คุณเริ่มศรัทธาศาสนาพุทธตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

สำหรับผมเอง พ่อกับแม่ก็ถือพุทธมาตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว แต่ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กดื้อมาก เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้
จำได้ว่าเห็นแม่จุดธูปสวดมนต์อยู่ในห้อง ผมยังแซวเลยว่าแกบ้าลัทธิ แล้วแกล้งปิดประตูไม่ให้ควันธูปและเสียงออกมา(เลวแท้ๆๆ)
จริงๆแล้วตอนนั้นก็เชื่อบาปบุญ ชาตินี้ชาติหน้า กรรมดีกรรมชั่วอยู่ แต่ไม่อะไรมาก ยังฆ่าสัตว์อยู่(ตอนนั้น) โดยเฉพาะเห็บหมา(จับใส่น้ำมัน) ยุง(เอาไม้ช๊อตยุงช๊อตเล่น)มด(เหยียบซร้า) นี้นับแล้วคงได้เป็นร้อย แม้เชื่ออยู่แต่ก็ไม่อะไรมาก(ประมาท)

ทีนี้พอโตขึ้นเรียนจบ จึงได้มีโอกาสบวชตามประเพณี คือบวชไปงั้นๆแหละให้จบๆไป จะได้หมดภาระเสียที
ก็ตั้งใจบวชแค่เดือนนึง ทีนี้พอบวชแล้วสิบห้าวันแรกนี่โคตรอยากจะสึกเลยครับ ผ่านไปวันนึงขีดฆ่าซะแล้วนับว่าเหลืออีกกี่วัน ผ้าเหลืองแทบไหม้
ทีนี้ตอนบ่ายที่วัดนั้น มีรวมนั่งสมาธิตอนบ่าย จู่ๆหลวงพ่อท่านก็เทศน์ บอกว่าไม่ต้องไปนับวันหรอก ยิ่งนับยิ่งร้อน ปล่อยไปๆ ผมงี้สะดุ้งเลย
ตรูไม่เคยบอกใครนะ ท่านรู้ได้ไง  

ต่อมาทางวัดได้มีกิจกรรมจัดไปธุดงส์ปักกลด ที่ป่าช้า (ไปกันไม่เกินสิบห้ารูป) อาจารย์ก็ให้เราไปด้วย เราก็ไป พอไปแล้วนี่คิดในใจ ตรูคิดผิด ไม่สนุกเลย
น่ากลัวอีก อยากกลับบบบ   อยากสึก โอเคครับ ทนไม่ได้ก็ต้องทน ในที่สุดก็จบ ก่อนกลับวัดได้ให้ไปกราบหลวงปู่องค์หนึ่ง นี่สุดยอดเลยครับ น่าทึ่งมาก
เรื่องในอดีตของผมและเรื่องที่เกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวของผมท่านรู้หมดเลย และตอนนั้นมีพระรูปหนึ่งท่านคุยกับผู้หญิงตอนบวชทางมือถือ แต่ท่านไม่เคยบอกใครนะ   แม้แต่พระที่คุมมายังไม่รู้เลย  แต่หลวงปู่รู้ โดนดุซะตัวลีบ      ซักพักหลวงปู่มองผมแล้วก็บอกว่า ยังสึกไม่ได้(เอ๋อ แล้วตอนนั้น)ให้อยู่อีกสามปีโอ้ว พระเจ้า เดือนนึงตรูก็ร้อนแล้ว จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะพระองค์ที่แกคุยโทรศัพท์ก็พิสูจน์ได้อย่างดีแล้วว่า หลวงปู่นี่ของจริง  หลังจากนั้นก็กลับวัดด้วยจิตใจอันหนักอึ้งพร้อมกับโดนเพื่อนพระแซวไปตลอดทาง(เอ็งสึกได้นี่ๆๆ)

แต่เชื่อไหม ระหว่างที่ผมบวชผมได้ศึกษาอ่านธรรมะ หัดทำสมาธิ และหมั่นสอบถามครูบาอาจารย์(มีบุญคุณมาก) วันหนึ่งนั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่ามีความสุขมากเลย    และจู่ๆก็เกิดความรู้สึกว่าพระพุทธองค์ช่างมีบุญคุณแท้ๆ ทำให้เรารู้คุณรู้โทษ ให้เราได้มาฝึกหัดทำสมาธิ จากที่ไม่เคยพบความสุขทางใจก็ได้พบ
ปาฏิหาริย์ของศาสนาพุทธไม่ใช่เหาะได้ ดำดินได้ แต่คือทำคนชั่วให้เป็นคนดีได้ ทำคนไม่มีศีลให้มีศีลได้ ทำคนที่ใจไม่สงบให้สงบได้ ทำคนมีกิเลสให้หมดกิเลสได้  นี่เป็น ปาฏิหาริย์ที่สุดยอดที่สุดแล้ว
  ตั้งแต่วันนั้นผมก็พบว่าผมศรัทธา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้ว (แต่อย่าคิดว่าเราจะไม่สึกนะ กิเลสเราก็ใช่ย่อย)จากนั้นก็อยู่มาได้จนครบสามปีในที่สุด
พร้อมได้ศีล ห้า มาอีกตลอดชีวิต และศรัทธาที่เอาอะไรมาแรกก็ไม่ยอม
และระหว่างที่บวชพ่อกับแม่ก็ได้มีโอกาสมาทำบุญที่วัด ได้ฟังธรรม จากตอนก่อนบวช ท่านไม่รักษาศีลจริงๆจังๆ แต่พอผมบวชได้ซักปีกว่า ที่ผมเริ่มสอนพ่อแม่ไปเริ่มเห็นผลแล้ว ก็หันมารักษาศีลจริงๆจังๆ ที่น่าดีใจกว่าคือได้มาหัดนั่งสมาธิฟังเทศน์ฟังธรรมด้วย
ผมว่านี่แหละคือความหมายของประโยคที่ว่า "เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์"  คือลูกบวชแล้วสามารถชักนำให้พ่อแม่ปฏิบัติธรรมได้ง่ายกว่าไม่ได้บวช เพราะสามารถเป็นแบบอย่างได้ดีกว่าเพศฆราวาส  

