ลองครั้งแรกค่ะ นิทานการเซีย

แต่งไว้นานแล้วแต่ยังไม่เคยเอาลง  เคยลองเอาลงที่เด็กดีครั้งนึง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่อเลย T^T
อยากได้คำติ  คำแนะนำ  เพื่อที่จะได้แต่งต่อค่ะ  ขอบคุณค่ะ ^^


บทเริ่มต้น ...นิทานการเซีย

หยาดเม็ดฝนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน  ตกลู่ลงมาไม่ขาดสาย  เม็ดฝนสีใสบริสุทธิ์ขุ่นมัวด้วยเพลิงแห่งไฟสงคราม  
เปลวเพลิงมอดไหม้ด้วยสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ความเย็นของเม็ดฝนช่วยชะล้างควันไฟและเพลิงสงครามให้จางลง  
ผืนดินที่เคยเขียวชอุ่มแต่ทว่าบัดนี้กลับนองไปด้วยเลือดและเศษซากของความตาย  ศพน้อยใหญ่ทับถมปิดกั้นขวางทางเดิน  
ท่ามกลางลมหายใจที่รวยรินของผู้รอดชีวิตซึ่งในไม่ช้าก็ค่อยๆหยุดไป    

“ นี่หรือผลตอบแทนของสงคราม  หากความตายคือสิ่งที่สงครามมอบให้  แล้วฉไหนเลยเรายังปรารถนาสงครามกันอีกเล่า “    
ชายชราในชุดเกราะสีดำทมึน มือข้างขวาถูกหุ้มด้วยปลอกมือสีดำเช่นเดียวกับชุดเกราะกำดาบไว้แน่น ผมยาวสีเทาถูกมัดอย่างลวกๆ
ตกไหล่ลงมาตามเกราะที่ห่อหุ้มร่างกาย  อกด้านซ้ายของชุดเกราะเป็นรูปมังกรสีแดงกางปีก
ล้อมรอบด้วยโซ่ตรวนที่ตรึงสองเท้าของมังกรไว้ราวกับไม่อยากให้มันบินจากไป    
“ ข้า  ... ช่างโง่เขลายิ่งนัก  “  เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ  แววตาของชายชราดังผู้ที่เคยเจนจัดมาเนิ่นนาน  
เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเศร้า  เวทนาปะปนไปกับสายฝนที่ล่วงสู่ผืนแผ่นดินที่ครุกกรุ่นด้วยกลิ่นคาวเลือด  

“  ท่าน . ... อาเกส  “  เสียงเรียกอย่างแผ่วเบา  แต่กลับได้ยินอย่างแจ่มชัดเมื่อในยามนี้สถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีผู้ใดเหลือรอดชีวิตได้อีก   ชายวัยกลางคนผิวสีเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด  
ริมฝีปากซีดเซียว  อยู่ในชุดเกราะสีดำแต่อกซ้ายกลับเป็นรูปมังกรกางปีสีน้ำเงิน  
“ ฝ่ายเราเสียกำลังไปมาก  ได้โปรดตัดสินใจด้วยเถอะครับ “    ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ  สอดคล้องกับลมที่ทวีแรงขึ้น  
ทำให้สายตาของคนถามเริ่มพร่ามัวเพราะหยาดของน้ำที่เข้าตา  


ชายชรายังคงยืนสงบภายใต้ เกราะอันใหญ่ที่ตัดกับผิวขาวซีด   เป็นเวลานานที่แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า  แต่ก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของแสงจันทร์  ความมืดยิ่งทำให้ชายในชุดเกราะทั้งสอง ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นท่ามกลางสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากอุ้งมือมจุราชไปได้  
สงครามของ 3 เผ่าพันธุ์   เผ่าแห่งท้องฟ้า ( ฮิมเมล)  เผ่าแห่งพื้นดิน ( กายา )   เผ่าแห่งพื้นใต้พิภพ  ( โฟว์ไรด์)  
โลกได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนอย่างชัดแจ้งแล้ว  เผ่าแห่งท้องฟ้ามีปีกอันกว้างไหญ่ที่สามารถบินไปได้ทุกหนแห่ง
ชนในเผ่ามีรูปร่างสูงใหญ่  ทุกคนมีดวงตาสีดำเข้ม    ต่างจากเผ่าเแห่งพื้นใต้พิภพหรือพวกโฟว์ไรด์ซึ่งมีรูปร่างเล็กกว่า 2 เผ่า  
พวกโฟว์ไรด์ส่วนมากไม่ค่อยได้ถูกแสง  จึงมีผิวขาวซีดและดวงตาสีอ่อน   ส่วนเผ่าแห่งพื้นดินมีร่างกายอันกำยำ
ที่สามารถทนได้ต่อทุกสภาพอากาศ  และดวงตาสีน้ำตาล  

เพียงเพราะความหวาดระแวงของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น  กลับต้องนำมาซึ่งชีวิตของผู้คนมากมาย
ร่างที่ไร้ลมหายใจนับไม่ถ้วนนอนระเกะระกะอยู่ท่ามกลางผืนดินที่เจ่อนองไปด้วยน้ำฝนคละเคล้ากับเลือดที่ไหลมารวมกัน    บางร่างที่ยังคงไม่สิ้นลมหายใจแต่บาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกายนั้นก็ยากเกินกว่าที่จะเยียวยาได้  เฝ้ารอเพียงแต่เวลาที่จะทำให้เจ้าของร่างนั้นสงบลงอีกครั้ง    

“ ไม่มีใครรอดชีวิตเลยหรือ   โครนอส  “   เขาเอ่ยถามชายที่ยังคงยืนรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“  เท่าที่รอดส่วนมากก็บาดเจ็บหนัก  มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีบาดแผลเพียงเล็กน้อย  ตอนนี้เรากำลังพยายามทยอยนำคนที่บาดเจ็บ
กลับไปรักษายังอาณาจักร “  คำตอบอันหนักแน่นของ
แม่ทัพแห่งอาณาจักรกายา   โครนอส  เทอเรน    ผมสีดำสั้นเปียกชุ่มไปด้วยสายฝน   ที่ตามตัวแม้จะมีบาดแผลของการสู้รบ
เพราะเกราะบริเวณด้านไหล่ซ้ายเหนือรูปมังกรมีรอยแตกหักที่มองเห็นได้ชัดพร้อมกับเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด  
แต่ก็ไม่มีทีท่าของความเจ็บปวดแต่อย่างใด ดังเช่นชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า  แม้อายุจะมากเกินกว่าช่วงเวลาอันควรแก่การออกรบแล้ว
แต่เพราะจุดที่ยืนอยู่และสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกาย จึงทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้   กษัตริย์  อาเกส  เพอร์ซูวาน  แห่งอาณาจักรกายา  
“ พวกฮิมเมล  กับโฟว์ไรด์ “

“ คนของเราแจ้งมาว่า  องค์ราชินีเฮเมอร่า  ได้สั่งให้คนทำลายประตูทางเข้าไปยังอาณาจักรฮิมเมล ทั้ง 3 ทาง   ส่วนอาณาจักรไฟว์ไรด์ ก็เช่นเดียวกัน  กษัตริย์ แซนรายด์  ได้สั่งให้คนทำลายทางเข้าสู่อาณาจักรไฟว์ไรด์เป็นที่เรียบร้อยหมดแล้วครับ  “
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่