การเดินทางคนเดียวช่วงปีใหม่กับหญิงสาวแปลกหน้าบนรถทัวร์

เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงระหว่างการเดินทางของผมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเคยเขียนลงเฟสบุ้คไว้บ้างแล้ว แต่วันนี้ว่าง เลยอยากจะเอามาเขียนให้อ่านกันเพลินๆ ผมไม่ใช่นักเขียน และไม่เคยตั้งกระทู้ลงพันทิปมาก่อน แต่ผมอยากจะเล่าเรื่องราวแชร์ประสบการณ์ออกมาให้ดูน่าอ่านและสนุกที่สุด ผมเป็นคนสรุปเนื้อเรื่องไม่ค่อยเก่ง และชอบเล่าอะไรยาวๆ ผิดพลาดประการใด ก็ขอภัยด้วยนะครับ


ช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ใครๆ ก็อยากเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดเฉกเช่นเดียวกันกับผม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถไฟ รถตู้ หรือรถทัวร์ ก็แล้วแต่ความสะดวกและความชอบของแต่ละคน แต่ผมเลือกที่จะเดินทางด้วยการนั่งรถทัวร์…


แต่ปัญหาในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ คงหนีไม่พ้นเรื่องของรถติด กว่ารถจะคลานไปได้ทีละนิด เปรียบได้กับหนอนที่กระดึ๊บอยู่แล้วมีกิ่งไม้มาขวางทาง และอีกปัญหาหนึ่งที่รองลงมาจากรถติดก็คงจะไม่พ้นเรื่องตั๋วเดินทางเต็ม


การเดินทางช่วงเทศกาล ถ้าตั๋วไม่เต็ม คงจะไม่เรียกว่าเทศกาล (หรือเปล่า)


ผมชื่ออาร์ม ทำงานและเรียนอยู่จังหวัดชลบุรี ช่วงปีใหม่ผมมีโปรแกรมวางแผนจะเดินทางไปบ้านตาช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่ ซึ่งบ้านตาผมอยู่ใน อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ผมเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ตัวดำ หนวดเคราเต็มหน้า แต่นิสัยร่าเริงดั่งคิตตี้และผองเพื่อน


โปรแกรมที่ผมวางไว้คือผมจะเดินทางไปต่างจังหวัดในวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2557 พอเลิกงานผมเลยตัดสินใจไปซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ พอเสร็จสิ้นจากงาน รุ่งเช้าผมได้แพ็คกระเป๋าเตรียมตัวออกเดินทางได้ทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น..??


วันซื้อตั๋ว – พอเลิกงานเสร็จ ผมนั่งสองแถวมายังสถานีขนส่งเพชรประเสริฐ ซึ่งตั้งอยู่ในอ่าวอุดม พอลงจากสองแถว ผมรีบดิ่งเข้าไปยังเคาท์เตอร์ขายตั๋ว พร้อมถามพนักงานว่า “จะเดินทางไป อำเภอวิเชียรบุรี วันเสาร์ที่ 27 ธันวาฯ มีที่ว่างมั้ยครับ” พนักงานมองหน้า พร้อมพูดเน้นๆ ด้วยคำว่า “เต็มค่ะ” พอได้ยินคำนี้เท่านั้นแหละ ผมถึงกับใจสลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง พร้อมคิดในใจว่า “ ตูจะได้กลับมั้ยว้า” ผมเลยถามพนักงานต่อเลยว่า “แล้วหลัง 27 มีว่างมั้ยครับ” พนักงานมองหน้า พร้อมพูดทำร้ายจิตใจไปอีกครึ่งหนึ่งว่า “27-28-29 เต็มหมดทุกรอบเลยค่ะ” ผมได้ยินคำตอบที่สองถึงกับใจสลายแบบละเอียดยิบเลยทีนี้ เพราะพนักงานบอกว่าเค้าเริ่มเปิดให้จองตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ผมมาช้าไป นี่ขนาดมาจองก่อนหนึ่งอาทิตย์นะเนี่ย


