ปริศนา สตง.ตีแสกหน้ากองทุน สสส.ผลาญเงินภาษีประชาชนร่วม 13,000 ล้าน (ตอนที่ 2)

กระทู้ข่าว
ปริศนากองทุน สสส.ผลาญเงินภาษีประชาชนร่วม 13,000 ล้าน...กับข้อกังขาเหตุใดสำนักข่าวอิศราฯ มองไม่เห็น (หรือไม่อยากมอง) (ตอนที่2)

เรื่องของ “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” (สสส.) หน่วยงานภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเคยมีแนวความคิดที่จะวางกรอบเพดานการจัดสรรภาษีบาปให้แก่กองทุน “สสส.-ไทยพีบีเอส” หลังตรวจสอบ พบว่าโครงการรงณรงค์ลดละเลิกยาเสพติดของ สสส.ไม่ประสบความสำเร็จ และมีการใช้จ่ายเงินอย่าง “ไม่คุ้มค่า” ขณะไทยพีบีเอสก็มีขนเครือข่ายเอ็นจีโอเข้าไปรับงานกันเองสนุกมือ!

เช่นเดียวกับสมาคมชาวไร่ยาสูบต่างๆ ที่ต่างเป็นสมาชิกระบบคอนแทคฟาร์มมิ่งอยู่กับโรงงานยาสูบ ได้ออกมาขานรับข้อเสนอของโรงงานยาสูบในอันที่จะขอให้รัฐบาล คสช.แก้ไขกฎหมายเพื่อขอนำส่งเงินเข้ารัฐคือ กระทรวงการคลังโดยตรง แทนการจ่ายให้แก่กองทุน สสส.เพื่อเข้าสู่ระบบงบประมาณที่มีการตรวจสอบได้

“ไม่เข้าใจว่าทำไม สสส.ต้องออกมาโจมตีข้อเสนอของโรงงานยาสูบ ทั้งที่เป็นการเสนอเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินอุดหนุนไม่ใช่งดการส่งรายได้ให้ ซึ่งถ้าองค์กรมีความโปร่งใสตามที่กล่าวอ้าง และมีการตรวจสอบอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล”

แต่ก็ดูเหมือนว่าท่าที และความเคลื่อนไหวของกระทรวงการคลังข้างต้นจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีหน่วยงานใดคิดจะล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน สสส.แห่งนี้ ทั้งที่การจะวัดผลสำเร็จของหน่วยงานนั้น ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่จะดำเนินการได้

ทั้งนี้ หากทุกฝ่ายจะได้ย้อนกลับไปพิจารณาเม็ดเงินที่กองทุน สสส.ได้รับการจัดสรรจากเม็ดเงินภาษีบาป “เหล้า-เบียร์” และผลิตภัณฑ์ภาษียาสูบในแต่ละปีนั้น จะพบว่ามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ตามสัดส่วนของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเหล้า เบียร์ และผลิตภัณฑ์ยาสูบในแต่ละปีที่กรมจัดเก็บได้ โดยล่าสุดนั้นนัยว่ามียอดทะลักไปกว่าปีละ 3,500 ล้านบาทแล้ว

โดยหากพิจารณาผลจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตในช่วงที่ผ่านมานั้น จะเห็นว่ากรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีจากสินค้าบาปได้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2553 จัดเก็บรายได้จากยาสูบ 53,381 ล้านบาท ปี 2554 จัดเก็บได้ 57,197 ล้านบาท ปี 2555 จัดเก็บได้ 57,000 ล้านบาท ปี 2556 จัดเก็บได้ 67,893 ล้านบาท และปี 2557 จัดเก็บได้ 61,001 ล้านบาท ส่วนภาษีเบียร์ ในปี 2556 จัดเก็บได้ 69,119 ล้านบาท และปี 2557 จัดเก็บได้ 76,559 ล้านบาท

ขณะที่สุราก็มีผลการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2553 จัดเก็บได้ 42,398 ล้านบาท ปี2554 จัดเก็บได้ 48,624 ล้านบาท และปี 2555 อีก 51,400 ล้านบาท ปี 2556 จัดเก็บได้ 52,640 ล้านบาท และปี 2557 ที่เพิ่งสิ้นสุดลงไป 64,645 ล้านบาท

น่าแปลกไหม! ขณะที่รัฐและกระทรวงการคลังอ้างเหตุผลในการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเหล้า-บุหรี่ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ เพื่อลดการบริโภคของประชาชนลงไป โดยมีกองทุน สสส.ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการรณรงค์ต่างๆ เพื่อลดการบริโภคยาสูบและลดการดื่มน้ำเมาลง

แต่กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ผลจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตของกระทรวงการคลังนั้น กลับยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยรายได้ภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บได้เพิ่มดังกล่าวนั้น หาได้เกิดจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปริมาณของการจำหน่ายสินค้าเหล้า เบียร์และผลิตภัณฑ์ยาสูบที่เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งๆ ที่ตลอดช่วงที่ผ่านมา หน่วยงาน สสส.ได้ทำหน้าที่ในการรณรงค์ให้ประชาชนได้เล็งเห็นความสำคัญของการลดละเลิกเหล้าและอบายมุขทั้งหลายอย่างเข้มแข็ง มีการอัดงบไปกับโครงการรณรงค์ทั้งหลายแหล่ จัดกิจกรรมและอีเว้นท์ไปนับสิบนับร้อยโครงการ และมีการผลักดันให้รัฐและกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศต่างๆ มานับสิบนับร้อยประกาศเพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของสินค้าบาปเหล่านี้

