เกือบ 6 ปีไม่มีความหมายเมื่อแฟนทำผู้หญิงคนอื่นท้องก่อน งานหมั้น 2 อาทิตย์ เตือนใจสำหรับคนมีความรัก

....>> ก่อนอื่นต้องขออภัยถ้ามีอะไรผิดพลาดนะคะ เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ยังไม่ค่อยชำนาญค่ะ เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้อาจจะยาวเพราะเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่งประติดประต่อไม่ค่อยเป็นไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยเล่าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเลยละกันจะได้เข้าใจความรู้สึกของเราจริงๆ อยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับผู้หญิงหลายๆคนที่กำลังมีความรัก การที่เรามีความรักมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกค่ะ แต่เราต้องรักให้เป็น ซึ่งตัวเราเองผ่านตรงนั้นมาแล้วและคิดว่าโดนมาหนักพอสมควร จึงอยากจะให้เป็นข้อคิดเตือนใครหลายๆคนที่มีความรัก โดนมาหลายเรื่องเหมือนกัน แต่เอาเรื่องที่สุดๆในชีวิตละกันเนาะ

    ตอนนี้เราอายุ 21 ค่ะ เรียนจบแล้ว  เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือ เราเป็นคนกรุงเทพตั้งแต่กำเนิดเรียนและอาศัยอยู่กรุงเทพมาตลอด จนจบ ป.6 เราจำเป็นที่จะต้องย้ายกลับไปเรียนต่อมัธยมที่ต่างจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนักนั่งรถแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงค่ะ เราต้องปรับใหม่ทั้งหมดทั้งสังคมและเรื่องเรียน เราดูเป็นคนแปลกหน้ามีฉายาว่า”เด็กเทพ”และมักจะโดนแกล้งอยู่เป็นประจำ โรงเรียนที่เราย้ายมาถึงแม้จะเป็นต่างจังหวัดแต่ก็เป็นโรงเรียนที่เด็กเยอะพอสมควร จำนวนหลักพันค่ะ จึงไม่แปลกที่จะโดนแกล้งจากหลายกลุ่ม จนไม่อยากจะเรียนอยู่ที่นั่นอยากจะย้ายกลับ แต่เมื่อความจำเป็นทางครอบครัวของเรามันมีมากกว่าเราเลยต้องทน

         จนกระทั่งเราเรียนมาจนถึง ม.2  ก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเพิ่งย้ายมาใหม่จากอำเภอใกล้เคียง และก็ตามธรรมเนียมค่ะ เด็กใหม่มักจะโดนแกล้งและเป็นที่จับตามองของคนทั้งโรงเรียน เราเองก็เพิ่งเคยเห็นเค้าครั้งแรกตอนที่เพื่อนชี้ให้ดูว่านั่นแหล่ะเด็กใหม่ และเพื่อนที่เราสนิทก็แอบชอบเค้าสะด้วยสิ ตอนนั้นเค้ากำลังโดนแกล้งเราเลยเห็นแบบไม่เต็มตา แต่ยอมรับว่าเท่าที่พยายามสังเกตุเค้าหน้าตาดีมาก แต่เราก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะเกิดมาไม่เคยมีแฟนไม่เคยแอบชอบใคร บ้าคลั่งอย่างเดียวคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ มันทำตัวไม่เป็น แม้แต่เดินผ่านกลุ่มที่มี ผู้ชายเยอะเรายังเขินอายทั้งที่ก้อไม่มีไร แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ชอบผู้ชายเยอะ ไม่ได้กระแดะนะคะ  อาจจะฝังใจมั้งเพราะตอนที่เป็นเด็กใหม่เราโดนเพื่อนผู้ชาย รุ่นพี่ผู้ชายแกล้งสาระพัด หนักสุดเราก็โดนหลอกว่าอาจารย์เรียกพบพอจะก้าวเข้าห้องเราสังเกตุว่ามีผู้ชายเต็มห้องไปหมด แล้วทุกคนเริ่มมองและเดินมาที่เรา ตอนนั้นรู้แล้วว่าอยู๋ไม่ได้แล้วเลยวิ่ง เป็นช่วงเดียวกับที่เพื่อนหาเราเหมือนกันเพราะว่ามันคุยกับอาจารย์คนที่โดนอ้างชื่อมาและรู้ว่าไม่ได้เรียกพบ มันเลยเข้าใจว่าเราโดนแกล้งและจะมาช่วยเรา พอเห็นเราวิ่งมันเลยเรียกเราตอนนั้นเหมือนหลุดพ้น แต่ใจเสียมาก แล้วก็ไม่อยากไปในที่ ที่มีผู้ชายเยอะอีกเลย โอเคกลับมาที่เด็กใหม่555 ตอนนั้นเราเห็นเพื่อนเรามันชอบ   เราเองก็ไม่ได้อะไร แค่ปลื้มหน้าตาเค้า และเทอมที่ 1 ก็ผ่านไปด้วยดี