ตั้งหลัก – หลังจากที่ได้ยินประโยคชวนใจสลายจากปากพนักงานขายตั๋ว ผมเลยถอยออกมาตั้งหลักพักนึง แล้วเข้าไปถามพนักงานอีกทีว่า “แล้วก่อนวันที่ 27 มีว่างมั้ยครับ” พนักงานตอบกลับมาว่า “มีค่ะ วันที่ 26 รอบเวลา 08.20 น. ว่างประมาณ 10 ที่นั่ง” ผมถึงกับร้องว่าโอ้เหยดดดด เอาฟะ เอาวันนี้แหละ ยอมขาดงานวันนึง เพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน ผมเลยโอเคกับพนักงาน พร้อมกับถามว่า “มีที่ริมหน้าต่างมั้ยครับ” พนักงานเช็คที่จอสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า “มีค่ะ ที่นั่ง 15E เบาะหลังสุด ริมซ้ายมือติดหน้าต่าง ว่างอยู่ที่เดียวค่ะ” ผมถึงกับร้อง “ห๊า หลังสุดเลยเร้อ ไม่เคยนั่งมาก่อน แต่หวังว่าคงจะไม่เวียนหัวแบบรถตู้นะ ฮ่าๆ” ผมตอบโอเค พร้อมกับได้ตั้วเดินทางมาครอบครอง ก่อนกลับพนักงานพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “วันเดินทาง มาก่อนรถออก 30 นาทีนะคะ”


ศึกชิงวินมอเตอร์ไซค์ – เช้าวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม ผมแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า เพื่อมาเตรียมกระเป๋าเป้สีเขียวใบโต และออกเดินทางไปยังสถานีขนส่ง และแน่นอน การเดินทางช่วงเทศกาลมันไม่ง่ายนัก มันต้องเกิดศึกชิงรถรถจ้าง เพราะส่วนใหญ่จะหยุดงานพร้อมกัน เดินทางพร้อมกัน ทำอะไรพร้อมกันไปหมด หลังจากที่ผมแพ็คกระเป๋าเสร็จ ผมรีบแจ้นออกมาหน้าปากซอย เพื่อนั่งพี่วินไปลงถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถสองแถวไปยังสถานีขนส่ง พร้อมกับมีเสียงพนักงานดังก้องอยู่ในหูอยู่ตลอดเวลา “มาก่อนรถออก 30 นาทีนะคะ มาก่อนรถออก 30 นาทีนะคะ มาก่อนรถออก 30 นาทีนะคะ" เป็นเสียงเอคโค่เตือนใจ ว่าต้องไปให้ทันนะ แต่พอมาถึงหน้าปากซอย สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พี่วิน พี่วินหายไปไหนหมด โอ้วววว ไม่นะ อย่าทำกับผมอย่างนี้ และในขณะที่ผมกำลังรอพี่วินวนกลับมารับนั้น ก็มีผู้คนมากหน้าหลายตา เริ่มทยอยขึ้นมารอวินเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตั้งใจจะเดินทางอย่างสบายใจ กลับกลายเป็นความกดดัน พร้อมกับก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมืออยุ่ตลอดเวลา และพูดออกมาเบาๆ ว่า “เฮ้ย อีก 50 นาที จะทันมั้ยเนี่ย” และแน่นอน เวลานั้นผมต้องทำทุกอย่างเพื่อได้พี่วินมาครอบครอง ผมเริ่มกวาดสายตาอำมหิตไปยังผู้คนรอบข้าง สื่อประมาณว่า “อย่านะเฟ้ย ตูมาก่อน วินคันต่อไปต้องเป็นของตูนะเฟ้ย” ฝั่งตรงข้ามผมก็มีเด็กน้อยสองคนที่ต้องไปเรียน ซ้ายมือผมก็มีสามีภรรยาที่จะเดินทางไปด้วยกัน เยื้องๆ กับผม ก็มีผู้ชายที่ยืนรอพี่วินต่อจากแฟนสาว เนื่องจากสัมภาระเยอะแฟนสาวได้นั่งออกไปล่วงหน้าก่อนหน้านี้แล้ว สักพักพี่วินมาพอดี ผมรีบโบกเรียกโดยไว คอยลุ้นว่าวินจะไปรับใคร ระหว่างผม เด็กน้อยสอง คู่สามีภรรยา หรือชายผู้ที่กำลังจะตามแฟนสาวออกไป พระเจ้าช่วย วินมารับผมเว้ยย เวลานั้นดีใจมาก ที่ชัยชนะเป็นของเรา แต่ก็แอบสงสารเด็กอยู่เล็กน้อย ฮ่าๆ ขอพี่ไปก่อนนะน้องนะ เรื่องเรียนไว้ทีหลัง เรื่องเที่ยวต้องมาก่อน


