คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ทำงานมันก็อย่างนี้แหละ เหนื่อย ลำบาก กว่าจะได้มาแต่ละบาท ยากเย็น
การได้ทำงานเอง มันได้รู้รสชาติค่าของเงิน ก็อย่างนี้แหละ ไม่เหมือนตอนเป็นลูกแบมือขออย่างเดียว สบาย
ทำเองจะได้รู้ว่า หาเงินมันยากแค่ไหน ไม่มีคนรวยคนไหน ไม่เคยลำบากหรอกนะ
กิจการพึ่งทำได้ 3 เดือนเอง ท้อแล้วหรอ อุปสรรคยังมีอีกเยอะ คนไม่เก่ง ไม่อดทน 6 เดือนก็บ่น เจ๊ง เลิกกิจการ
คนที่กิจการเติบโตก้าวหน้า เขาผ่านอะไรมาหลายอย่าง แก้ปัญหาทุกอย่าง ไม่มีวันไหนไม่เจอปัญหา แก้ผ่านก็รอด แก้ไม่ผ่านก็ตาย จบ
ฝีมือคนเราก็วัดกันตรงนี้แหละ จะแก้ปัญหายังไง คนอื่นเขาก็เจอเหมือนที่คุณเจอนั่นแหละ เป็นลูกจ้างว่าลำบาก เป็นเจ้านายลำบากกว่านะ
ธุรกิจขายของเก่า เราเคยเห็น ลุงแก่ๆคนหนึ่งทำ แกเริ่มทำตอนอายุใกล้จะ 50 นะ จากตึกแถว 1 ห้อง
ต้องซื้อห้องข้างๆเพิ่มอีก 2 ห้อง เพราะขยะทุกวันมันเยอะเหลือเกิน ซาเล้งมาขายก็เยอะ คนรับซื้อต่อก็แยะ
แกอยากจะซื้ออีกห้องนะ แต่ว่าห้องนั้นเห็นว่าลุงกิจการรุ่งเรือง มีเงิน เลยขายแพงจนลุงไม่กล้าซื้อต่อ ไม่งั้นได้ขยายอีกห้อง
สภาพลุงก็โทรมๆ แต่งตัวเก่าๆ ดูปอนๆ อยู่กับขยะทั้งวัน แต่ขอโทษ ตึกแถวห้องข้าง ลุงซื้อเงินสดหลักล้านนะ
ถ้ารู้จักประหยัด อดอออม ยังไงเงินก็เหลือ เริ่มต้นธุรกิจ ย่อมมีแต่การลงทุน ดอกผลยังไม่เห็นหรอก กว่าจะได้ทุนคืนอาจจะเป็นปี
กำไรยังไม่มี เงินต้นยังไม่ได้คืน อย่าได้คิดซื้ออะไรที่มันจมทุน หรือ หรือ ขาดสภาพคล่อง แล้วถ้าทุนไม่ค่อยมี ก็อย่าพึ่งจ้างลูกน้องมากนัก
อะไรทำเองได้ก็ต้องทำ อะไรลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายได้ ก็ต้องทำ
แล้วถ้าทำอะไรขาดทุน ก็ต้องเปลี่ยน เหล็กราคาไม่ดีช่วงนี้ ก็ต้องไปดูพลาสติก หรือ ไปทำอย่างอื่นที่มันได้เงินกว่า ต้องรู้จักดิ้นให้เป็น
การทำธุรกิจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปจนใครๆทำไม่ได้ เพราะหลายคนก็ทำธุรกิจจนรวยมาแล้ว
กว่าจะมีประสบการณ์กัน ก็บาดเจ็บกันมาเยอะแล้ว บทเรียนราคาถูกหรือแพง ก็แล้วแต่ฝีมือนะ
ถ้าไม่จำเป็นอย่าขายสมบัติกิน เพราะ ถ้าคุณคิดอย่างนี้ สักวันจะไม่เหลือสมบัติให้ขาย
การหาเงินมีหลายวิธี แต่วิธีนี้ ไม่ควรเป็นคำตอบแรก แต่ควรเลือกเมื่อถึงตาจนจริงๆเท่านั้น
การได้ทำงานเอง มันได้รู้รสชาติค่าของเงิน ก็อย่างนี้แหละ ไม่เหมือนตอนเป็นลูกแบมือขออย่างเดียว สบาย
ทำเองจะได้รู้ว่า หาเงินมันยากแค่ไหน ไม่มีคนรวยคนไหน ไม่เคยลำบากหรอกนะ
กิจการพึ่งทำได้ 3 เดือนเอง ท้อแล้วหรอ อุปสรรคยังมีอีกเยอะ คนไม่เก่ง ไม่อดทน 6 เดือนก็บ่น เจ๊ง เลิกกิจการ
คนที่กิจการเติบโตก้าวหน้า เขาผ่านอะไรมาหลายอย่าง แก้ปัญหาทุกอย่าง ไม่มีวันไหนไม่เจอปัญหา แก้ผ่านก็รอด แก้ไม่ผ่านก็ตาย จบ
ฝีมือคนเราก็วัดกันตรงนี้แหละ จะแก้ปัญหายังไง คนอื่นเขาก็เจอเหมือนที่คุณเจอนั่นแหละ เป็นลูกจ้างว่าลำบาก เป็นเจ้านายลำบากกว่านะ
