แบกกล้องฟิล์มไปทริป Mandalay ถึง Inle ความสวยงามแบบนั่งไทม์แมชชีน

สวัสดีทุกคน ปกติเราไม่ค่อยได้โพสในนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเขียนใน  blog ตัวเองนั่นแหล่ะ (เผื่อใครอยากอ่านขอเชิญ http://artyt.wordpress.com) วันนี้นึกครื้มๆอยากโพสกะเค้าบ้าง สืบเนื่องจากปกติเราจะถ่ายกล้องฟิล์ม จะไปทริปแล้วได้รูปมาโพสกันทีก็เลยใช้เวลาสักหน่อย เพราะทั้งล้างทั้งสแกนเองด้วย ต้องหาเวลาว่างๆในแต่ละวันมานั่งทำนะ บางวันกว่าจะเคลียร์งานเสร็จก็ตี 1 ยังมาล้างฟิล์มอยู่เลย หึๆ

สำหรับทริปวันนี้ที่จะนำเสนอ เราไปมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิที่ผ่านมาแล้ว นั่นคือ Mandalay - Inle ประเทศพม่า เป็นทริปที่ตามใจพ่อตา เพราะคุณพ่ออยากไปมาก คุณภรรยาก็เลยช่วยจัดทริป ส่วนเราก็ทำหน้าที่ถ่ายรูปอย่างเดียว หุๆ

สถานที่ที่ไปอาจจะไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ เพราะคุณพ่อจะเดินทางค่อนข้างลำบากหน่อย เราก็เลยไปกันแบบช้าๆน้อยๆเบาๆ ต้องขอขอบคุณเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยประถมที่เซนต์คาเบรียลที่ไปทำงานที่นั่น ช่วยเป็นธุระหาไกด์และช่วยจัดทริปด้วย

เราเริ่มต้นเดินทางนั่งเครื่องไปลงกันที่ Mandalay ซึ่งก็เป็นเมืองๆใหญ่หน่อย แต่ก็ยังไม่วุ่นวายเท่ากับย่างกุ้ง ครอบครัวเราค่อนข้างชอบอะไรที่ย้อนยุคๆกันนะ ไม่ชอบแหล่งคนเยอะๆ และที่นี่ก็เหมือนการได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปดูเมืองไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้วเลย เป็นความฝันเราเลยล่ะ การแต่งตัว traditional คนยังยิ้มแย้ม ช่วยเหลือ ซื่อๆ ไม่ attack ขายของแบบบ้านเรา ยกเว้นก็ตรงจุดไหนที่ Tourist มากๆจะเห็นชัดว่าเริ่มมีสกิลการจู่โจมนักท่องเที่ยวมากขึ้น  (ซึ่งใจจริงก็ไม่ค่อยอยากให้เจริญมากนัก พอเจริญแล้วคนก็เปลี่ยนตาม เป็นแบบนี้กันทุกเมือง)

เราพกกล้องไปสองตัว ตัวนึงคือ Voigtlander R3A เป็น Rangefinder ซึ่งเราชอบมากเพราะมันคล่องตัวและค่อนข้างต้องใช้จินตนาการหน่อย ใครชอบ Rangefinder จะเข้าใจ  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีตังข้ามไป Leica กะเค้านะ เดี๋ยวคุณภรรยาจะด่าเอา หุๆ  อีกตัวคือกล้อง Medium Format คือ Rolleicord VB ซึ่งคุณภรรยาเพิ่งเซอร์ไพร์สเป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน ปลื้มปริ่มมาก ก็เลยพกมาถ่ายเป็นสิริมงคล แม้ว่ามันจะแบกกันหลังหัก ฮาๆ

ส่วนฟิล์ม เราพกไปหลากหลายมากจนจำไม่ได้ว่าอะไรถ่ายอะไร ตั้งแต่ Kodak Proimage 100 , Kodak EKTAR 100 , Kodak Portra 160 , AGFA Vista 200 , CineStill 800T ประมาณนี้ครับ มาชมรูป Mandalay กันเลยละกัน




































หลังจากที่ไป Mandalay กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไปต่อกันที่ Inle เมืองที่เป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ และชาวบ้านก็อยู่กันกลางทะเลสาปกันเลยทีเดียว โชคดีที่ช่วงที่เราไปถือว่าเป็นช่วงอากาศดี ฟ้าดี แสงดีที่สุดของปี (แต่นี่ขนาดอากาศดีนะ แดดแรงแบบว่าจะเป็นเนื้อแดดเดียว ตากกันจนหอมน่ากัดแขนตัวเองมาก) อากาศเย็นราวๆ 10 องศาเห็นจะได้ การเดินทางก็ต้องนั่งเครื่องบินในประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องบินเล็กที่นั่งแล้วเกร็งดีมาก แต่ก็ถึงโดยปลอดภัย ตั้งแต่ลงมาถึงนี่ก็ประทับใจตั้งแต่สนามบินเลย เพราะเหมือนได้อยู่ในหนังประมาณ Good Morning Vietnam กันเลยทีเดียว เรานี่หลงรักความย้อนยุคของที่นี่สุดๆ

เราต้องนั่งรถจากสนามบิน ผ่านเข้าตัวเมืองซึ่งอยู่ในหุบเขา แค่นั่งรถระหว่างทางนี่ก็สวยแล้วล่ะ พอถึงตัวเมืองก็ต้องนั่งเรือต่อไปอีกสักชั่วโมงถึงจะเข้าไปสู่ที่พักใน Inle ซึ่งอยู่ในทะเลสาป ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชมภาพกันได้เลย






































เอาล่ะ หมดแล้วครับ อาจจะไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เพราะอยากเล่าเรื่องด้วยภาพ (ง่อออ.. หล่อมั๊ย ) คือจริงๆเล่าไม่เก่งนะ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามมาหลังไมค์ได้ครับ ตอบอะไรไม่ค่อยได้หรอก ฮาๆ เน้นโชว์รูปเป็นหลัก ขอบคุณที่ติดตามชมกันนะ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า เราถ่ายฟิล์มเนี่ย ลำบาก ช้า แล้วจะถ่ายฟิล์มกันทำไมวะ ส่วนตัวเราแค่เราชอบอารมณ์ตอนได้กดถ่ายมันน่ะ บอกไม่ถูก ลำบากดี และอีกอย่างคือ กล้องดิจิตอล เราถ่ายมันตอนไหนก็ได้นะ เพราะนี่คือยุคของมัน จะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ (ถ้ามีตัง ถถถ) แต่กล้องฟิล์ม เราไม่รู้หรอกว่าจะได้ถ่ายมันอีกนานแค่ไหน เราก็ขอถ่ายมันไปจนกว่าจะหาฟิล์มมาถ่ายไม่ได้นั่นแหล่ะ ป่านนั้นกล้องดิจิตอลอาจจะล้ำโคตรกว่านี้ร้อยเท่าแล้ว ฮาๆๆ เอาไว้ล้างรูปทริปญี่ปุ่นที่เพิ่งกลับมาเสร็จแล้วจะเอามาโชว์ใหม่ แต่คาดว่าจะนาน 5555

สวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่