รถสองแถว – หลังจากที่ฝ่าฟันกับศึกชิงวินมอเตอร์ไซค์มาเรียบร้อยแล้ว จนได้ชัยชนะมาครอบครอง ทีนี้ก็ต้องมารอลุ้นกับการรอรถสองแถว ที่ช่วงเทศกาลทีไร มาช้าทู้กกกกที เหลือเวลาอีกประมาณ 45 นาที ผมต้องนั่งสองแถวไปยังสถานีขนส่งให้ทันรถออก ผมรอสองแถวรอแล้ว รออีก เฮ้ย เมื่อไหร่จะมาฟะ พอบ่นได้แปปนึง ก็เห็นเงาสองแถว ค่อยๆ เคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ ดั่งหอยทากเป็นตะคริว พร้อมคิดในใจ โหยยย จะไปทันมั้ยว้าเนี่ยยยย พอสองแถวไปมาจอดตรงหน้าปุ้บ ผมรีบโดดขึ้นอย่างไว พร้อมกับใจเย็นลงในระดับหนึ่ง เฮ้อออ ได้ขึ้นสักที แล้วรถสองแถวก็ออกตัวไหลไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ และก็ไปจอดรอคนอีกพักนึง จากที่ตอนแรกใจเย็น ไฟในในใจมันเริ่มลุกเหิมอีกครั้ง เฮ้ยยย จอดรอนานจังฟะ คนยิ่งรีบๆ อยู่ (คิดในใจ กลัวคนขับเดินลงมาตบ) พร้อมกับก้มมองนาฬิกา และอุทานออกมาว่า “ห๊า เหลือเวลาอีก 30 นาที ตายๆๆ จะไปทันมั้ยเนี่ย” พร้อมกับมีเสียงพนักงานดังก้องเข้ามาในรูหูอีกครั้ง ผมนั่งลุ้นตัวเกร็งอยู่บนรถสองแถว สักพักรถเริ่มเคลื่อนตัว ทีนี้โชว์เฟอร์สองแถวเหยียบมิดเลย บรื้นนนนนนน เฮ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิฟะ ค่อยสมกับเป็นสองแถวหน่อย ฮ่าๆ และแล้วก็มาถึงสถานีขนส่งจนได้


สถานีขนส่ง – เนื่องจากเป็นคนที่ไม่เคยเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่มาก่อน เลยไม่รู้ว่าที่นี่มันเป็นยังไง แต่ทันทีที่ก้าวลงมาจากสองแถว พร้อมกับมองไปข้างหน้า แล้วร้องออกมาว่า “โอ้ว แม่จ้าว คนจะเยอะไปไหน” ผู้คนเดินทางกลับบ้านเยอะมากกก เยอะจนไม่มีเก้าให้ผมนั่ง ไม่มีโต๊ะให้ผมวางกระเป๋า โอ้วโหววว เหมือนตัวเองเปรียบได้กับฟองน้ำ ที่ต้องบีบตัวเองให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ ขยับไปทางไหนก็แน่นไปหมด ต้องยัดตัวเองเข้าไปให้ได้ และที่สำคัญแดดร้อนมากกก ที่ร่มๆ ผู้คนก็เข้าไปจับจองกันหมด ผมต้องมายืนตากแดดรอรถประมาณ 20 นาทีได้ พร้อมกับมองเหล่าชาวโรงงานเปิดเพลงรถเครื่องเสียงดัง บู้มๆๆ พร้อมกับเต้นรำกันในวงเหล้า ฆ่าเวลาไปพลางๆ แต่แล้วรถก็มาถึง


