สวัสดีคะทุกคน รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ Nikko เป็นครั้งแรก ตอนแรกเราวางแพลนไว้ว่าจะออกจากโตเกียวช่วงเช้าของวันที่ 2 ม.ค. 58 แต่หลังจากที่ได้ Shopping Lucky Bag ในวันที่ 1 ม.ค. 58 นั้น เพื่อนๆลงความเห็นว่ายังไม่เต็มอิ่ม จึงขอช๊อปปิ้งวันที่ 2 ต่ออีกครึ่งวันคะ เพราะฉะนั้นการเดินทางไปนิกโก้ของเราจึงเริ่มต้นขึ้นที่รถไฟเที่ยว 14.40 ที่สถานี Tobu Asakusa ค่ะ
เราซื้อตั๋วแบบ All Nikko Pass เพราะเนื่องจากต้องการขึ้นไปชมน้ำตกและทะเลสาป (ขอบอกว่าคุ้มค่ากับการนั่งรถไปมากๆคะ) ตั๋วนี้รวมค่าเดินทางจาก Tobu Asakusa Station - Nikko Station แบบไป-กลับ รวมถึงรถบัสที่ขึ้นได้ทุกสายในนิกโก้คะ
พวกเราไปกัน 4 คน ขาออกจากเมืองไทยเรามีกระเป๋ากันคนละใบเท่านั้น แต่หลังจาก Shopping กระเป๋าจาก 4 ใบเพิ่มเป็น 6 ใบทันทีเลยจ้า ก่อนนั่งรถไฟเราจึงต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอรบกวนวางกระเป๋าตรงนี้นะคะ ที่ด้านบนมันไม่พอจริงๆ --" อ้อ! ลืมบอกไปคะว่าถ้าจะไปนิกโก้ ต้องนั่งตู้ที่ 4 และ 5 เท่านั้น!! เพราะรถไฟจะแยกขบวนกันที่สถานี Shimoimachi เราจะได้นั่งต่อไปเลย ไม่ต้องมากังวลเรื่องย้ายตู้นะคะ
หลังจากที่ถึงสถานี เราก็โทรให้ทางเจ้าของที่พักมารับคะ ออกจากสถานีให้เดินไปทางขวามือแล้วจะเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะเลยคะ เรารออยู่ประมาณ 5 นาที เจ้าของที่พักก็มารับเราละคะ
เมื่อถึงที่พักแล้ว เราก็ทำการ Check-In กันก่อนเลย ก่อนเข้าที่พักตามธรรมเนียมญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนรองเท้าและเช็ดล้อกระเป๋าให้เรียบร้อยนะคะ
เราได้ห้องพักที่ชั้น 1 ไม่ไกลจาก Counter Check-In เลยคะ เดินประมาณ 3 ก้าว อิอิ หน้าห้องมีฮีตเตอร์ด้วย ฮีตเตอร์ที่นี่ใช้ต้มน้ำได้ด้วยละคะ เป็นประโยชน์มากๆเลย
รูปภายในห้องพัก อาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนะคะ พอดีนึกขึ้นได้หลังจากที่ทำห้องรกไปแล้วเล็กน้อย
คนในรูปกำลังสนุกสนานกับรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นคะ
มีน้ำชาและขนมบริการในห้องด้วย
เพื่อนบอกว่าทางที่พักมีอ่างน้ำร้อนให้แช่ด้วย แต่จขกท.เพิ่งมารู้ตอนเช้าคะ อดไปใช้เลย แงๆ
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอาหารเย็น เวลาทานอาหารประมาณ 6 โมงคะ เมื่อเดินเลย Counter Check-In มานิดนึงด้านซ้ายมือจะมีห้องนั่งเลยอยู่คะ ห้องใหญ่มากเลยทีเดียว
ก่อนเข้าห้องอาหาร เราต้องเปลี่ยนรองเท้ากันอีกรอบนึงนะคะ
บรรยากาศภายในห้องอาหารคะ
มาดูของบนโต๊ะกันมั่ง
เมื่อเรานั่งกันพร้อมแล้ว อาหารจานแรกก็มาละจ้าาา
จานนี้เป็นเต้าหู้เย็นๆราดซอสคะ
ซุปที่ไม่กล้าฟันธงว่าทำมากจากอะไรคล้ายๆฟักทอง แต่อร่อยนะคะ