ธุรกิจขายของเก่า เราเคยเห็น ลุงแก่ๆคนหนึ่งทำ แกเริ่มทำตอนอายุใกล้จะ 50 นะ จากตึกแถว 1 ห้อง
ต้องซื้อห้องข้างๆเพิ่มอีก 2 ห้อง เพราะขยะทุกวันมันเยอะเหลือเกิน ซาเล้งมาขายก็เยอะ คนรับซื้อต่อก็แยะ
แกอยากจะซื้ออีกห้องนะ แต่ว่าห้องนั้นเห็นว่าลุงกิจการรุ่งเรือง มีเงิน เลยขายแพงจนลุงไม่กล้าซื้อต่อ ไม่งั้นได้ขยายอีกห้อง
สภาพลุงก็โทรมๆ แต่งตัวเก่าๆ ดูปอนๆ อยู่กับขยะทั้งวัน แต่ขอโทษ ตึกแถวห้องข้าง ลุงซื้อเงินสดหลักล้านนะ
ถ้ารู้จักประหยัด อดอออม ยังไงเงินก็เหลือ เริ่มต้นธุรกิจ ย่อมมีแต่การลงทุน ดอกผลยังไม่เห็นหรอก กว่าจะได้ทุนคืนอาจจะเป็นปี
กำไรยังไม่มี เงินต้นยังไม่ได้คืน อย่าได้คิดซื้ออะไรที่มันจมทุน หรือ หรือ ขาดสภาพคล่อง แล้วถ้าทุนไม่ค่อยมี ก็อย่าพึ่งจ้างลูกน้องมากนัก
อะไรทำเองได้ก็ต้องทำ อะไรลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายได้ ก็ต้องทำ
แล้วถ้าทำอะไรขาดทุน ก็ต้องเปลี่ยน เหล็กราคาไม่ดีช่วงนี้ ก็ต้องไปดูพลาสติก หรือ ไปทำอย่างอื่นที่มันได้เงินกว่า ต้องรู้จักดิ้นให้เป็น
การทำธุรกิจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปจนใครๆทำไม่ได้ เพราะหลายคนก็ทำธุรกิจจนรวยมาแล้ว
กว่าจะมีประสบการณ์กัน ก็บาดเจ็บกันมาเยอะแล้ว บทเรียนราคาถูกหรือแพง ก็แล้วแต่ฝีมือนะ
ถ้าไม่จำเป็นอย่าขายสมบัติกิน เพราะ ถ้าคุณคิดอย่างนี้ สักวันจะไม่เหลือสมบัติให้ขาย
การหาเงินมีหลายวิธี แต่วิธีนี้ ไม่ควรเป็นคำตอบแรก แต่ควรเลือกเมื่อถึงตาจนจริงๆเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
เบื่อธุรกิจที่ทำมาก อยากนอนอยู่เฉยๆ ขายสมบัติพ่อแม่สัก100ล้านมานั่งกินนอนกิน
พอดีเบื่อหน่ายกับธุรกิจปัจจุบันมาก
ผมอายุ27 เรียนจบแค่ม.6
ความรู้ก็ไม่ค่อยมี
ปัจจุบันนี้เพิ่มเริ่มทำธุรกิจตัวใหม่มาได้3เดือน
ธุรกิจตัวนี้ ดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยรอด
เนื่องจากอยู่ในช่วงขาลง
ธุรกิจที่ว่าคือธุรกิจรับซื้อของเก่า รีไซเคิล
เหนื่อยมากๆครับธุรกิจนี้
จากลูกคุณหนู ที่ไม่เคยทำงานแบกหาม สกปรก
ต้องมาเก็บขยะตามร้านอาหาร (เก็บขยะจริงๆครับ เนื่องจากเราไปรับซื้อถึงร้าน เจ้าของร้านก็ไม่แยกขยะให้ตรงประเภท เราจึงต้องมานั่งเก็บ นั่งแยกให้)
จากทุนที่พ่อแม่มี 5แสน
ปัจจุบัน เหลืออยู่5หมื่น
ตอนนี้ซื้อของไว้ ในบช เหลืออยู่5พัน
เมื่อปลายปีก่อน ผมรับซื้อเหล็ก6-8บาท
พอเปิดมาวันที่5 ราคาเหล็กที่ส่งได้ คือ6-8บาท
สรุปเหนื่อยฟรี
ตอนนี้ท้อครับ
กำลังคิดว่าทำไมไม่อยู่เฉยๆ
ขายที่ดินสักแปลง เอาไปฝากธนาคารกินดอก
(เข็ดจากการเล่นหุ้นแล้วครับ ตอนนี้ดอยDTAC ทุน 99บาท ลงทุนไป6หมื่น)
เฮ้อ สาเหตุที่ทำธุรกิจนี้ เนื่องจากเห็นว่าหากเราสามารถอยู่รอดได้ ในอนาคตธุรกิจนี้คงทำให้เรายืนด้วยลำแข้ง ไม่ต้องแบบมือขอเงินพ่อแม่
แต่ตอนนี้ เงินช็อตจนต้องขายที่ดินมาหมุนในธุรกิจ
ขอคำแนะนำจากพี่ๆเพื่อนๆด้วยครับ ควรทำไงดี
(ขออนุญาติแทคสินธร เผื่อมีพี่แนะนำเทคนิคการเล่นหุ้นให้บ้างนะครับ)