138-7 หล่มสัก-พัทยา-ระยอง  – หลังจากที่ยืนตากแดดรอรถมาถึง 20 นาที ในที่สุดรถก็มาถึง ผมรีบแจ้นเร่งฝีเท้าเดินไปหาพนักงานฉีกตั๋ว เพื่อที่จะได้ขึ้นไปบนรถให้ไว เนื่องจากอากาศข้างล่างร้อนมากกกก ปกติตัวก็ดำอยู่แล้ว อยู่นานๆ คงจะไหม้เกรียมดั่งไก่ย่างวิเชียรบุรี หลังจากที่พนักงานฉีกตั๋วเสร็จ พนักงานบอกกับผมว่า “ที่นั่ง 15E ชั้นบน หลังสุด เบาะซ้ายริมหน้าต่างเลยนะ ผมตอบโอเค พร้อมกับก้าวขาขึ้นไปยังชั้นสองของตัวรถ


ชั้นสอง – เมื่อมาถึงชั้นสอง ความรู้สึกของผมเหมือนกับโดนสวรรค์สาดน้ำลงมาให้ เพราะมันช่างรู้สึกเย็นสบายซะเหลือเกิน ซึ่งแตกต่างกับอากาศข้างนอกที่มันช่างแสนร้อนนรกแตกมาก ผมเดินไปยังท้ายสุดของตัวรถเพื่อหาที่นั่งหมายเลข 15E และแล้วในที่สุดผมก็เจอมันจนได้


สาวเสื้อเทา – เบาะหลังสุดจะมีที่นั่งอยู่ประมาณ 5 ที่ ซึ่งมีหมายเลข 15A, 15B, 15C, 15D และ 15E ซึ่งเป็นที่นั่งของผมนั่นเอง ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาบ้านๆ ผมสั้นปะบ่า ใส่เสื้อสีเทา โชว์ไหล ชายเสื้อเสมอเอว กางเกงสีน้ำเงิน ใส่รองเท้าผ้าใบนิวบาลานซ์ อายุน่าจะห่างผมไม่มากนัก ราวๆ 20 ต้นๆ ไม่รุ่นพี่ก็รุ่นน้อง ห่มผ้าห่มสีแดงนั่งอยู่เบาะหลังคนเดียว ผมไม่รู้ว่าเธอเดินทางมาจากไหน แต่ถ้าให้เดาเธอน่าจะมาจากระยอง เธอนั่งอยู่ติดกับเบาะผมพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบ วางอยู่ใต้เบาะที่ผมกำลังจะเข้าไปนั่ง


ทักทาย – ครั้งแรกที่ผมเจอเธอ ผมยิ้มให้เธอไปหนึ่งที พร้อมกับพูดว่า “ผมนั่งเบาะข้างในนี้ครับ” เธอทำหน้ามึนใส่ผม พร้อมกับยกกระเป่าเดินทางของเธอขึ้นมาจากใต้ที่นั่งผม แล้วมาวางไว้อีกฝั่งหนึ่งของตัวเธอ พร้อมกับเบี่ยงขาออก เพื่อให้ผมเดินเข้าไปนั่ง แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนตัวใหญ่ มันต้องเข้าลำบากแน่ๆ ผมก็พยายามยัดตัวเข้าไป โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีชั้นวางของอยู่ด้านบน สักพักนึงก็.. “โอ้ยยยย” แน่นอน หัวผมเข้าไปชนกับชั้นวางของอย่างจัง เวลานั้นขอบอกเลยว่าอายมาก แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ฮ่าๆ หลังจากที่ฝ่าฟันจนเข้ามานั่งได้สำเร็จ เธอคนนั้นก็เขยิบไปนั่งอีกเบาะนึง เว้นว่างเบาะตรงกลางไว้ระหว่างเธอกับผม ผมบอกกับเธอว่าเอากระเป่ามาวางไว้ที่เดิมได้นะ เธอทำหน้ามึนใส่ผมอีกครั้ง และพยักหน้าให้หนึ่งที สื่อประมาณว่า “อื้มมม ไม่เป็นไรค่ะ” (เอ๊ะ หรือว่ากลัวผม ฮ่าๆ)