แต่เนื่องจากวันนั้นพวกเราหิวโซกันมาก มัวแต่เอาเวลาไป Shopping กันจนลืมทานข้าว เราจึงปรึกษากับทางเจ้าของที่พักว่าถ้าไม่อิ่ม เราขอให้เค้าทำอาหารเพิ่มให้ โดยที่ทางเรายินดีที่จะจ่ายส่วนที่เพิ่มมาคะ ทางเจ้าของที่พักเลยบอกว่า เค้าทำสปาเก็ตตี้อร่อยมากเลย เดี๋ยวเค้าจะทำให้เราทาน จานนี้เลยเก็บส่วนต่างที่เพิ่มออกมา ราคา 1,600 เยนคะ อร่อยและเยอะมากคะ ใส่เครื่องแบบจัดเต็ม คุ้มค่ากับราคาและความอร่อยคะ จานนี้ออกมาคั่นกลางระหว่าง Course เลยคะ สงสัยกลัวพวกเราจะหิวกันมาก อิอิ
Main Course มาละคะ เสิร์ฟพร้อมข้าวเปล่าคนละจาน เป็นเหมือนสตูว์เนื้อ เนื้อนุ่มมากคะ น้ำซอสอร่อย เข้ากันดีคะ ที่ปลิ้มที่สุดในจานคือแครอท มันหวานมากคะ แต่ในจานมีมาให้แค่คนละชิ้น ไม่กล้าขอเพิ่มคะ
หลังจากนั้นทางเจ้าของที่พักจะเข้ามาถามคะว่าจะรับกาแฟหรือชา เพื่อให้ทานคู่กับของหวานที่กำลังจะเสริฟคะ
ของหวานเป็นมูส (ถ้าเข้าใจผิดต้องขออภัยนะคะ ไม่มั่นใจเรียกว่ามูสหรือเค้ก) พร้อมสตอเบอรี่สด หวานฉ่ำมากจ้า
หลังจากตื่นเช้ามาอีกวัน เราก็เดินมาทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารที่เดิมคะ
มีน้ำส้มและโยเกิร์ตวางไว้ให้ก่อนเลยคะ
บนโต๊ะมีเนย น้ำตาล ครีมเทียม แยม และช๊อคโกแลตวางไว้ให้ด้วยคะ
สักพักเค้าก็จะมาเสิร์ฟขนมปังให้คะ อร่อยมากคะ อยากจะพกไปกินระหว่างทาง ติดที่ว่าไม่มีถุงใส่ 5555
อาหารจานหลักของเช้านี้นะคะ อิ่มเบาๆคะ
หลังจากทางเสร็จเจ้าของที่พักจึงไปส่งพวกเราที่สถานี เราต้องรีบออกจากที่พักเพื่อจะไปเที่ยวที่น้ำตกและทะเลสาปซึ่งต้องนั่งรถบัสไปและกลับอยู่ที่ราวเที่ยวละเกือบๆ 1 ชม. คะ
ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่คะ ^____^
[CR] Review Pension L'Escale Nikko
เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ Nikko เป็นครั้งแรก ตอนแรกเราวางแพลนไว้ว่าจะออกจากโตเกียวช่วงเช้าของวันที่ 2 ม.ค. 58 แต่หลังจากที่ได้ Shopping Lucky Bag ในวันที่ 1 ม.ค. 58 นั้น เพื่อนๆลงความเห็นว่ายังไม่เต็มอิ่ม จึงขอช๊อปปิ้งวันที่ 2 ต่ออีกครึ่งวันคะ เพราะฉะนั้นการเดินทางไปนิกโก้ของเราจึงเริ่มต้นขึ้นที่รถไฟเที่ยว 14.40 ที่สถานี Tobu Asakusa ค่ะ
เราซื้อตั๋วแบบ All Nikko Pass เพราะเนื่องจากต้องการขึ้นไปชมน้ำตกและทะเลสาป (ขอบอกว่าคุ้มค่ากับการนั่งรถไปมากๆคะ) ตั๋วนี้รวมค่าเดินทางจาก Tobu Asakusa Station - Nikko Station แบบไป-กลับ รวมถึงรถบัสที่ขึ้นได้ทุกสายในนิกโก้คะ
พวกเราไปกัน 4 คน ขาออกจากเมืองไทยเรามีกระเป๋ากันคนละใบเท่านั้น แต่หลังจาก Shopping กระเป๋าจาก 4 ใบเพิ่มเป็น 6 ใบทันทีเลยจ้า ก่อนนั่งรถไฟเราจึงต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอรบกวนวางกระเป๋าตรงนี้นะคะ ที่ด้านบนมันไม่พอจริงๆ --" อ้อ! ลืมบอกไปคะว่าถ้าจะไปนิกโก้ ต้องนั่งตู้ที่ 4 และ 5 เท่านั้น!! เพราะรถไฟจะแยกขบวนกันที่สถานี Shimoimachi เราจะได้นั่งต่อไปเลย ไม่ต้องมากังวลเรื่องย้ายตู้นะคะ
หลังจากที่ถึงสถานี เราก็โทรให้ทางเจ้าของที่พักมารับคะ ออกจากสถานีให้เดินไปทางขวามือแล้วจะเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะเลยคะ เรารออยู่ประมาณ 5 นาที เจ้าของที่พักก็มารับเราละคะ
