[CR] แบกกล้องท่องเที่ยว " อินทนนท์ - อ่างขาง "

    ตอนนี้คงไม่มีรายละเอียดอะไรให้พูดถึงมากนักเอาเป็นว่าดูรูปกับไปเรื่อยๆ ดีกว่าเราลงจากดอยหลวงก็มาขึ้นรถที่เดิม เพื่อที่จะไปดอยอินทนนท์กว่าจะมาถึงตัวเมืองก็ปาเข้าไป 4 โมงเย็นล่ะ สองแถวสีเหลืองไปจอมทองหมด เลยต้องเช่ารถมอไซค์ขี่กันไปอย่างทุลักทุเล ออกจากตัวเมืองสี่โมงเย็นนิดๆ ถึงจอมทองตอนเกือบๆ 6 โมงเย็น แล้วขี่ขึ้นดอยต่อ ถึงที่พักก็เกือบๆสองทุ่ม เล่นซะหมดแรงเลยทีเดียว


    ที่ดอยอินทนนท์เราได้จองที่พักไว้ล่วงหน้า เป็นบ้านพักหลังเล็กๆ ในโครงการรัฐวิสาหกิจหมู่บ้านผมจำชื่อหมู่บ้านไม่ได้ล่ะ แต่อยู่ตรงนาขั้นบันไดอ่ะแถวๆนั้น ราคา 1200 บาทพักได้ 4 คน มีระเบียงให้ปิ้งย่างกัน ไปถึงก็หิวกันมากไม่ได้กินไรมาทั้งวัน เลยสั่งหมูกระทะชุดให้ หมูย่าง ไก่ย่าง มาเต็ม กินสองคนนี่เหลือเลยเสียดายมาก กินเสร็จก็อาบน้ำนอน จบวันนี้ไม่มีอะไรเลย


    เราคิดกันว่าจะตื่นแต่เช้าแล้วไปเดินกิ่วแม่ปานซึ้งไปที่เที่ยวสำคัญของที่นี่เลย แต่ตอนเช้าตื่นกันก็ 06.30 น แล้วกว่าจะอะไรเสร็จถึงกิ่วแม่ปานประมาณ 8 โมง คนเยอะมากเลยหาอะไรกินแถวนั้นไปก่อน แล้วไปไหว้พระธาตุรอเผื่อคนจะบางลง (ต่อคิวกันเยอะมาก)


    ไหว้เสร็จก็กลับมาดูคนก็ยังเยอะอยู่ดีเลยตัดสินใจกันไม่เดินแล้ว ขึ้นไปจุดสูงสุดไปถ่ายรูปว่ามาถึงแล้ว แล้วก็กลับกันดีกว่าขี้เกียจรอวันนี้ต้องไปอ่างขางซึ่งห่างกันมากถ้าออกช้าจะมืดเอา






    หลังจากนั้นเราก็แวะซื้อของฝากกันที่ตลาดแล้วรีบกลับที่พัก เก็บข้าวของที่เตรียมมาแบกของขึ้นมอไซค์แล้วบิดออกไปเวลานั้นก็น่าจะประมาณตอนเที่ยง ขี่มอไซค์ขากลับถึงตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาสองชั่วโมงเป็นระยะทาง 90 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองผมได้เพื่อนร่วมทริปที่จะขี่มอไซค์ไปอ่างขางด้วยกัน ช่วงขาลงจากดอยผมสังเกตุมอไซค์คันนึง สภาพเหมือนผมผู้ชายขี่ผู้หญิงซ้อนแบบกระเป๋าแซงกันไปแซงกันมา จนมาติดไฟแดงผมเลยแอบถามเค้าว่าเค้าจะไปไหน แต่แรกเค้าตอบว่าจะไปดอยสุเทพ ผมเลยบอกว่าผมจะไปอ่างขางจากนั้นผมก็ขี่ออกมา ซักพักอีกไฟแดงนึงเค้าก็มาตีคู่ถามว่าผมรู้ทางไหมนำไปเลยเค้าจะไปด้วยทริปนี้เลยไม่เหงาล่ะมีเพื่อนร่วมทางไปอีกหนึ่งคัน จากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงอ่างขาง เกือบๆ 140 กิโลเมตร ซึ่งหนักเอาการกับการขี่มอไซค์ พักรถกันซักนิดแล้วก็ขี่ไปเรื่อยๆ พักจิบกาแฟบ้างกินข้าวบ้าง ถึงอ่างขางเกือบทุ่ม


