ผมว่า คนส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้ใช้ จดทะเบียนสิทธิ์ คณะบุคคล หรือ หสม. ( ห้างหุ้นสวนสามัญไม่จดทะเบียน )
คงไม่ทราบเรื่องว่า มีการแก้ไข กฎหมายดังกล่าวแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องไกลตัว
แต่ถ้า ลองมองภาพความเป็นจริง อาจจะใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด
ถ้าคุณมี อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้ ชื่อร่วม ในโฉนด สามี ภรรยา , พี่น้อง แล้วถ้าคุณ ขาย อสังริมทรัพย์ ดังกล่าว ละ
ถ้าตอน กฎหมายเก่า ขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่า จะ บุคคลเดี่ยว หรือ ชื่อร่วม ตอนโอน มีการเรียกเก็บ ภาษีบุคคลธรรมดา
ภาษี นิติบุคคล เรียบร้อยแล้ว ถือว่า จบ ไป ( กรณีที่ไม่นำรายได้ มายื่นรวม )
แต่ กฎหมายใหม่ บุคคลธรรมดา ไม่มีการแก้ กฎหมาย ก็จบเหมือนเดิม
แต่ ถ้า โฉนดมีชื่อร่วม คราวนี้ไม่จบนะครับ ... ท่านต้องนำส่วนแบ่งกำไร มายื่นรวมเป็นรายได้ท่านด้วย
อ้างอิง จาก facebook อจ. สุเทพ พงศ์พิทักษ์
"
คุณ Wichurin Pinyosawatwit ได้โพสต์ไปในกล่องข้อความ "สุเทพ พงษ์พิทักษ์" เมื่อ 9 มกราคม 2558 เวลา 12:24 น. ว่า
"เรียน อาจารย์สุเทพ คะ
สวัสดีปีใหม่คะอาจารย์ รบกวนสอบถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายใหม่ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 249) และ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2557 ที่เพิ่งออกมาค่ะ
กำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มุ่งค้าหากำไร ที่ผู้ขายถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน (ที่ดินไม่สามารถแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ได้ชัดเจน) ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องเสียภาษีในนามของ “ห้างหุ้นส่วนสามัญ” ในวันที่จดทะเบียนโอนที่กรมที่ดินนั้น ทั้งนี้ ผู้ขายมีสิทธิ์เลือกนำเอาเงินได้ดังกล่าว มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนสิ้นปี หรือไม่ก็ได้
คำถามคือ
1) หากผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี (ไม่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
1.1) ผู้ขายต้องยื่นขอจดทะเบียนขอเลขผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร หรือไม่คะ
1.2) ผู้ขายจะต้องยื่นรายงานรับ-จ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร หรือไม่คะ
2) ทั้งกรณีที่ผู้ขายประสงค์ที่จะนำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี และกรณีผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้มารวมคำนวณตอนสิ้นปี หากต่อมาผู้ขายต้องการแบ่งผลกำไรจากการขายที่ดินคืนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้รับส่วนแบ่งกำไร ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลจากส่วนแบ่งกำไรนี้อีกครั้งหรือไม่คะ
3) ส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งเทียบเคียงเป็น กำไรสุทธิทางบัญชี คำนวณอย่างไรคะ
3.1) ราคาขาย คำนวณจาก ราคาประเมินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กรมที่ดิน หรือใช้ราคาขายจริง คะ
3.2) ต้นทุนค่าซื้อที่ดิน ที่ซื้อมา สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ได้หรือไม่คะ หรือ ใช้ ค่าใช้จ่ายหักเหมา ที่คำนวณจากจำนวนปีที่ถือครอง (พรฎ.ฉบับที่ 165) เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี คะ
4) เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคล ถ้าเกิน 1.8 ล้านบาท ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ได้รับเงินนั้น ต้องนำส่งภาษีขาย และต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ vat หรือไม่คะ
ขอบคุณค่ะ
เรียน วิชชุรินทร์ "Wichurin Pinyosawatwit"
1. กรณีดังกล่าว
(1) ผู้ขายยังคงต้องยื่นขอจดทะเบียนขอเลขผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร ตามมาตรา 3 เอกาทศ แห่งประมวลรัษฎากร
(2) หากไม่มีการยื่น แบบ ภ.ง.ด.90 ผู้ขายก็ไม่ต้องยื่นรายงานรับ-จ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร
