ใครๆ ก็อยากไปต่างประเทศ เราก็เป็นคนหนึ่ง แต่เมื่อเวลาเรากับแฟนไม่ตรงกัน และเรามีความฝันว่า ปีนึงเราจะต้องไปเที่ยวต่างประเทศ 1 ครั้ง
การเดินทางจึงเริ่มขึ้น
สิ่งที่ต้องเตรียมและเราคิดว่าสำคัญสำหรับการไปเที่ยวคนเดียว
ขาตั้งสามขา ขาตั้งเดียวแบบ selfie รีโมทกดถ่ายภาพอัติโนมัติ หนังสือท่องเที่ยวสำคัญสำหรับแผนสำรองต่างๆ นั้นก็ของใช้ส่วนตัวคะ ไม่มีอะไรมาก
เราเริ่มจองทางสายการบินแอร์เอเชียไป-กลับ รวมประมาณ 3 พันกว่าบาท ไม่แพงก็โอเค จองที่พักผ่านทางอโกด้า จ่ายไปเลยคะทุกอย่างจัดการเองหมด
จากนั้นก็แค่รอ เราจองล่วงหน้าก่อนไป ประมาณ 2 เดือน คืนก่อนบินเราไปนอนบ้านเพื่อนเพราะใกล้สนามบิน ปรากฏ ตื่นสายจ้า วิ่งแบกกระเป๋าล้ม เกือบไม่ทัน แต่ก็ทันอะ ดีใจ ปวดก้นเล็กน้อย 555+
วันแรกที่ไปถึง ถึงสนามบินชางกี ประมาณ 9 โมงเช้า เราก็เดินไปเดินมา หลงทางในสนามบิน 1 ชม TT ศึกษาการเดินทางดีๆ นะ เราแบบ แบล็คแพ็ค เลยไม่ค่อยได้หาข้อมูล+ไม่มีเวลา
จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วรถไฟ ตอนแรกทำอะไรไม่เป็น ก็ซื้อตั๋วเที่ยวที่ตู้ไปก่อน โชคดี พอมีความรู้ด้านภาษาติดตัวบ้าง เลย รอดมาได้
จากนั้นเรามุ่งตรงไปที่พักก่อนเพิ่อฝากสัมภาระซึ่งเป็น สถานี Little india เป็นชุมชนเหล่า คนอินเดียในสิงคโปร์ บรรยากาศก็น่ากลัวนิดหน่อยสำหรับผู้หญิง แต่เราก็มั่นใจว่า สิงคโปร์ค่อนข้างเซฟ ปลอดภัยเลยสู้ๆ หลังจากฝากกระเป๋า
เราก็เริ่มเตรียมความพร้องของการเดินทางเราเลือกซื้อซิมการ์ดจากร้าน seven eleven เพื่อเอาไว้หาข้อมูลการเดินทางเผื่อไม่รู้จัก อินเตอร์เน็ตต้องบอกเลยความเร็วไม่ได้ดีไปกว่าบ้านเราเลยคะ พอๆ กัน และโทรกลับไปแจ้งให้ทางบ้านทราบว่ายังมีชีวิตอยุ่ 555+
เราก็เริ่มซื้อ ตั๋วโดยสารแบบเติมเงินจากตู้ ก็บอกเค้าว่าต้องการอยู่ประมาณ 4 วันซื้อแบบไหนดี เค้าก็แนะนำดีคะ ภาษาฟังยากนิดหน่อยรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างก็ได้มา
เปิดหนังสือที่ซื้อมาจากร้านหนังสือในไทยและไปที่ มาริน่าเบย์ก่อนเลย ไปดู Gardens by the Bay แต่เราไม่ได้เสียตังค์เข้าไปนะคะ แค่เดินรอบๆ เดินไปตามแหล่งชอปปี้แถวๆ นั้น เดินชมตึก Marina Bay Sandsมุมต่างๆ กันไป
*** แนะนำเพื่อนๆ ที่จะไปให้หาแผนที่ ที่รถไฟ เพราะซื้อหนังสือจากไทยไป แผนที่ในหนังสือไม่ละเอียดทำให้เราหลงทางเยอะมาก
วันแรกยังไม่มีอะไรมาก เพราะเราเน้นนั่งอ่านหนังสือที่ซื้อมาและยังไม่ได้อ่านกับเดินชมบรรยากาศของมาริน่าเบย์ เดินมองดูผู้คนการใช้ชีวิตที่โน้น แปลกดีคะ ตอนแรกเราแปลกใจว่าทำไม ไม่มีคนเดินตามท้องถนน แต่เราเพิ่งมา อ๋อ หลังจากเดิน