เมื่อถึงที่พักแล้ว เราก็ทำการ Check-In กันก่อนเลย ก่อนเข้าที่พักตามธรรมเนียมญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนรองเท้าและเช็ดล้อกระเป๋าให้เรียบร้อยนะคะ
เราได้ห้องพักที่ชั้น 1 ไม่ไกลจาก Counter Check-In เลยคะ เดินประมาณ 3 ก้าว อิอิ หน้าห้องมีฮีตเตอร์ด้วย ฮีตเตอร์ที่นี่ใช้ต้มน้ำได้ด้วยละคะ เป็นประโยชน์มากๆเลย
รูปภายในห้องพัก อาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนะคะ พอดีนึกขึ้นได้หลังจากที่ทำห้องรกไปแล้วเล็กน้อย
คนในรูปกำลังสนุกสนานกับรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นคะ
มีน้ำชาและขนมบริการในห้องด้วย
เพื่อนบอกว่าทางที่พักมีอ่างน้ำร้อนให้แช่ด้วย แต่จขกท.เพิ่งมารู้ตอนเช้าคะ อดไปใช้เลย แงๆ
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอาหารเย็น เวลาทานอาหารประมาณ 6 โมงคะ เมื่อเดินเลย Counter Check-In มานิดนึงด้านซ้ายมือจะมีห้องนั่งเลยอยู่คะ ห้องใหญ่มากเลยทีเดียว
ก่อนเข้าห้องอาหาร เราต้องเปลี่ยนรองเท้ากันอีกรอบนึงนะคะ
บรรยากาศภายในห้องอาหารคะ
มาดูของบนโต๊ะกันมั่ง
เมื่อเรานั่งกันพร้อมแล้ว อาหารจานแรกก็มาละจ้าาา
จานนี้เป็นเต้าหู้เย็นๆราดซอสคะ
ซุปที่ไม่กล้าฟันธงว่าทำมากจากอะไรคล้ายๆฟักทอง แต่อร่อยนะคะ
แต่เนื่องจากวันนั้นพวกเราหิวโซกันมาก มัวแต่เอาเวลาไป Shopping กันจนลืมทานข้าว เราจึงปรึกษากับทางเจ้าของที่พักว่าถ้าไม่อิ่ม เราขอให้เค้าทำอาหารเพิ่มให้ โดยที่ทางเรายินดีที่จะจ่ายส่วนที่เพิ่มมาคะ ทางเจ้าของที่พักเลยบอกว่า เค้าทำสปาเก็ตตี้อร่อยมากเลย เดี๋ยวเค้าจะทำให้เราทาน จานนี้เลยเก็บส่วนต่างที่เพิ่มออกมา ราคา 1,600 เยนคะ อร่อยและเยอะมากคะ ใส่เครื่องแบบจัดเต็ม คุ้มค่ากับราคาและความอร่อยคะ จานนี้ออกมาคั่นกลางระหว่าง Course เลยคะ สงสัยกลัวพวกเราจะหิวกันมาก อิอิ
Main Course มาละคะ เสิร์ฟพร้อมข้าวเปล่าคนละจาน เป็นเหมือนสตูว์เนื้อ เนื้อนุ่มมากคะ น้ำซอสอร่อย เข้ากันดีคะ ที่ปลิ้มที่สุดในจานคือแครอท มันหวานมากคะ แต่ในจานมีมาให้แค่คนละชิ้น ไม่กล้าขอเพิ่มคะ
หลังจากนั้นทางเจ้าของที่พักจะเข้ามาถามคะว่าจะรับกาแฟหรือชา เพื่อให้ทานคู่กับของหวานที่กำลังจะเสริฟคะ
ของหวานเป็นมูส (ถ้าเข้าใจผิดต้องขออภัยนะคะ ไม่มั่นใจเรียกว่ามูสหรือเค้ก) พร้อมสตอเบอรี่สด หวานฉ่ำมากจ้า
หลังจากตื่นเช้ามาอีกวัน เราก็เดินมาทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารที่เดิมคะ
มีน้ำส้มและโยเกิร์ตวางไว้ให้ก่อนเลยคะ
บนโต๊ะมีเนย น้ำตาล ครีมเทียม แยม และช๊อคโกแลตวางไว้ให้ด้วยคะ
สักพักเค้าก็จะมาเสิร์ฟขนมปังให้คะ อร่อยมากคะ อยากจะพกไปกินระหว่างทาง ติดที่ว่าไม่มีถุงใส่ 5555
อาหารจานหลักของเช้านี้นะคะ อิ่มเบาๆคะ
หลังจากทางเสร็จเจ้าของที่พักจึงไปส่งพวกเราที่สถานี เราต้องรีบออกจากที่พักเพื่อจะไปเที่ยวที่น้ำตกและทะเลสาปซึ่งต้องนั่งรถบัสไปและกลับอยู่ที่ราวเที่ยวละเกือบๆ 1 ชม. คะ
ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่คะ ^____^