     พอเทอมที่ 2 เพื่อนเราที่สนิทเนี่ยกลับย้ายโรงเรียนไปแบบกระทันหัน ทีนี้เคว้งเลย เพื่อนสนิทหาย เลยต้องเริ่มหากลุ่มใหม่ และเราก็ใช้เวลาไม่นานก็ได้กลุ่มใหม่ และกลุ่มนี้ก็มีเพื่อนต่างห้องหลายคนรวมทั้งเด็กใหม่ด้วย และวันหนึ่งเราเรียนสุขศึกษา ก็รู้นะคะว่าวิชานี้ไม่ไรมาก สั่งงาน และก็ส่ง เวลาเหลือก็เล่น ช่วงเวลาที่ว่างเราเล่นเกมส์และมีเพื่อนคนนึงบอกเราว่ามีคนชอบเชื่อมั้ย ตอนนั้นเรานึกว่ามันอำเพราะกำลังเล่นเกมส์แล้วมันแพ้เลยคิดว่าเป็นมุขของมัน แต่พอมันบอกว่าจริงๆเดี่ยวจะมันจะมาบอกเอง แต่มันแค่อยากให้เรามาบอกว่ามันชอบแล้วมันจะมีโอกาสจีบเรารึป่าว ไงล่ะหญิงสาวผู้ไม่เคยมีแฟนเจอจังๆแบบนี้ กับคนที่ปลื้มอยู่แล้ว ในใจผมนี่แรดเลยครับ แต่ปากก็ยังยืนยันว่าไม่เชื่อ ถ้าจิงให้มาบอกเอง

        แล้วเพื่อนทั้งห้องเค้าและห้องเราพยายามที่จะให้เราได้คุยกัน และเค้าก้อบอก อืมม ใช่ชอบ จีบได้ป่าว แต่เค้าเป็นคนที่ขี้อายมาก แต่เราชอบเวลาเค้าอายนะเค้าหน้าหวานดี แหน่ะ แรดอีกและ อ่ะ กลับมาที่เดิม และตั้งแต่นั้นเราก็คุยกันแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนนะ โอเค รู้ว่าจีบกันแต่เราเป็นคนหัวโบราณ ขี้อาย เลยโครตไว้ตัว และวันนึงเค้าก็โทเข้าโทรศัพท์แม่เรา เพราะเข้าใจว่าเป็นเบอเรา ตอนนั้นเรายังไม่มีโทรศัพท์เป็นเด็กติดพ่อแม่ เลยไม่จำเป็นต้องใช้โทศัพท์เลย แม่ก็รับและยื่นให้เราบอกเพื่อนโทมา เราก็นึกว่าเพื่อนจิงๆเพราะปกติเพื่อนจะโทมาบ้าง แต่พอเป็นเสียงผู้ชาย ที่เราไม่คุ้นเลย ไม่ใช่เพื่อนรึอะไรแน่ แล้วก็ถามว่าใคร เค้าบอกว่าเค้าเอง เรานี่หน้าร้อนเลย ผู้ชายโทมา แม่ก็ยืนมองหน้าเราสงสัยว่าเราคุยกับใคร เราก็ถามว่าได้เบอมาได้ไงเค้าบอกเอาเบอมาจากเพื่อนเราอีกที เราก็ทำตัวไม่ถูกไม่มีไรจะพูด ก็อ้ำๆอึ้งๆ สักพักก็วางเพราะเค้าก็พูดไม่เก่งและก็ดูเขินๆเหมือนกัน พอวางแม่เรียกเราไปคุยเลย เรานี่กลัวๆเพราะไม่รู้จะโดนว่ามั้ย พอนั่งแม่ก็ถามว่า เพื่อนเราที่โทมาอ่ะ ชื่อไร ทำไมไม่เห็นคุ้นชื่อเลย อยู่แถวใหน ชื่อจริง-นามสกุลไร โหแม่ เหมือนสอบสวนเลย พอเราบอกไปทั้งหมด แม่ก็บอกว่าจิงหรอ เพราะพ่อเค้าอ่ะพี่ชายเพื่อนที่สนิทของแม่เลยนะ แต่เราเพิ่งมาอยู๋นี่เลยไม่เคยเห็นและไม่รู้จักประกอบกับเพื่อนแม่คนนั้นเค้าไปมีครอบรัวคนละอำเภอ เราเลยโล่งใจไม่โดนด่าละคนกันเอง แต่มันยังไม่จบมีอีกคำถามยากนี่สิ แล้วคบกันหรอ? บอกแม่นะอย่าโกหก มีอะไรคุยกับแม่นะ แม่ไม่ว่านะที่จะมีแฟน แต่ต้องอยู่ในกรอบ แม่เข้าใจโลกสมัยนี้ดี  เราก้อรีบตอบไปเลยว่าไม่ใช่ แค่คุยเฉยๆ ยังไม่ใช่แฟน แม่ก็ยิ้มแล้วก้อไม่พูดอะไร เช้าวันต่อมาแล้วเราก็เล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟังที่โรงเรียน เค้าบอกว่าเดี่ยวจะกลับไปถามพ่อแม่