   ถึงอ่างขางก็ไม่มีอะไรมากแค่พาเพื่อนร่วมทางไปหาที่พัก ก็ได้ที่พักใกล้ป้อมทหารมีลานเบียร์กับที่ดูพระอาทิตย์ขี้นที่เดียวกันตรงนั้นบรรยายกาศดีมาก แล้วตรงกับช่วงบอลซูซูกิคัพ นัดชิงที่สองพอดีเลยคึกคักเป็นพิเศษ ตั้งแต่เด็กยันคนแก่มารอรวมกันหน้าทีวี กินเบียร์แก้หนาวดูบอลกันอย่างเมามัน ส่วนตัวผมเป็นภาคสมทบ มาสมทบกับเพื่อนๆที่จองที่พักไว้อยู่แล้วเป็นบ้านหลังใหญ่แถวสถานีเกษตร แถวนั้นนี่แหล่งความเจริญเลยของฝากของกินเพียบเลือกกินตามใจเหมือนตลาดนัดตอนกลางคืน ผมก็หาข้าวกินแถวนั้นแหละกินเสร็จก็นอน เหนื่อยมากแว๊นมาทั้งวัน


    ตอนเช้าสาวๆ ที่มาใหม่ฟิตกันมากตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่ตีห้าครึ่งรถสองแถวก็มารอรับที่รีสอร์ทเลย เค้าตกลงราคากันไว้หมดล่ะ ส่วนผมไม่อ่ะง่วงนอนดีกว่าขี้เกียจดูไปโดนที่กิ่วลมมาแล้ว เกือบ 9 โมงก็กลับมากินข้าวเช้ากันที่รีสอร์ท ภาระกิจวันนี้พึ่งจะเริ่มจริงจังก็ตอนเกือบๆ 10 โมง ทุกคนพร้อมขึ้นรถสองแถวไปไร่สตอเบอรี่ ผมก็ขี่มอไซค์นั้นแหละตามไปสิ่งแรกที่ทำก็คือ เอายาไปบริจากเหมือนในรูป ( ใครมีของเล่นเสื้อผ้าเก่าไม่ได้ใช้ก็เอามาบริจากได้ที่นี่นะ ) จากนั้นก็เดินสำรวจสิไร่สตอเบอรี่คงคิดกันว่า จะได้เห็นสตอเบอรี่สุกๆ แดงๆอยู่ที่ต้นแล้วเด็ดมากินอย่างอร่อย ไม่ใช่อ่ะ มีแต่ใบช่วงนั้นยังไม่ออก ต้อง กุมภา-มีนา นู้นแหละค่อยมาใหม่แบบนั้นอ่ะเต็มเลยชัวร์



    ไร่นี้ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกเพราะผมกินสตอเบอรี่ไม่เป็นแต่สนใจวิถีชีวิตมากกว่า ก็เดินเล่นในหมู่บ้านโชคดีวันนี้เป็นวันหยุดก็เลยมีเด็กๆ วิ่งเล่นตามหมู่บ้านเต็มไปหมด ก็เดินถ่ายเล่นๆ ในหมู่บ้าน


   อีกอย่างนึงที่จะเจอได้ก็เด็กจะมาขายของให้ มาล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด ไม่ซื้อก็กระไรอยู่ก็เลยต้องเลือกต้องซื้อกันซักหน่อย ไม่แพงมากนะ 5 บาท 10 บาท ก็ช่วยอุดหนุนเด็กๆ ไป



   หมดจากไร่สตออีกกลุ่มที่มารอผมที่อ่างข่างก็กลับไปก่อน ผมอยู่เที่ยวสถานีเกษตรก่อน เมื่อวานยังไม่ได้เที่ยวก็ถ่ายรูปดอกไม้เรื่อยๆ เราไม่ได้เดินอะไรมากแค่ถ่ายจุดสองจุด ก็กลับแล้ว เดี๋ยวถึงในเมืองมืดต้องทำเวลา