สุดท้ายขอฝากไว้ว่า บวชตามประเพณีมันก็มีดีนะเออ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
"ปาฏิหาริย์ของศาสนาพุทธไม่ใช่เหาะได้ ดำดินได้ แต่คือทำคนชั่วให้เป็นคนดีได้ ทำคนไม่มีศีลให้มีศีลได้ ทำคนที่ใจไม่สงบให้สงบได้ ทำคนมีกิเลสให้หมดกิเลสได้  นี่เป็น ปาฏิหาริย์ที่สุดยอดที่สุดแล้ว"... ผมชอบประโยคนี้มากเลยครับ

อมยิ้ม36
ความคิดเห็นที่ 6
เริ่มศรัทธาจริงๆ ตอนอายุ 13 ช่วง ม.2 ครับ
สาเหตุมาจากตอนอยู่ ม. 1 เพื่อนมาถามเรื่องพุทธ แรกๆก็ตอบได้
เพราะเรียน ร.ร.ส่งเสริมพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ มาตั้งแต่ ป.5

หลังๆ เพื่อนชักเริ่มถามหลักธรรมะที่ยากๆ
จนผมต้องไปหาคำตอบจากห้องสมุดของ ร.ร.

หาไปหามา ก็เริ่มศรัทธาและเข้าใจในธรรมะของพระพุทธเจ้า
เพราะที่ผ่านมาเรียนแต่พุทธประวัติ ศาสนพิธี

ช่วงนั้นตอน ม. 1 อ่านแต่รามเกียรติ์
พออยู่ ม.2 เริ่มศรัทธาพระพุทธศาสนาก็หันมาอ่านพวก ปฏิจจสมุปบาท
สติปัฏฐาน 4  วิสุทธิมรรค หลวงปู่ฝากไว้(หลวงปู่ดูลย์)
นิทานชาดก มิลินทปัญหา ดั่งสายน้ำไหลของเขมานันทะ
ธรรมธารา ของธรรมโฆษหรือคุณแสงจันทร์งามในปัจจุบัน
ส่วนเพื่อนผมดูจะชอบลีลาวดีมากกว่าธรรมธารา

เริ่มหันมาฟังรายการวิทยุธรรมะทางสถานีวิทยุยานเกราะฯ
และดูรายการธรรมะ แผ่นดินธรรม ทาง ททบ. 5

พอขึ้น ม. 4 เพื่อนคนที่กล่าวถึงก็ชักชวนไปศึกษาพระอภิธรรม
ที่มูลนิธิปริญญาธรรม วัดสังเวช บางลำภู
ซึ่งตอนนั้นท่าน นพ.เชวง ฯ ประธานมูลนิธิยังมีชีวิตอยู่

ส่วนเรื่องการปฏิบัติเจริญภาวนาก็เริ่มฝึกพร้อมๆกับการเรียนธรรมะ
โดยเจริญภาวนาทั้งสมถะและวิปัสสนา
เพื่อนผมจะชอบเดินจงกรม ส่วนผมจะชอบนั่งสมาธิ
ความคิดเห็นที่ 2
ของเรา ตั้งแต่ไปปฏิบัติวิปัสนาช่วงแรกๆ

ตอนนั้นเรารู้เลยว่าเราเข้าไปเพื่อไปพิสูจน์ว่า พระพุทธศาสนานั้นสอนจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ ใช่ไหม

พอปฏิบัติไป ๆ ทำให้เรารู้เลยว่า ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด

พระพุทธศาสนานั้น พิสูจน์ความจริงทั้งหลายได้ แต่ต้องทำเอง ปฏิบัติเอง จึงจะเห็นเอง

จำได้ว่าหลังจากวันเหล่านั้นไป เราก้มกราบพระพุทธรูปที่ไหนๆ

เปรียบเหมือนเราได้กราบไปถึงพระพุทธเจ้า , พระธรรม, และพระสงฆ์จริงๆแล้ว

ครั้งแรกถึงกับร้องไห้ ทุกครั้งที่กราบ (กราบ 3 ที ร้องไห้ - ซาบซึ้ง 3 รอบ)

ทำให้เรารู้เลยว่าเรากราบพระนั้น ไม่ได้กราบถูกกระดาน(พื้น) อีกต่อไปเลยค่ะ

ขออนุโมทนากับคุณนะคะ ที่ได้สัมผัส พระพุทธศาสนา เพราะของพวกนี้ ใครทำใครรู้ได้ด้วยตัวเองค่ะ

บอกให้ตายยังไง เค้าก็จะมองว่าเราบ้า ได้ไม่ได้ทำ ได้เห็นด้วยตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่