทยเราเนี่ยแหละ ประเทศที่เพิ่งยกเลิกการขอ Visa สำหรับท่องเที่ยวล่วงหน้าของคนไทย ประเทศที่ไปแล้วไม่รู้สึกว่ามาอยู่ต่างถิ่นนอกเมืองไทยเลย รู้สึกเหมือนอยู่ต่างจังหวัดมากกว่า เพราะไปไหนก็คนไทย คนไทยเต็มไปหมดเลย ประเทศนั้นก็คือ “ญี่ปุ่น” นั่นเอง
สุดท้ายเค้าเลยเสนอว่า “เราไปญี่ปุ่นกันก่อนไหมล่ะ” คือจริงๆ ญี่ปุ่นก็เป็น 1 ใน wishlist สถานที่ที่ผมอยากไปนะครับ แต่จริงๆ อยากไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมากกว่า แต่พอดีปีนี้มันปิดเทอมช่วงธันวา เลยเลือกช่วงเวลาไม่ค่อยได้ จำเป็นต้องไปหน้าหนาวจริงๆ ตัวผมเองก็ไม่เคยไปเที่ยวที่หนาวๆ เลย หิมะก็ไม่เคยเห็น ใจนึงก็แบบ ฉันจะไหวมั้ยว้าาา จะหนาวตายที่นู่นไหมเนี่ย ใจนึงก็อยากไป อยากเห็นหิมะ แต่อีกใจก็กลัวๆ สุดท้ายจิตวิญญานความอยากเที่ยวมันมากกว่า เราเลยตกลงปลงใจกันไปญี่ปุ่นช่วงธันวา
ตัวผมเองก็กำลังเรียนอยู่ ไม่ได้มีเงินเดือนมากมายอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากไปแบบประหยัดขนาดนั้น เอาสะดวกใจ สบายกายประมาณนึง ทริปนี้ก็หมดไป 5 หมื่นกลางๆ ไม่รวม Shopping กับ 12 วัน เที่ยว 5 เมืองในคันโต กินเต็มที่ บุฟเฟ่ 3 มื้อ ทริปสกี สวนสนุก 2 แห่ง ซึ่งราคาเท่านี้บอกเลยว่าหลายคนนี่ไปเที่ยวได้ 3 รอบ แต่ผมหมดในรอบเดียว 555+
ช่วงวางแผนสำหรับคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นเลยอย่างผม แรกๆ นี่งงๆ ก่งก๊งมาก แต่พอเริ่มอ่านรีวิวที่มีต่างๆ ไปได้ซักพักพบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่วางแผนการเที่ยวได้ง่ายมาก ง่ายยิ่งที่กว่าไปเชียงใหม่อีกมั้ง เพราะคนไทยไปเที่ยวเยอะมาก ข้อมูลเยอะมาก ที่ชอบที่สุดก็คือ ตารางเวลารถมีทุกอย่าง บอกละเอียดเป๊ะระดับนาที (ถ้าเป็นรภไฟนี่ เวลาตรงเป๊ะๆ เลยนะครับ แต่รถบัสเวลา Departure ตรงอยู่ แต่เวลา Arrive นี่ขึ้นกับรถติดด้วย อาจมีเลทบ้างเล็กน้อย) ยิ่งมี Hyperdia ด้วยแล้ว ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
โดยสิ่งที่ผมเตรียมก่อนไปญี่ปุ่น คร่าวๆ ก็มีประมาณนี้
1. แพลน : อันนี้บอกเวลาผมแพลนไปละเอียดเกินไปมาก อย่างเช่นรอบรถก็บอกเวลา ต้องขึ้นรอบนี้ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วบอกแค่ว่ารถคันนี้มีให้บริการช่วงเวลานี้ ความถี่แค่ไหนก็พอแล้ว เส้นทางการเดินก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนละเอียดขนาดนั้น คือจริงๆ แค่ใส่รูปจุดหมายที่เราจะไปแล้วไปชี้ๆ ถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นจะดีกว่า เพราะบางทีเส้นทางที่เราอ่านจากที่คนอื่นรีวิวมา อาจจะเป็นเป็นทางที่อ้อมก็ได้ คือมันเดินไปหลายทางนั่นแหละ แล้วคนญี่ปุ่นนี่ถึงเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง แต่เค้าจะพยายามช่วยเรานะครับ แย่สุดๆ ก็ใช้ Google Map นำทางก็ยังได้ เพราะฉนั้น ไม่ต้องกลัวหลง เพราะหลงแน่นอน 555 (แต่หลงไม่นานนะค้าบ)
2. ที่พัก : คือผมไปช่วงปีใหม่ไง ที่พักต้องรีบจอง ไม่งั้นเต็มหมด แต่ถึงไปช่วงปกติ ถ้าไม่ชินที่ทาง ก็ควรจองไปจะดีกว่านะครับ
3. ตั๋วเครื่องบิน : ครั้งนี้ผมบิน Jet Asia คือผมก็เป็นคนเที่ยวไม่บ่อยอะครับ ไม่เคยได้ยินชื่อสายการบินนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่จองไปเพราะมันบินตรง แล้วก็เป็น Full Service ที่ราคาไม่แพงมาก
4. SIM : อันนี้ผมสั่งของ B-Mobile ไปรับที่ Narita Airport นะครับ เพราะวันแรกผมยังไม่เข้าโรงแรม โดยนั่งรถบัสต่อไปเล่นสกีที่ Naeba เลย
5. กล้อง : ทั้งทริปนี้ผมใช้กล้อง Olympus EPL5 สลับกับ iPhone 5s ตามแต่โอกาสจะหยิบอันไหนได้ ซึ่งกล้อง EPL5 แม้จะเป็น Mirrorless ที่ไม่หนักมาก น้ำหนักเพียงครึ่งกิโล แต่แบกไปแบกมายิ่งร็สึกหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ เลยเก็บใส่กระเป๋าบ้างไรบ้าง ใช้ iPhone โซโล่เดี่ยวเอว กล้องธรรมดาๆ สองตัว เมื่อผนวกรวมกับฝีมือการถ่ายภาพที่เกือบจะเป็นของมือสมัครเล่นอย่างผม ภาพเลยออกมาสวยเพราะบรรยากาศล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับฝีมือ 5555+ ถ้าภาพในไม่สวย ผมยินดีน้อมรับเป็นความผิดของกล้องแต่เพียงผู้เดียว (อ้าวว)
6. ชุดลองจอน : ตอนลงเครื่องแล้วต่อ Tokyo เนี่ย อุณภูมิมัน 4 C คือสำหรับผมตอนนั้นนี่มันหนาวมากกกกก ขนาดชุดลองจอนยังเอาไม่อยู่เลย แต่ก็ต้องพกติดไว้ชุดนึง ไม่งั้นหนาวตายแน่ๆ ที่เหลือค่อยไปซื้อเพิ่มที่นู่น แต่คือจะบอกว่าอยู่ไปเรื่อยๆ วันท้ายๆ นี่กลับร็สึกว่า 0-1 C นี่คืออากาศกำลังเย็นสบาย ซะงั้น
7. น้ำจิ้ม Seafood : อันนี้คือสิ่งดีงามที่สุดที่เราเตรียมไปจากไทย เป็นอย่างเดียวที่ผมคิดว่า “ทำไมชั้นไม่เอามามากกว่านี้ๆๆ” เพราะอาหารญี่ปุ่นนี่จัดว่าอร่อยเลยนะครับ แต่ขาดน้ำจิ้ม!! คือพอมารวมกับน้ำจิ้มไทยแล้ว มันคือสุดยอดอาหารระดับโลกเชียวแหละ
อย่างอื่นก็เป็นเสื้อผ้าของใช้ทั่วๆ ไป ที่ต้องจัดใส่กระเป๋าไปอยู่แล้ว เมื่อพร้อมแล้ว ตอนหน้าเราก็จะ Landing สู่ Tokyo กันแล้วนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น