ตากแดด จนผิวไหม้เกรียมว่า เค้าเดินอยู่ห้างกัน เพราะห้างที่โน้นมันแทบจะทะลุถึงกันหมดเลย TT ระหว่างนั่งชมบรรยากาศ เราก็ถ่ายรูปไป โดยใช้ขา Selfie ที่ซื้อจากไทยคะ มีประโยชน์มากจริงๆ สำหรับคนที่ไปเที่ยวคนเดียว เราเอาไปทั้งขาเดียว
สามขาเลย เติมที่ เหตุการณ์ตลกเกิดขึ้นระหว่างรอฟ้ามืดดูการแสดงคือ เจอผู้ชายถ้ำมองคะ ยังไงระหว่างตัวกันด้วยนะ เราเอารูปขำๆ มาให้ดูด้วย หลังจากนั้นก็นั่งดูการแสดงแสงสีเสียงที่ มาริน่าเบย์ จนจบคะ
ซึ่งต้องขอบอกว่าประทับใจมาก อยากให้บ้านเรามีแบบนี้บ้าง หลังจากที่เพลินกับกับวิวทิวทัศน์ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน กล้องตกจ้า พัง ทั้งทริป จึงจำเป็นต้องใช้กล้องมือถืออย่างเดียวเท่านั้น แย่เลย
จากนั้นเราก็กลับบ้าน ลืมบอกไปที่พักของเราคือ Vintenn Gusthouse คืนละ 600 บาทเท่านั้น ถูกสุดๆ ซึ่งเป็นแบบ แคปซูลนะคะ ห้องอาบน้ำรวม กลางคืนวันแรก เจอเพื่อนรวมห้องด้านบนเดินเสียงดังเลยหลับไม่ค่อยลงเท่าไรเลย TT
เรื่องเล่าเมื่อผู้หญิงคนเดียวไปเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ใครๆ ก็ไปได้ ไม่ต้องง้อทัวร์
การเดินทางจึงเริ่มขึ้น
สิ่งที่ต้องเตรียมและเราคิดว่าสำคัญสำหรับการไปเที่ยวคนเดียว
ขาตั้งสามขา ขาตั้งเดียวแบบ selfie รีโมทกดถ่ายภาพอัติโนมัติ หนังสือท่องเที่ยวสำคัญสำหรับแผนสำรองต่างๆ นั้นก็ของใช้ส่วนตัวคะ ไม่มีอะไรมาก
เราเริ่มจองทางสายการบินแอร์เอเชียไป-กลับ รวมประมาณ 3 พันกว่าบาท ไม่แพงก็โอเค จองที่พักผ่านทางอโกด้า จ่ายไปเลยคะทุกอย่างจัดการเองหมด
จากนั้นก็แค่รอ เราจองล่วงหน้าก่อนไป ประมาณ 2 เดือน คืนก่อนบินเราไปนอนบ้านเพื่อนเพราะใกล้สนามบิน ปรากฏ ตื่นสายจ้า วิ่งแบกกระเป๋าล้ม เกือบไม่ทัน แต่ก็ทันอะ ดีใจ ปวดก้นเล็กน้อย 555+
วันแรกที่ไปถึง ถึงสนามบินชางกี ประมาณ 9 โมงเช้า เราก็เดินไปเดินมา หลงทางในสนามบิน 1 ชม TT ศึกษาการเดินทางดีๆ นะ เราแบบ แบล็คแพ็ค เลยไม่ค่อยได้หาข้อมูล+ไม่มีเวลา
จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วรถไฟ ตอนแรกทำอะไรไม่เป็น ก็ซื้อตั๋วเที่ยวที่ตู้ไปก่อน โชคดี พอมีความรู้ด้านภาษาติดตัวบ้าง เลย รอดมาได้
จากนั้นเรามุ่งตรงไปที่พักก่อนเพิ่อฝากสัมภาระซึ่งเป็น สถานี Little india เป็นชุมชนเหล่า คนอินเดียในสิงคโปร์ บรรยากาศก็น่ากลัวนิดหน่อยสำหรับผู้หญิง แต่เราก็มั่นใจว่า สิงคโปร์ค่อนข้างเซฟ ปลอดภัยเลยสู้ๆ หลังจากฝากกระเป๋า
เราก็เริ่มเตรียมความพร้องของการเดินทางเราเลือกซื้อซิมการ์ดจากร้าน seven eleven เพื่อเอาไว้หาข้อมูลการเดินทางเผื่อไม่รู้จัก อินเตอร์เน็ตต้องบอกเลยความเร็วไม่ได้ดีไปกว่าบ้านเราเลยคะ พอๆ กัน และโทรกลับไปแจ้งให้ทางบ้านทราบว่ายังมีชีวิตอยุ่ 555+
เราก็เริ่มซื้อ ตั๋วโดยสารแบบเติมเงินจากตู้ ก็บอกเค้าว่าต้องการอยู่ประมาณ 4 วันซื้อแบบไหนดี เค้าก็แนะนำดีคะ ภาษาฟังยากนิดหน่อยรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างก็ได้มา
เปิดหนังสือที่ซื้อมาจากร้านหนังสือในไทยและไปที่ มาริน่าเบย์ก่อนเลย ไปดู Gardens by the Bay แต่เราไม่ได้เสียตังค์เข้าไปนะคะ แค่เดินรอบๆ เดินไปตามแหล่งชอปปี้แถวๆ นั้น เดินชมตึก Marina Bay Sandsมุมต่างๆ กันไป
*** แนะนำเพื่อนๆ ที่จะไปให้หาแผนที่ ที่รถไฟ เพราะซื้อหนังสือจากไทยไป แผนที่ในหนังสือไม่ละเอียดทำให้เราหลงทางเยอะมาก
วันแรกยังไม่มีอะไรมาก เพราะเราเน้นนั่งอ่านหนังสือที่ซื้อมาและยังไม่ได้อ่านกับเดินชมบรรยากาศของมาริน่าเบย์ เดินมองดูผู้คนการใช้ชีวิตที่โน้น แปลกดีคะ ตอนแรกเราแปลกใจว่าทำไม ไม่มีคนเดินตามท้องถนน แต่เราเพิ่งมา อ๋อ หลังจากเดิน
ตากแดด จนผิวไหม้เกรียมว่า เค้าเดินอยู่ห้างกัน เพราะห้างที่โน้นมันแทบจะทะลุถึงกันหมดเลย TT ระหว่างนั่งชมบรรยากาศ เราก็ถ่ายรูปไป โดยใช้ขา Selfie ที่ซื้อจากไทยคะ มีประโยชน์มากจริงๆ สำหรับคนที่ไปเที่ยวคนเดียว เราเอาไปทั้งขาเดียว
สามขาเลย เติมที่ เหตุการณ์ตลกเกิดขึ้นระหว่างรอฟ้ามืดดูการแสดงคือ เจอผู้ชายถ้ำมองคะ ยังไงระหว่างตัวกันด้วยนะ เราเอารูปขำๆ มาให้ดูด้วย หลังจากนั้นก็นั่งดูการแสดงแสงสีเสียงที่ มาริน่าเบย์ จนจบคะ
ซึ่งต้องขอบอกว่าประทับใจมาก อยากให้บ้านเรามีแบบนี้บ้าง หลังจากที่เพลินกับกับวิวทิวทัศน์ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน กล้องตกจ้า พัง ทั้งทริป จึงจำเป็นต้องใช้กล้องมือถืออย่างเดียวเท่านั้น แย่เลย
จากนั้นเราก็กลับบ้าน ลืมบอกไปที่พักของเราคือ Vintenn Gusthouse คืนละ 600 บาทเท่านั้น ถูกสุดๆ ซึ่งเป็นแบบ แคปซูลนะคะ ห้องอาบน้ำรวม กลางคืนวันแรก เจอเพื่อนรวมห้องด้านบนเดินเสียงดังเลยหลับไม่ค่อยลงเท่าไรเลย TT