ล้อหมุน – เมื่อรถออกตัว ต่างคนก็ต่างเข้าสู่โลกส่วนตัว บางคนก็นอนหลับ บางคนก็เล่นโทรศัพท์ บางคนก็ฟังเพลง และแน่นอน การเดินทางคนเดียวของผม สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการฟังเพลง ผมหยิบไอพอดขึ้นมาเปิดเพลงฟัง ส่วนเธอที่นั่งอยู่ข้างผมก็หลับไปตามระเบียบ


อยากนอน – ขณะที่ผมกำลังฟังเพลงอยู่ในโลกส่วนตัวนั้น เธอคนนั้นก็ตื่นมา พร้อมกับมองซ้ายมองขวา ก้มๆ เงยๆ เหมือนหาอะไรสักอย่าง ผมมองเธอด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่คิดอะไร แล้วก็ฟังเพลงต่อ สักพักเธอมาสะกิดไหล่ผม ผมหันไปหาเธอ พร้อมกับเอาหูฟังออกจากหู เธอถามผมว่า “เก้าอี้นี้ปรับนอนยังไง” วินาทีนั้นผมถึงกับอึ้ง เฮ้ยยย เธอกล้าถามผมเว้ย คิดว่ากลัวนะเนี่ย ฮ่าๆ เมื่อผู้หญิงขอความช่วยเหลือ สุภาพบุรุษอย่างเราจะทนอยู่เฉยได้อย่างไร มันต้องช่วยเหลือเค้าสิ และแล้วผมก็เริ่มค้นหาที่ปรับเบาะ มองซ้าย มองขวา ก้มๆ เงยๆ แต่ก็หาไม่เจอเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องบอกกับเธอว่า “ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเหมือนกันครับ แหะๆ” วินาทีนั้นผมเฟลมาก โหยยย เค้าอุตส่าห์มาขอความช่วยเหลือ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ฮ่าๆ เธอบอกกับผมว่า “ไม่เป็นไรค่ะ” พร้อมกับยิ้มให้


ต้องมนต์ – ทันทีที่เธอยิ้มให้ผม นาทีนั้นเป็นนาทีที่ผมเห็นหน้าเธอชัดเจนมาก ผมมองหน้าเธอแล้วรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดอะไรสักอย่าง พร้อมกับคิดในใจว่า “คนอะไรฟะ หน้าตาบ้านๆ แต่น่ารักเป็นบ้าเลย” เวลานั้นเหมือนผมรู้สึกชอบเธอขึ้นมาทันที อยู่ๆ ใจมันก็เต้นผิดจังหวะ เหมือนตื่นเต้นอะไรสักอย่าง เฮ้ย ผมเป็นอะไร?


แอบมอง – หลังจากที่เธอไม่ประสบความสำเร็จกับการปรับเอนเบาะ เธอเลยนำกระเป่าเดินทางของเธอทั้งสองใบวางไว้บนที่นั่งที่อยู่ระหว่างเธอกับผม แล้วเธอก็ค่อยๆ เอนตัวลงมานอนอย่าช้าๆ เปรียบได้กับหมอนนุ่มๆ บนที่นอนโตโต้ สัมผัสใหม่แห่งการนอน ห่มด้วยผ้าห่มสีแดงที่ทางรถได้เตรียมไว้ให้ (เอ้อ ลืมบอก แอร์รถสายนี้เป็นอะไรที่หนาวมากถึงมากที่สุด จนทุกคนต้องห่มผ้ากันเลยทีเดียว เนื่องจากเดินทางระยะไกล) ขณะที่เธอกำลังหลับอยู่นั้น ผมแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่โรคจิตนะ ฮ่าๆ ผมชอบตอนที่เธอหลับ มันดูเป็นธรรมชาติดี ไม่ต้องแอ๊บอะไรมากมาย เธอหันหัวมาทางผม ผมแอบคิดในใจ หลับแบบไม่กลัวตูทำอะไรเลยหรอฟะ นาทีนั้นผมอยากจะบอกกับเธอว่า “ไหล่เรายังว่างนะ มาพิงไหล่เรามั้ย ฮ่าๆ”

พื้นที่มีจำกัด เดี๋ยวมาเล่าต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่