จริงๆก็ไม่อยากตั้งกระทู้นี้หรอกครับ ทำมาค้าขายเห็นใจกันทุกฝ่าย ทุกวันนี้ชาวสวนยากก็ทุกข์ระทมกันพอแล้วแต่คนใช้รถใช้ถนนก็เสี่ยงชีวิตเพิ่มขึ้นไหนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตอนฝนตกถนนลื่น ยังต้องระวังความลื่นที่เพิ่มขึ้นของน้ำขี้ยางพาราที่เคลือบถนนจากการขนส่งที่ไม่รับผิดชอบของพ่อค้าบางท่านอีก
ย้อนกลับไป 5-7ปี เมืองเลยบ้านผมมีการปลูกยางพารามากมายเนื่องจากราคายางพาราที่ดียางก้อนตกกิโลกรัมละ 100-120บาทกันเลยทีเดียว จึงมีการตั้งร้าน โต๊ะรับซื้อหลายๆเจ้าเงินทองสะพัดทั้วพื้นที่ ชาวสวนยางมีความสุข แต่ภัยเงียบค่อยๆคลืบคลานเข้ามา พอน้ำยางไหลลงพื้นถนนจากการขนส่งที่ไม่รับผิดชอบของรถบางคัน ไม่ทำภาชนะรองรับน้ำยางปล่อยไหลลงมานองพื้นถนน สิ่งแรกที่ชาวบ้านริมถนนต้องเจอคือ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวสุดทน พอนานๆสะสมถนนจะมีสีดำเคลือบอยู่ พอฝนแรกลงเท่านั้นหล่ะ ฟองฝอดทันที ทั้งเหม็นทั้งลื่น โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นอำเภอภูเรือที่เป็นทางขึ้นเขา ฝนตกทีไรผมจะได้ยินทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจ พยาบาล เปรยเลยว่า เดี๋ยวมีลงเขากันบ้าง จนมีการเดากันว่าถึง 10คันมั๊ย ซึ่งบางทีวันเดียวทะลุ 20คัน มีบาดเจ็บ มีเสียชีวิต ลำพังคนพื้นที่ชำนาญเส้นทางยังแทบคลานวิ่งไม่เกิน40-50 บางครั้งยังมีเป๋ๆ แต่คนต่างพื้นที่ ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง บางคนเอาชีวิต ทรัพย์สินมาทิ้งไว้ที่เส้นทางนี้ ภูเรือจากเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อสวยงามของทาง จ.เลย ตอนนี้ในสายตาบางท่านกลายเป็นสุสานของคนสัญจรณ์ไปมาเมื่อยามฝนตกแล้ว ผมเคยได้ยินพ่อค้าบางท่านว่า "ไม่เกี่ยวอะไรกับขี้ยาง ถ้าเป็นอย่างนั้น ภาคใต้ก็ตายกันหมดแล้ว แต่ประสบการณ์ที่พ่อตาเป็นคนใต้ ไปภาคใต้มาหลายสิบครั้งแทบจะทุกจังหวัด กลิ่นขี้ยางเมื่อเทียบกับ เส้นทางภูเรือ แทบจะไม่มีเลยเพราะเค้านิยมทำงานแผ่น จบในสวนตัวเอง แต่ทางเมืองเลย นิยมขายยางก้อนเพราะไม่ต้องลงทุนเครื่องมือมาก " ผมเติบโตและอยู่เมืองเลยตั้งแต่มาทั้งชีวิต 40ปี ไม่มีช่วงไหนที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนมากมายขนาดนี้มาก่อนเมื่อเทียบกับ 5-7ปีมานี้ รึท่านว่าไม่เกี่ยว
ขออนุญาตฝากลิ้งนะครับ
http://www.thairath.co.th/content/473972
ปล. มันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวผมแล้วท่านเกือบเสียชีวิต รึจะรอให้เกิดกับคนใกล้ตัวท่านก่อน
จะรอให้ถนนลื่นๆจากน้ำขี้ยางพารามาเอาคนที่เรารักไปก่อนหรือ
ย้อนกลับไป 5-7ปี เมืองเลยบ้านผมมีการปลูกยางพารามากมายเนื่องจากราคายางพาราที่ดียางก้อนตกกิโลกรัมละ 100-120บาทกันเลยทีเดียว จึงมีการตั้งร้าน โต๊ะรับซื้อหลายๆเจ้าเงินทองสะพัดทั้วพื้นที่ ชาวสวนยางมีความสุข แต่ภัยเงียบค่อยๆคลืบคลานเข้ามา พอน้ำยางไหลลงพื้นถนนจากการขนส่งที่ไม่รับผิดชอบของรถบางคัน ไม่ทำภาชนะรองรับน้ำยางปล่อยไหลลงมานองพื้นถนน สิ่งแรกที่ชาวบ้านริมถนนต้องเจอคือ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวสุดทน พอนานๆสะสมถนนจะมีสีดำเคลือบอยู่ พอฝนแรกลงเท่านั้นหล่ะ ฟองฝอดทันที ทั้งเหม็นทั้งลื่น โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นอำเภอภูเรือที่เป็นทางขึ้นเขา ฝนตกทีไรผมจะได้ยินทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจ พยาบาล เปรยเลยว่า เดี๋ยวมีลงเขากันบ้าง จนมีการเดากันว่าถึง 10คันมั๊ย ซึ่งบางทีวันเดียวทะลุ 20คัน มีบาดเจ็บ มีเสียชีวิต ลำพังคนพื้นที่ชำนาญเส้นทางยังแทบคลานวิ่งไม่เกิน40-50 บางครั้งยังมีเป๋ๆ แต่คนต่างพื้นที่ ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง บางคนเอาชีวิต ทรัพย์สินมาทิ้งไว้ที่เส้นทางนี้ ภูเรือจากเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อสวยงามของทาง จ.เลย ตอนนี้ในสายตาบางท่านกลายเป็นสุสานของคนสัญจรณ์ไปมาเมื่อยามฝนตกแล้ว ผมเคยได้ยินพ่อค้าบางท่านว่า "ไม่เกี่ยวอะไรกับขี้ยาง ถ้าเป็นอย่างนั้น ภาคใต้ก็ตายกันหมดแล้ว แต่ประสบการณ์ที่พ่อตาเป็นคนใต้ ไปภาคใต้มาหลายสิบครั้งแทบจะทุกจังหวัด กลิ่นขี้ยางเมื่อเทียบกับ เส้นทางภูเรือ แทบจะไม่มีเลยเพราะเค้านิยมทำงานแผ่น จบในสวนตัวเอง แต่ทางเมืองเลย นิยมขายยางก้อนเพราะไม่ต้องลงทุนเครื่องมือมาก " ผมเติบโตและอยู่เมืองเลยตั้งแต่มาทั้งชีวิต 40ปี ไม่มีช่วงไหนที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนมากมายขนาดนี้มาก่อนเมื่อเทียบกับ 5-7ปีมานี้ รึท่านว่าไม่เกี่ยว
ขออนุญาตฝากลิ้งนะครับ http://www.thairath.co.th/content/473972
ปล. มันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวผมแล้วท่านเกือบเสียชีวิต รึจะรอให้เกิดกับคนใกล้ตัวท่านก่อน