      และเย็นนั้นก็มีสายเข้าเป็นเบอแปลกๆ พอเรารับก็เปนเสียงผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับแม่เราเลย  บอกว่าเค้าเป็นแม่ของ....นะ หนูเป็นแฟนของ...ใช่มั้ย เราก็รีบบอกว่าเปล่าค่ะ หนูกับเค้าเป็นเพื่อนกัน แม่เค้าก็หัวเราะแล้วก็บอกว่าแต่ลูกเค้ามีอะไรไม่เคยปิดบังแม่นะ เค้าบอกว่าเค้ารู้สึกดีกับหนู เอาเป็นว่าตอนนี้พวกหนูยังเด็ก ถ้าวันข้างหน้าพวกหนูยังรู้สึกดีต่อกันจิงๆ แม่จะไม่ทำให้หนูและครอบครัวขายหน้า แต่แม่เค้าดูใจดีมาก  สักพักแม่เค้าขอคุยกับแม่เรา เราก็เอาโทสับไปให้แม่ ตอนนั้นก็แอบกลัวว่าเค้าจะทะเลาะกันรึป่าว แต่ป่าวเลยคุยกันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เรานี่สบายใจมากรู้สึกว่าเรารู้สึกดีกับเค้าและครอบครัว

      หลังจากนั้นเค้าก็ไปมาหาสู่เราบ้างที่บ้านบ้าง แต่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ค่ะ แม่เค้าทำอาหารฝากมาให้เราบ้าง เราฝากไรไปให้แม่เค้าบ้าง  มาตอนใหนก็ได้แต่กลับได้ไม่เกิน 1 ทุ่ม นี่คือข้อตกลง เราก็เป็นแบบนี้จนจบ ม. 3

  เราก็ย้ายกลับ กทม เพราะอยากใช้ชีวิตที่นี่มากกว่าอยากเริ่มตั้นที่นี่ เค้าเองก็มาสอบเพื่อที่จะเรียนใน กทม. เป็นโรงเรียนสายข้าราชการค่ะ และเข้าก็สอบติด เราก็คบกันมาเรื่อยๆแบบนี้ มันรู้สึกดีมากเพราะครอบครัวเค้าและครอบครัวเข้ากันได้ดีและเราก้อตกลงเป็นแฟนเค้า ตอน ม 5 ก็เท่ากับว่าเราคุยกับเค้ามาประมาน 2 ปีครึ่งแล้ว แม่เราและครอบครัวเค้าก็รู้ว่าเราตกลงเป็นแฟนเหมือนค่ะ ก็ไม่มีเสียงคัดค้านอะไร แต่จะคอยเตือนมากกว่า และเราก็คบกันมาเรื่อยๆเจอปัญหาต่างมากมายแต่เราก็ผ่านกันมาได้ เพราะเราแคร์ความรู้สึกของกันและกันมากกว่า