   คือตอนผมไปมันก็ยังไม่บานหรอกพยาเสือโคร่งเนี่ย ก็มีอยู่สองสามต้นเลยไม่มีอะไรให้ถ่ายมากนัก


    จากที่เดินสวนเกษตรได้พักนึง เที่ยงๆ เราก็ออกแล้วล่ะคิดกันไว้ว่าจะไปกิน สุกี้ยูนาน เค้าบอกว่าต้องไปกินเด็ดมากใครจะกินต้องโทรสั่งไว้สองชั่วโมงเพื่อให้เค้าเตรียมของ ราคาก็แพงใช่เล่นแต่คุ้มค่า เค้าว่ามางี้ตั้งใจแต่ไปไม่ถึง ไม่ได้กินกว่าจะโทรสั่งก็ไม่ได้แล้วต้องขี่มอไซค์เข้าเมืองเลยตัดใจไม่กิน ถ้าไปรอบหน้าจะไปกินอยู่นะ ใครเคยกินก็บอกต่อด้วยแล้วกันเด้อ
    ขี่รถออกจากอ่างขางประมาณบ่ายหนึ่ง โชคดีระหว่างทางขี่ไปเจอพี่ที่มาด้วยกันเราก็เลยไปด้วยกันกลับด้วยกัน ใช่เวลาขากลับก็สี่ชั่วโมงโดยประมาณถึงตัวเมืองก็เย็นๆ แล้วในเมืองก็ไม่ได้ทำอะไรพักผ่อนนอน เดินถนนคนเดิน แล้วก็คิดจะไปกินร้านอาหารพื้นเมืองเจ้าดัง ต้องต่อคิวกินเลยไม่กิน ไปกินโจ๊กสมเพชรแทน รสชาติดีผมว่าใครไปก็ไปลองหน่อยร้านหาง่ายอยู่หน้าถนน ทางไปดอยสุเทพเลย


   ในกลางคืนก็เดินถนนคนเดินที่เชียงใหม่ เช้ามีแพลนจะไปภูชี้ฟ้าแต่ผมดันตกรถสิเพราะรถมีรอบ 8 โมง ร้านเช่ารถผมเปิด 8 โมงเหมือนกัน ไปไม่ทันเพื่อนๆเลยไปกันก่อน ส่วนผมก็นั่งรถไปเชียงราย ( ทำไมผมไม่ตามไป รถเชียงใหม่ อ.เทิง มีแค่ไม่กี่รอบเท่าที่รู้มี 8 โมง อีกที บ่าย 2 เค้าก็ไปกันไกลแล้ว ถ้าไปลงเชียงรายก็มีรถตลอดไป อ.เทิง เยอะมาก ) ผมขึ้นรถไปเชียงราย ประมาณ 11 โมงถึง บ่ายสอง แล้วไปหาเช่ารถมอไซค์อีกแหละไม่ขอตามเพื่อนไปเที่ยวในเชียงรายก็พอ เย็นวันนั้นผมก็ไปวัดร่องขุ่น กลับ มามืดๆ มาหาของกินแล้วก็ไปเดินไนค์บาร์ซ่า ผมชอบที่นี่นะไม่วุ่นวายดี มีเวทีใหญ่ สองเวที เวทีนึงเพลงสากล ถัดไป เพื่อชีวิตมีของกินลานเบียร์ คืนนั้นนั่งจิบเบียร์ฟังเพลงเพื่อชีวิตสบายใจ


    ตื่นเช้าก็ไปเที่ยวสิงห์ปาร์คเข้าฟรี ไปได้เลยไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก พอเที่ยวเสร็จ ก็หาของกิน บ่ายๆ ขึ้นเครื่องบินกลับ จบทริปนี้
ตั้งแต่ต้นจนจบทริป หมดเงินไปรวมทุกอย่าง ผมหมดไปประมาณ 9000 บาท

Part1 ดูได้ที่ http://pantip.com/topic/33048548
พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ที่ https://www.facebook.com/PurnDernTaang