อย่างไรก็ตาม หากมีการแบ่งเงินส่วนแบบของกำไรดังกล่าว เมื่อใด ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคน ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องนำเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้นไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
2. ทั้งกรณีที่ผู้ขายประสงค์ที่จะนำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี และกรณีผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้มารวมคำนวณตอนสิ้นปี หากต่อมาผู้ขายต้องการแบ่งผลกำไรจากการขายที่ดินคืนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้รับส่วนแบ่งกำไร ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลจากส่วนแบ่งกำไรนี้อีกครั้งด้วย
3. เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งเทียบเคียงเป็น กำไรสุทธิทางบัญชี สำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์ให้คำนวณดังนี้
ราคาขายจริง หักด้วยต้นทุนค่าซื้อที่ดินที่ซื้อมาจริง และคาใช้จ่ายในการขายและบริหาร เช่น ค่านายหน้า ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ่ค่าธรรมเนียมโอน เเป็ต้น สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ไม่อาจใช้อัตราค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ที่คำนวณจากจำนวนปีที่ถือครอง ตามพรฎ. (ฉบับที่ 165) มาถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้
4. เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคล ถ้าเกิน 1.8 ล้านบาท ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ได้รับเงินนั้น และไม่ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ vat เพราะไม่ใช่รายได้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมุลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
"
ปล. จขกท. แปะให้อ่านเฉย ๆ เจตนารมย์ กฎหมาย ไว้จะ จัดการ คณะบุคคล พวก แพทย์ นักบัญชี ( ผมอยู่ในนี้ )
แต่กระทบ คนอื่นด้วย
ผมเชื่อว่า ต้องมีการ ออกกฏหมาย มาแก้ ถ้าไม่แก้ ก็ตัวใครตัวมัน กระทบคนเยอะเหลือเกิน
สรรพากร คนออก กฎหมาย ก็ร้อนรน เห็นมี รัฐบาลคนดี อยากรีบออก อยากรีบเก็บ ภาษี พวก คณะบุคคล หสม.
ขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้ ชื่อร่วม กัน ... ถือเป็น หสม. หรือ คณะบุคคล ถ้าแบ่งกำไร ต้องรวม เป็น รายได้ของแต่ละคน
คงไม่ทราบเรื่องว่า มีการแก้ไข กฎหมายดังกล่าวแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องไกลตัว
แต่ถ้า ลองมองภาพความเป็นจริง อาจจะใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด
ถ้าคุณมี อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้ ชื่อร่วม ในโฉนด สามี ภรรยา , พี่น้อง แล้วถ้าคุณ ขาย อสังริมทรัพย์ ดังกล่าว ละ
ถ้าตอน กฎหมายเก่า ขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่า จะ บุคคลเดี่ยว หรือ ชื่อร่วม ตอนโอน มีการเรียกเก็บ ภาษีบุคคลธรรมดา
ภาษี นิติบุคคล เรียบร้อยแล้ว ถือว่า จบ ไป ( กรณีที่ไม่นำรายได้ มายื่นรวม )
แต่ กฎหมายใหม่ บุคคลธรรมดา ไม่มีการแก้ กฎหมาย ก็จบเหมือนเดิม
แต่ ถ้า โฉนดมีชื่อร่วม คราวนี้ไม่จบนะครับ ... ท่านต้องนำส่วนแบ่งกำไร มายื่นรวมเป็นรายได้ท่านด้วย
อ้างอิง จาก facebook อจ. สุเทพ พงศ์พิทักษ์
"
คุณ Wichurin Pinyosawatwit ได้โพสต์ไปในกล่องข้อความ "สุเทพ พงษ์พิทักษ์" เมื่อ 9 มกราคม 2558 เวลา 12:24 น. ว่า
"เรียน อาจารย์สุเทพ คะ
สวัสดีปีใหม่คะอาจารย์ รบกวนสอบถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายใหม่ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 249) และ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2557 ที่เพิ่งออกมาค่ะ
กำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มุ่งค้าหากำไร ที่ผู้ขายถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน (ที่ดินไม่สามารถแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ได้ชัดเจน) ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องเสียภาษีในนามของ “ห้างหุ้นส่วนสามัญ” ในวันที่จดทะเบียนโอนที่กรมที่ดินนั้น ทั้งนี้ ผู้ขายมีสิทธิ์เลือกนำเอาเงินได้ดังกล่าว มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนสิ้นปี หรือไม่ก็ได้
คำถามคือ
1) หากผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี (ไม่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90)
1.1) ผู้ขายต้องยื่นขอจดทะเบียนขอเลขผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร หรือไม่คะ
1.2) ผู้ขายจะต้องยื่นรายงานรับ-จ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร หรือไม่คะ
2) ทั้งกรณีที่ผู้ขายประสงค์ที่จะนำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี และกรณีผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้มารวมคำนวณตอนสิ้นปี หากต่อมาผู้ขายต้องการแบ่งผลกำไรจากการขายที่ดินคืนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้รับส่วนแบ่งกำไร ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลจากส่วนแบ่งกำไรนี้อีกครั้งหรือไม่คะ
3) ส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งเทียบเคียงเป็น กำไรสุทธิทางบัญชี คำนวณอย่างไรคะ
3.1) ราคาขาย คำนวณจาก ราคาประเมินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กรมที่ดิน หรือใช้ราคาขายจริง คะ
3.2) ต้นทุนค่าซื้อที่ดิน ที่ซื้อมา สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ได้หรือไม่คะ หรือ ใช้ ค่าใช้จ่ายหักเหมา ที่คำนวณจากจำนวนปีที่ถือครอง (พรฎ.ฉบับที่ 165) เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี คะ
4) เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคล ถ้าเกิน 1.8 ล้านบาท ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ได้รับเงินนั้น ต้องนำส่งภาษีขาย และต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ vat หรือไม่คะ
ขอบคุณค่ะ
เรียน วิชชุรินทร์ "Wichurin Pinyosawatwit"
1. กรณีดังกล่าว
(1) ผู้ขายยังคงต้องยื่นขอจดทะเบียนขอเลขผู้เสียภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร ตามมาตรา 3 เอกาทศ แห่งประมวลรัษฎากร
(2) หากไม่มีการยื่น แบบ ภ.ง.ด.90 ผู้ขายก็ไม่ต้องยื่นรายงานรับ-จ่ายของห้างหุ้นส่วนสามัญ ต่อกรมสรรพากร
อย่างไรก็ตาม หากมีการแบ่งเงินส่วนแบบของกำไรดังกล่าว เมื่อใด ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคน ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องนำเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้นไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
2. ทั้งกรณีที่ผู้ขายประสงค์ที่จะนำเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ มารวมคำนวณตอนสิ้นปี และกรณีผู้ขายไม่ประสงค์นำเงินได้มารวมคำนวณตอนสิ้นปี หากต่อมาผู้ขายต้องการแบ่งผลกำไรจากการขายที่ดินคืนแก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้รับส่วนแบ่งกำไร ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลจากส่วนแบ่งกำไรนี้อีกครั้งด้วย
3. เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งเทียบเคียงเป็น กำไรสุทธิทางบัญชี สำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์ให้คำนวณดังนี้
ราคาขายจริง หักด้วยต้นทุนค่าซื้อที่ดินที่ซื้อมาจริง และคาใช้จ่ายในการขายและบริหาร เช่น ค่านายหน้า ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ่ค่าธรรมเนียมโอน เเป็ต้น สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ไม่อาจใช้อัตราค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ที่คำนวณจากจำนวนปีที่ถือครอง ตามพรฎ. (ฉบับที่ 165) มาถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้
4. เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคล ถ้าเกิน 1.8 ล้านบาท ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ได้รับเงินนั้น และไม่ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ vat เพราะไม่ใช่รายได้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมุลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
"
ปล. จขกท. แปะให้อ่านเฉย ๆ เจตนารมย์ กฎหมาย ไว้จะ จัดการ คณะบุคคล พวก แพทย์ นักบัญชี ( ผมอยู่ในนี้ )
แต่กระทบ คนอื่นด้วย
ผมเชื่อว่า ต้องมีการ ออกกฏหมาย มาแก้ ถ้าไม่แก้ ก็ตัวใครตัวมัน กระทบคนเยอะเหลือเกิน
สรรพากร คนออก กฎหมาย ก็ร้อนรน เห็นมี รัฐบาลคนดี อยากรีบออก อยากรีบเก็บ ภาษี พวก คณะบุคคล หสม.