>>  จนกระทั่งเราเรียนจบ เค้าก็จบ เค้าให้แม่เค้าโทมาบอกว่าอยากหมั้นกับเราไว้ก่อนได้มั้ย ถ้าเรียนจบกันเมื่อไหร่จะแต่งทันที เพราะเค้ามั่นใจในเรา แต่เราก็ปฏิเสธเค้าและแม่เค้าไปและบอกว่าเรายังไม่อยากคิดไกลขนาดนั้น อีกนานกว่าจะแต่งเรากลัวมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่ในใจก็แอบดีใจที่เค้าจิงจังกับเรา จนเราเข้าเรียนที่ มหาลัยแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราโดนอาจารย์และรุ่นพี่บังคับให้เป็นดาวสาขา แต่เราไม่อยากเป็นเราไม่ชอบทำกิจกรรม เราก็ปรึกษาเค้า เค้าก็บอกไม่อยากให้ทำ อ้อ เค้า ขี้หึงค่ะ เราเองก็ไม่แพ้กัน เพราะเค้าเป็นคนหน้าตาดี เลยมีเรื่องผู้หญิงบ่อยเหมือนกัน   และจนเราหาทางเปลี่ยนตัวดาวแบบไม่แคร์อาจารย์ และเราก็เหมือนผิดใจกับอาจารย์ประมานปีนึง เราเองก็รูสึกผิดเลยไม่อยากเจอและหาทางไม่เจออาจารย์คนนี้อีกจนเราขึ้นปี 2 เราเองก็มีรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นมาชอบพอสมควรค่ะ เลยทำให้ทะเลาะกันบ่อย ตอนนี้เค้าย้ายกลับไปอยู่อีกจังหวัดนึงนะคะ ด้วยหน้าที่การงาน และการเรียนของเค้า ปี2 เราต้องมีเรียนกับอาจารย์คนนี้ เราเลยระบายให้เค้าฟัง เค้าก็เหมือนเดิมค่ะ เริ่มจะแสดงอาการหงุดหงิดขี้หึง จนเราเรียนจบเทอม 1 เราก็กลับไปอยู่ต่างจังหวัดไปหาแม่ช่วงปิดเทอม

    ช่วงนั้นเราก็มีโอกาสได้เจอกันบ่อยจนเราทั้งคู่ล้ำเส้นลึกซึ้งกันไปแต่เค้าบอกว่าเค้าจิงจังกับเราแล้วก็ไม่คิดไปหาใครอีกแล้ว พอใกล้เปิดเทอมเค้าบอกว่าพ่อเค้าอยากให้เราหมั้นกัน ครั้งนี้เราเลยปรึกษากับแม่ดู แม่บอกว่าแล้วแต่เลย แต่เราก็คบกันนานละนะ มีอะไรคืบหน้าบ้างก็ดี จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน อีกอย่างอีก 2 ปีก็จบละ เวลามันก็เหมาะสมดี เราเลยตอบตกลงกับเค้าไป เค้าดูดีใจมากทุกอย่างก็เริ่มค่ะ งานทุกอย่างทั้งแม่เรากับครอบครัวเค้าต่างจัดเตรียมทุกอย่าง จนเสร็จการ์ดแจกเรียบร้อย

>>> ก่อนถึงวันหมั้น1เดือน เค้ามีอาการเปลี่ยนไป เราเริ่มทะเลาะกันมากขึ้น คุยกันไม่เข้าใจมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และสองอาทิตย์ก่อนถึงวันหมั้นเราเริ่มโทหาเค้าไม่ค่อยรับ ทั้งๆที่เค้าจะโทหาเราบ่อยมาก และเราเองก็ไม่ค่อยโทไปเซ้าซี้รึกวนเค้าเลยเราไม่ใช่คนจุกจิก แต่นี่สัญชาตญาณมันบอกแล้วว่าอะไรเปลี่ยนไป ใจคอเราเริ่มไม่ดีและ เพราะใกล้ถึงวันหมั้นแล้วด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นครอบครัวเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน ตอนนั้นสับสนเหมือนกัน โทหาเค้าเหมือนกับมีเสียงผู้หญิงลอดเข้ามา พอเราถามว่าใครเค้าบอกว่าคนแถวนี้แหล่ะเค้าหาไรกินในตลาด เสียงคนอื่นเลยลอดเข้ามา เราเองก็เก็บความสงสัยไว้ตลอดเพราะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หลายอย่างเกี่ยวกับคำแก้ตัวของเค้าเรื่องแล้วเรื่องเล่า แต่เราไม่อยากจุกจิก เค้าอาจจะเถลถไล ไปบ้าง ก็นิสัยผู้ชาย แต่รู้ว่าใครสำคัญที่สุดก็พอ