และหากพิจารณาตัวเลขงบจัดสรรที่กองทุน สสส.ได้รับการจัดสรรภาษีบาปปีละ 2% ไปจากรัฐตลอดช่วง 10 ปีเศษที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2547-2556 นั้น มีจำนวนสูงถึง 28,133 ล้านบาทแล้ว

มากมายมหาศาลแค่ไหนนั้น หากจะนำไปก่อสร้าง “รถไฟฟ้าโมโนเรล” สักสาย อย่างรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-เกษตร-นวมินทร์-มีนบุรี นั้นย่อมจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ทั้งสายเลยทีเดียวเพราะมีมูลค่าไม่น่าเกิน 29,000 ล้านบาท หรือหากจะสร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงค์ ดอนเมือง-พญาไทย ทั้งหลายก็แค่ 31,000 ล้านบาทเศษ

หรือจะเจียดงบไปให้กระทรวงคมนาคมของ “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เอาไปก่อสร้างรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าดีเซลรางในโครงการ 3 ล้านล้านก็ได้ไม่รู้กี่สาย อย่างสายฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอยระยะทาง 106 กม. มูลค่าก็แค่ 11,272 ล้านบาท สายจีระ-ขอนแก่น 185 กม. 26,0007 ล้านบาท สายประจวบ-ชุมพรระยะทาง 167 กม. 11,292 ล้านบาท สายลพบุรี –ปากน้ำโพ 148 กม. 17,292 ล้าน สายมาบกะเบา – จีระ 132 กม.ก็แค่ 29,855 ล้านบาท หรือสาย นครปฐม-หัวหิน 165 กม.ก็แค่ 20,038 ล้านบาทเท่านั้น

ผลงานที่ได้อย่างจะเห็นเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้!

ยิ่งหากได้ฟังเหตุผลของ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ได้แถลงถึงจุดยืนของกระทรวงต่อการยกร่างกฎหมายควบคุมยาสูบฉบับใหม่ที่กระทรวง สธ.กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยระบุว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ ไม่มีประเด็นใดที่เป็นการกีดกันการค้าหรือขัดต่อกฎกติกาการค้าโลก แต่หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะช่วยลดจำนวนเยาวชนไทยที่จะติดบุหรี่ใหม่ได้ถึงปีละปีละ 100,000 คน ให้ลดลงได้ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า หากป้องกันเด็กไทยไม่ให้ติดบุหรี่ได้ 1 คน จะประหยัดค่ารักษาโรคและลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอื่นๆ ได้คนละราว 156,000 บาท ดังนั้น หากปล่อยให้เด็กสูบบุหรี่เพิ่มปีละ 100,000 คนจะเกิดการสูญเสียมากถึง 15,600 ล้านบาท

ประกาศิตของ รมว.สาธารณะสุขข้างต้นบ่งบอกให้เห็นอะไร?

มันชี้ให้เห็นถึงบทบาทของกองทุน สสส.ข้างต้น ที่ได้ทำหน้าที่เสริมสร้างสุขภาพให้กับประชาชนคนไทยนั้นสัมฤทธิ์ผลสมดั่งเป้าหมายและพันธกิจของหน่วยงาน/กองทุนหรือไม่

ยอดจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าบาปเหล่านี้ที่ยังคงทะลักเพิ่มขึ้นทุกปี และจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขที่ยังคงควานหามาตรการสกัดกั้นนักดื่มแอลกอฮอล์หน้าใหม่ นักสูบหรือบริโภคหน้าใหม่ไม่ให้ตกไปเป็นทาสเหล้า เบียร์ หรือยาสูบนั้น น่าจะเป็นเครื่องสะท้อนคำตอบได้ดี!

เห็นข่าวการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ครั้งที่ 8/2557 ที่มีคำสั่งโละ 3 กองทุนที่มีวงเงินนับหมื่นล้านบาทลงไป คือ โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน (กองทุน SML) วงเงิน 5,700 ล้านบาท กองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการในหมู่บ้านและชุมชน วงเงิน 3,000 ล้านบาท และกองทุนโครงการพัฒนาเมือง วงเงิน 1,225 ล้านบาท พร้อมกับให้พิจารณาสถานะของกองทุนอื่นๆ ว่าดำเนินการตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์มากน้อยเพียงไร

ข้อมูลเชิงประจักษ์ข้างต้นเช่นนี้ เล็ดรอดการรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนของสำนักข่าวเลื่องชื่ออย่างสำนักข่าวอิศราฯที่มี "ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์" ในฐานะผู้อำนวยการ ไปได้อย่างไร..หรือว่างบก้อนโตเฉียด 100 ล้านบาท ที่กองทุน สสส.ประเคนให้สำนักข่าวอิศราฯ ตลอดระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาและจริยธรรมสื่อ จะกลายเป็นม่านแห่งผลประโยชน์มาบดบังตาให้สำนักข่าวแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อในการเสนอข่าวในเชิงสืบสวนสอบสวนไม่เคยขุดคุ้ยข้อมูลกรณีกองทุน สสส.ผลาญงบจากภาษีประชาชนในช่วงที่ผ่านมากว่า 13,000 ล้านบาท ไปอย่างสนุกมือ

ที่สำคัญความฉาวโฉ่เหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาล คสช.ลงมาล้วงลูกพิจารณาบทบาทของกองทุนสามล้อถูกหวยที่ว่านี้อีกหรือ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่