       และคืนหนึ่งหลังจากที่เราทะเลาะกันเราโทหาเค้าเพื่อจะขอโทดแต่เค้าไม่รับ เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้ เราโทหาเค้าจาก ทุ่มกว่า ยันตีสอง ทิ้งระยะบ้างไม่ได้โทจิก และตอนตีสองเค้าก็รับเราดีใจกำลังจะพูด คิดว่าเค้าคงอารมเย็นแล้ว แต่เปล่าเลยมันเป็นเสียงเหมือนอยู่ในร้านอาหารกึ่งผับ มีเสียงผู้หญิงและเพื่อนเค้าอยู่รอบไปหมดเราคิดในทางที่ดีแบบปลอบใจว่าอาจจะเป็นเพื่อนเค้า เค้าคงเครียดที่ทะเลาะกับเราแล้วมากินเหล้า เพราะเป็นเรื่องปกติของเค้า จากคำพูดของเพื่อนเค้าที่เคยบอกเรามา แต่นั่นไม่ใช่การรับโทสับ มันคือการเผลดไปโดนปุ่มรับ เราเสียใจมาก ไม่มีอารมณ์อยากจะไปเรียนเลย ช่วงจะสอบแล้วด้วย

    แล้วหลังจากนั้นสองวันเค้าก็ติดต่อมาบอกมาเราห่างกันมั่งเหอะเค้าไม่อยากตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์ เผื่อคุยกันมากๆแล้วทะเลาะกันบ่อยขึ้น เราอาจจะเลิกกันง่ายขึ้น เราไม่เข้าใจเหตุผลเค้าเลย เราเลยพยายามทวงสัญญาและงานที่กำลังจะเกิด เค้าบอกเค้าเหมือนเดิม แต่เรารู้สึกเหมือถูกบอกเลิก  >>>>  เราเลยโทไปหาแม่พอแม่รู้เรื่อง แม่เราเป็นคนใจร้อน แม่เลี้ยงเรามาคนเดียวเพราะพ่อกะแม่หย่ากันตอน ป  3 แม่เลยโทไปหาเค้าประชุมสายคุยกัน  บอกมาคุยกันให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นึกถึงใจเราหรอ กำลังมีคนอื่นอยู๋ใช่มั้ย เค้าปฏิเสธทุกอย่างแล้วบอกว่าเหมือนเดิม เราเลยบอกเค้าให้มาหาเราหน่อยได้มั้ย เค้าพยายามปฏิเสธ..... แม่เลยบอกเราเลยว่าเค้าไม่ใช่คนเดิมแล้ว แล้วเรื่องของเราจะเอายังไงกันต่อ ทำไรกันไม่นึกถึงหน้าผู้ใหญ่กันเลย....... แล้วแม่เราก็นิ่งไป เราใจคอไม่ดี เค้ากับเราเลยช่วยกันโทหาญาติเรา ให้มาดูแม่เราที

>>>>>> แม่เราช็อคค่ะ<<<<< เข้าโรงบาล เรารู้สึกผิดเรารักแม่มาก เรากำลังทำให้แม่เสียใจ เราเลยทะเลาะกับเค้าอย่างแรงหน้าโรงบาล แล้วเค้าก้อวิ่งหนีเรา เราก้อเหมือนคนบ้า ไม่รุว่าควรจะทำอะไร เค้าเองก็เครียด จนเค้าก็ช็อคล้มต่อหน้าเราทั้งที่วิ่งไปไม่ไกล ตอนนี้เราสับสนทำไรไม่ถูกเหมือนจะบ้าเลย พอออกจากโรงบาลเราก็คุยกันว่าจะเอายังไงโดยเราตกลงกับแม่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นยังไงเราก็จะยอมรับมัน พอถามเค้า เค้าบอกเหมือนเดิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่